บทที่ 199 ความตายและการหลบหนี[รีไรท์]
บทที่ 199 ความตายและการหลบหนี[รีไรท์]
ในขณะที่ค่ายกลกำลังผันผวนอย่างต่อเนื่อง สายตาของไทเกอร์ก็เหลือบมองไปด้วยสัญชาตญาณพร้อมความเย็นชาที่ปรากฏออกมา จากนั้นเขาก็เริ่มยืดตัวขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะมองไปยังราชางูเซียงซีที่อยู่ข้าง ๆ เขาหันหลังแล้วเดินออกไป เหลือไว้เพียงคำพูดแผ่วเบาที่ลอยเข้ามา
“คุณอยู่ที่นี่คอยควบคุมค่ายกลต่อไป ฉันจะไปจัดการหนูที่แอบเข้ามาเอง” พูดจบไทเกอร์ก็เดินออกจากค่ายกลไป
หลังจากเดินออกมาจากใจกลางค่ายกล ไทเกอร์ก็มองไปทางซ้ายและขวาทันที จากนั้นเขารู้สึกถึงลมหายใจที่คุ้นเคยเป็นพิเศษซึ่งทำให้เขาหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะเคยสัมผัสกับฝันร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็เคยพยายามสู้กับมันมาแล้วเหมือนกัน แต่ความกลัวในกระดูกกลับกีดกันไม่ให้เขาก้าวเดินต่อไป
เขารีบหลบไปด้านข้าง ไม่นานนักไทเกอร์ก็มาถึงขอบของค่ายกล จากนั้นเขาก็มองไปยังทิศทางของลมหายใจนั้นและวิ่งหนีทันที เขาตั้งใจที่จะกลับไปหาราชางู
“จะหนีไปไหนน่ะ หยุดนะ!” ขณะที่ไทเกอร์วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเสือกับสัตว์ร้ายอีกหนึ่งตัวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า มันพุ่งเข้าใส่เขาอย่างไม่ลังเล
ไทเกอร์รู้สึกหวาดกลัวในใจ และในตอนนี้ที่สัตว์ทั้งสองพุ่งเข้าใส่ เขาก็คิดว่าทิศทางที่จะหนีนั้นได้ถูกเปิดเผย ดูเหมือนว่าในตอนนี้การหลบหนีเอาชีวิตรอดจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดมากกว่าเรื่องอื่นใด
ไทเกอร์ไม่คิดที่จะต่อสู้กับสัตว์ทั้งสอง เขากะว่าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมแล้วหนีไป ซึ่งฉู่เหินบอกให้สัตว์ทั้งสองรั้งชายนี้เอาไว้ให้ได้ แม้จะเพียงชั่วครู่ก็ยังดี น่าเสียดายที่สัตว์ทั้งสองไม่อาจตามความเร็วของไทเกอร์ได้ พวกมันทั้งสองตัวไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะหยุดคนคนนี้ได้
กลับมาที่ด้านของฉู่เหิน
เมื่อชายหนุ่มพบว่ามีการต่อสู้ที่อีกฟากหนึ่ง เขาก็รีบวิ่งเข้าไปทันที ทว่าเมื่อเขามาถึงก็พบว่าพี่เสือและแรดกำลังส่งเสียงคำราม ส่วนชายคนนั้นก็เพิ่งจะหนีไปอย่างไร้ร่องรอย นี่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกจนปัญญา และได้แต่พร่ำบ่นว่าว่าตัวเขาพลาดเองที่ไม่ได้คิดให้ดี ๆ ก่อน
แม้มันจะสายเกินไปที่จะไล่ตามชายคนนั้น แต่ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะจัดการสิ่งต่าง ๆ ฉู่เหินบรรจงจัดวางค่ายกลรอบ ๆ หมอกพิษนี้และเมื่อเตรียมการเสร็จแล้ว เขาก็เข้าไปในค่ายกล
แมวนพเวทย์พยายามควบคุมความเร็วในการดูดกลืนพิษเหล่านี้ เมื่อเห็นว่าฉู่เหินกำลังจะจัดการทุกอย่างให้เสร็จมันก็ไม่ลังเลที่จะสูบพิษอย่างตะกละตะกลาม จากนั้นหมอกพิษก็จางหายไปอย่างรวดเร็วจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ชายชราที่อยู่ตรงกลางก็ปรากฏตัวให้ทุกคนได้เห็น ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ชายชราไม่อยากจะเชื่อว่าค่ายกลร้อยพิษหยินหยางของเขาจะถูกทำลายอย่างง่ายดายขนาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าก็คือไทเกอร์ที่ออกไปเพื่อฆ่าอีกฝ่ายนั้น จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย!!!
ชายชราเองก็ไม่ใช่คนโง่ เขาคิดอย่างรอบคอบและมองเหตุการณ์ทุกอย่างออกตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าไอ้เวรตะไลไทเกอร์นั่นได้หนีไปแล้ว หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักเขาก็แอบโกรธอยู่ในใจ ก่อนที่จะหาเส้นทางหลบหนีแล้วพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อฉู่เหินเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ดวงตาของเขาก็ปรากฏความขี้เล่นออกมาเขารีบวิ่งตามอีกฝ่ายไปทันที ฉู่เหินเห็นชายชราวิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสุดท้ายก็วิ่งเข้าไปในกับดักของฉู่เหินจนทำให้ชายชราเด้งกลับมาอย่างรวดเร็ว
ด้วยประสบการณ์การต่อสู้อันยาวนาน ทำให้ชายชรารู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าหากอยากจะออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยเขาต้องจัดการไอ้หนุ่มตรงหน้าซะก่อน ชายชรามั่นใจเลยว่าระดับของฉู่เหินนั้นน่าจะอยู่แค่ขั้นยอดฝีมือ หรือที่เรียกอีกอย่างว่าขั้นปราชญ์ ซึ่งยังไงก็น่าจะต่ำกว่าเขาแน่ ๆ
จากนั้นชายชราก็ไม่รีรอพร้อมกับปล่อยหมัดเข้าใส่ฉู่เหิน เขาคิดไว้ว่าเด็กหนุ่มจะต้องหลบมัน จากนั้นเขาจะอาศัยจังหวะนั้นเพื่อหลบหลีกไปอีกทางหนึ่ง ทว่าทุกอย่างมันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด แทนที่จะหลบฉู่เหินกลับชกหมัดสวนกลับมาอย่างรุนแรง
หัวกิเลนปรากฏบนแขนของฉู่เหิน มันกระแทกเข้ากับหมัดของชายชราจนเกิดเสียงดังสนั่น! หลังจากที่หมัดทั้งสองเข้าปะทะกันแล้ว ชายชราก็ถอยออกมาเล็กน้อยพร้อม ๆ กับฉู่เหิน
ทว่าหลังจากที่ทั้งสองหยุดลง ฉู่เหินก็ใช้ดัชนีกิเลนทันที ราวกับมีดาบพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา มันรวดเร็วราวกับสายลม! ดุดันดั่งสายฟ้า!
ในจังหวะที่ดัชนีกิเลนถูกใช้งานออกมา มันก็พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ก่อนที่ชายชราจะทันได้ทำอะไรมันก็พุ่งเข้าใส่หน้าอกเขาแล้ว
ดัชนีกิเลนสัมผัสเข้าที่งูสองตัวที่วนรอบหน้าอกของชายชรา ทำให้พวกมันระเบิดออก ก่อนจะแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงในทันที
“เซี่ยวเฮย…เซี่ยวไป๋…ไอ้หนุ่ม แกฆ่างูสุดที่รักของฉัน! ฉันจะให้แกชดใช้ด้วยชีวิต!!” เมื่อเห็นว่าลูก ๆ สุดที่รักถูกฆ่าตายอย่างน่าอนาถ ชายชราก็คำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“กล้าวางแผนซุ่มโจมตีแบบนี้แสดงว่าเตรียมใจตายมาแล้วล่ะสิ ให้ฉันฆ่าแกเถอะ แล้วแกก็จะได้ไปอยู่กับงูสุดที่รักของแกในโลกหน้าไง” หลังจากที่ฉู่เหินพูดจบ เงาของหัวกิเลนก็เริ่มปรากฏขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เนื่องจากดัชนีกิเลนอันก่อนหน้านั้นถูกป้องกันเอาไว้โดยงูทั้งสองตัว ทำให้ฉู่เหินต้องใช้ดัชนีกิเลนใหม่อีกครั้ง
ทว่า หลังจากที่ปะทะกันไปเพียงไม่นาน ชายชราก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของฉู่เหิน เด็กคนนี้มันเป็นปีศาจชัด ๆ แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ แต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าชายชราเลย บวกกับการที่ทุกคนในตระกูลซ่างกวงมองอยู่รอบ ๆ แบบนี้ มันก็ทำให้ชายชรายิ่งไม่อยากจะสู้ต่อ ดังนั้นเขาจึงเตรียมหาทางหนี
มันน่าสมเพชที่ถูกล้อมเอาไว้แบบนี้ ชายชราไม่รู้ว่าจะต้องวิ่งหนีไปทางไหนดี เมื่อเป็นแบบนั้นเขาจึงต้องพุ่งเข้าใส่ฉู่เหินอีกครั้ง เขารู้สึกว่าตราบเท่าที่จับอีกฝ่ายได้ก็ย่อมหนีได้ ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ ฉู่เหินก็สะบัดมือและปล่อยหุ่นฉู่เฟิงกับผู้อาวุโสปลาหมึกออกมา
ทั้งสองได้เตรียมตัวต่อสู้ตั้งแต่อยู่ในแหวนแล้ว เมื่อพวกเขาออกมาจึงโจมตีชายชราที่อยู่ตรงหน้าทันทีอย่างไม่ลังเล
ฉู่เฟิงตวัดดาบและดาบหนามก็เข้าหาฝ่ายตรงข้ามอย่างดุร้าย สามง่ามปรากฏอยู่ในมือของผู้อาวุโสปลาหมึกและดูเหมือนว่าจะมีสายน้ำพุ่งออกมาหลังจากที่แทงมัน เมื่อถูกใช้งานมันก็แสดงพลังของสายน้ำที่ยิ่งใหญ่ออกมา พลังของมันทรงพลังจนเหนือจินตนาการมากทีเดียว
ในจังหวะเดียวกัน ฉู่เหินก็ใช้หมัดกิเลนพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายทันที ชายชราไม่คิดว่าจู่ ๆ จะมีอีก 2 คนโผล่ขึ้นมา แต่ยังไงซะมันก็สายเกินไปที่จะหนีแล้ว เพราะหลังจากที่ฉู่เหินปล่อยหมัดออกมา ฉู่เฟิงกับผู้อาวุโสปลาหมึกก็เข้าโจมตีอีกด้าน
‘ฉึก! ฉึก!’
ปรมาจารย์ขั้นเต๋าถูกกระแทกและเซถอยออกไป แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะตายเขาก็ได้ยิ้มออกมาที่มุมปากอย่างชั่วร้าย ถ้าเป็นคนอื่นที่มาเห็นพวกเขาก็คงจะงงงวย แต่ฉู่เหินรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นมีพลังในการเกิดใหม่
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายคือฉู่เหิน ชายหนุ่มจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เดิมขึ้นอย่างเด็ดขาด ฉู่เหินเรียกหม้อทองคำออกมาแล้วดูดชายชราเข้าไปข้างใน จากนั้นเขาก็จัดการกลั่นอย่างรวดเร็ว เตรียมทำให้ชายชรากลายเป็นสารของยาอายุวัฒนะ
แต่ถึงกระนั้นฉู่เหินก็ยังไม่สบายใจ เขาใช้หม้อทองคำต่อให้มันดูดงูพิษที่อยู่รอบ ๆ ทั้งหมดเข้าไปแล้วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาคิดว่าถ้าไม่มีพวกงูพิษอยู่รอบ ๆ นี้อีก ชายชราคนนั้นก็จะไม่สามารถฟื้นคืนชีพ และจะต้องตายอย่างแน่นอน!