บทที่ 288 เขาคือเจ้าของยาศพปีศาจ
บทที่ 288 เขาคือเจ้าของยาศพปีศาจ
เนื่องจากเวลามีจำกัด เหล่าผู้เข้าแข่งขันเลยเริ่มขยับตัวอย่างรวดเร็วแม้ผ้าจะมีขนาดเพียง 1 ฟุตแต่พวกเขาก็ต้องทำอะไรสักอย่าง ตอนนี้พวกเขานึกถึงสุภาษิต ที่ว่าคนคำนวณหรือจะสู้ลิขิตฟ้า เก่งแค่ไหนถ้าเจอผ้า 1 ฟุต ใครมันจะไปตัดเสื้อผ้าได้กัน!
1 ชั่วโมงผ่านไปในพริบตาหลังจากระฆังดังขึ้นหลายคนก็หยุดมือ อันที่จริงผู้แข่งขันเหล่านี้ทำเครื่องแต่งกายของพวกเขาเสร็จนานแล้ว เพราะผ้าผืนหนึ่งที่มีขนาดเท่าฝ่าเท้าใครมันจะไปทำอะไรได้
หลังจากผู้เข้าแข่งขัน 10 คน เดินออกไป กรรมการก็เดินเข้ามาตรวจสอบเครื่องแต่งกายของ 10 คนที่ออกไปนั้นเป็นผ้าคลุมศีรษะมีลวดลายที่ขอบด้านบนซึ่งก็ดูดีไม่เลวเลยทีเดียว แต่คนระดับปรมาจารย์มาทำอะไรแบบนี้มันออกจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่กับฝีมือที่ร่ำเรียนมา
หลังจากการประเมินของกรรมการหลายคน พวกเขาก็ตกลงกันว่าคนที่ทำผ้าคลุมศีรษะมาจะถูกตัดสิทธิ์ทั้งหมด จากนั้นกรรมการก็เริ่มแยกคนที่ทำผ้าคลุมศีรษะลงจากเวทีให้หมด พวกเขาไม่จำเป็นต้องอยู่บนเวทีแห่งนี้
เหลือคนไม่ถึง 100 คนจากผู้เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 300 คน ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ออกไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติของปรมาจารย์ แต่พวกเขามีความคิดอนุรักษ์นิยมและไม่มีความคิดสร้างสรรค์เลยแม้แต่น้อย
หลังจากคัดคนที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ออกไป กลุ่มคนก็เหลือไม่กี่คนบนเวทีที่กำลังเฉิดฉาย คนเหล่านี้สร้างตุ๊กตาและชุดเล็ก ๆ หรือตุ๊กตามือ แน่นอนว่าตุ๊กตาในที่นี่หมายถึงตุ๊กตาจริง ๆ มันเป็นตุ๊กตาขนาดจิ๋วที่ใช้แทนตัวคน
เสื้อผ้าชิ้นเล็กของตุ๊กตาพวกนี้ทำออกมาได้ดี แต่ถ้าไม่มีตุ๊กตาไร้ค่าไม่อาจเอาไปใช้ทำอะไรได้ บางคนยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ มีคนทำถุงมือจากผ้าอันน้อยนิดหรือบางคนก็ทำหมวก มีแม้แต่คนทำกระเป๋าใบเล็กๆ!
แม้สิ่งเหล่านี้จะแปลกแตกต่างมีความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชนะเลิศการแข่งขันรอบชิงครั้งนี้
เสื้อผ้าที่คนเหล่านี้ทำมาจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าสนใจพอ ทำให้ยังไมีมีใครเป็นผู้ชนะเลิศ ทุกปีที่งานนี้จะมีเสื้อผ้าที่เป็นกระแสนิยมและเสื้อผ้านั้นจะเป็นที่นิยมไปอย่างน้อยอีก 10 ปีจนกว่าจะมีการแข่งขันครั้งต่อไป ผู้ตัดสินเลยต้องเลือกมันอย่างพิถีพิถัน
ผู้เข้าแข่งขันที่เรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือปรมาจารย์จากทั้งสามของอาณาจักรต้าเซียแสดงผลงานของพวกเขาต่อผู้หน้าคน ซึ่งทั้งสามทำสิ่งเดียวกันก็คือถุงมือ แม้มันจะเป็นเพียงถุงมือ แต่ถุงมือทั้ง 3 ก็มีความพิเศษและงดงามมาก หากนี่เป็นเวลาปกติผู้ชมคงจะส่งเสียงเชียร์ออกมาแล้วแต่ยังไงซะในการแข่งขันรอบชิงผู้ชมก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่น่าสนใจมากพอ
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามของอาณาจักรต้าเซียตอนแรกเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่เมื่อเห็นผู้ชมรอบข้างนิ่งเงียบ พวกเขาก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่มีโอกาสชนะ หลังจากนั้นผู้แข่งขัน 2 คนของอาณาจักรเว่ยก็แสดงผลงานของตนออกมา พวกเขาทำเพิ่มลวดลายบนผืนผ้า ซึ่งทำให้ผ้าผืนน้อยที่ยาวไม่ถึง 1 ฟุตกลายเป็นผ้าเช็ดหน้าที่งดงาม
แต่มันน่าเสียดายเพราะรอบข้างก็ยังคงเงียบงันและไร้เสียงเชียร์ นั่นทำให้พวกเขาผิดหวังไม่น้อย แต่สุดท้ายผู้แข่งขันทั้ง 2 ของอาณาจักรเว่ยก็เชื่อว่าด้วยผ้าเช็ดหน้าของพวกเขามันน่าจะดูดีกว่าถุงมือของอีกฝ่าย
แต่ทันใดนั้นเอง ตัวแทนจากอาณาจักรจันทราโบราณก็เป็นที่สนใจขึ้นมา พวกเขาทั้ง 3 คนทำหมวก มันสร้างสรรค์และสวยงามมาก แต่ก็น่าเสียดายที่มันยังไม่น่าสนใจมากพออยู่ดี
ในเวลานี้เกือบทุกคนหันมาให้ความสนใจกับฉู่เหินและเจียฉิวฉิว ทั้งสองเดินออกมาอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็หยิบของที่ตัวเองทำออกมา! ทั้งสองสิ่งที่ถูกนำออกมาต่างสร้างเสียงฮือฮาให้กับทุกคน สิ่งที่ฉู่เหินและเจียฉิวฉิวนำเสนอนั้นทำให้หญิงสาวต่างหน้าแดงก่ำอยู่ไม่น้อย
สองคนนี้ทำอะไร? คนหนึ่งทำกางเกงชั้นใน อีกคนทำเสื้อชั้นใน ในทวีปที่รกร้างว่างเปล่าเช่นนี้ชั้นในของผู้หญิงเปิดเผยเนื้อหนังขนาดนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ชั้นในผู้หญิงเป็นสิ่งที่ไม่เปิดเผยและไม่มีการถูกพูดถึง สิ่งที่ทั้งสองทำออกมาสวยงามและมีความดึงดูดบางอย่าง
เหล่าหญิงสาวที่ดูการแข่งขันก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้น พวกเธอไม่คิดว่าชุดชั้นในจะสวยได้ขนาดนี้มาก่อน แม้แต่เด็กสาวบางคนดวงตายังเปล่งประกาย พวกเธออยากรีบไปข้างหน้าเพื่อแย่งชิงทั้งสองชิ้นในมือของฉู่เหินและเจียฉิวฉิวมาลองใส่ดูเหลือเกิน
ไม่ต้องพูดอะไรมาก เสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่ม จริง ๆ มันควรจะเป็นเจียฉิวฉิวและฉู่เหินที่เสมอกันในรอบชิง แต่เจียฉิวฉิวยอมแพ้และยินดีรับเป็นที่สอง เธอรู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะฉู่เหิน เธอก็คงไม่ได้ที่สองมาครองและอาจไม่ได้แม้แต่จะจับผ้าในรอบชิงด้วยซ้ำ
เมื่อผู้ชนะในรอบชิงปรากฏตัวขึ้น องค์ชายทั้งสามก็นำรางวัลมามอบด้วยตนเอง นอกเหนือจากรางวัลเกียรติยศบางอย่างแล้ว ฉู่เหินยังได้รับชุดเกราะผ้าไหมสีทอง ชุดนี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติที่มี 5 องค์ประกอบในการป้องกัน หลังจากใส่มันไม่ว่าจะเป็น ดิน ทอง ไม้ ไฟ และน้ำ ก็ไม่อาจทำอันตรายอะไรได้
บวกกับสัตว์อสูรอวกาศของเขา ฉู่เหินก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาจะปลอดภัยขึ้น มาก เขาค่อนข้างพอใจกับรางวัลนี้ แน่นอนว่ายังมีรางวัลอื่นอีกนอกเหนือจากนี้ ยกตัวอย่างเช่น บ้านพักในอาณาจักรต้าเซีย
อีกอย่างก็คือบรรดาศักดิ์ของเขาในฐานะขุนนางของอาณาจักรต้าเซีย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์สำหรับฉู่เหิน เพราะหลังจากสิ้นสุดการทดสอบเขาก็จะจากไปและทิ้งสิ่งเหล่านี้ไว้เบื้องหลังให้แก่โจวรุย ฉู่เหินคิดว่าโจวรุยคนนี้จะสามารถพลิกผันสถานการณ์กลายเป็นเศรษฐีได้ในอนาคต
แต่หลังจากที่เขาเก็บรางวัลทั้งหมดไว้ก็มีสาวสวยคนหนึ่งก้าวออกมา เธอส่งเสียงอุทานดังมาจากด้านล่าง “พระเจ้าช่วย นี่มันเจ้าของยาศพปีศาจนี่” หลังจากได้ยินแบบนี้ฉู่เหินก็ตัวสั่น เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะจบลงแบบนี้เลย
จากนั้นฝูงชนที่เป็นกลุ่มก้อนก็แยกจากกันและมีคน 2 คนเดินออกมาจากฝูงชน ฉู่เหินมองไปที่พวกเขาและจำชายทั้งสองได้ สองคนนี้ไม่ใช่คนอื่นคนหนึ่งเป็นชายที่ร้านศาลาว่านเป๋าและอีกคนเป็นชายชราจากโรงประมูลจันทรา ซึ่งฉู่เหินเห็นอาการบาดเจ็บบนใบหน้าของชายชราอย่างชัดเจนชายชราน่าจะโดนข่มขู่ให้บอกว่าใครเป็นเจ้าของยาศพปีศาจ
ในทางตรงกันข้าม คนที่ร้านศาลาว่านเป๋าเดินมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า มันเป็นรอยยิ้มแห่งความชั่วร้าย ไม่จำเป็นต้องถามฉู่เหินก็รู้ว่ามันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ เขาไม่คิดว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้นเมื่อเขากำลังจะกลับไปที่โลก ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจกับชายคนนี้มาก
ฉู่เหินก้าวไปข้างหน้าทันทีและมองไปรอบ ๆ ซึ่งองค์ชายทั้งสามไม่สามารถนิ่งเฉยได้เมื่อได้ยินคำว่ายาศพปีศาจ ตราบใดที่พวกเขาออกคำสั่งพวกเขาก็สามารถจัดการกับฉู่เหินได้ทันที
“โจวรุย ยาศพปีศาจนั่นนายเป็นคนทำงั้นเหรอ?” องค์ชายแห่งอาณาจักรต้าเซียถามพร้อมขมวดคิ้วแน่น
“ยาศพปีศาจมีแค่ 3 เม็ดแต่ละอาณาจักรก็ได้ไปคนละเม็ดแล้วมาตอนนี้อยากจะฆ่าฉันปิดปากงั้นเหรอ?” ฉู่เหินยิ้มเบา ๆ เขาพูดโดยไม่เกรงกลัวอะไร เขารู้สึกได้แล้วว่าเขากำลังเชื่อมต่อของระบบเชื่อมโลกา ตราบใดที่เขาตกลงเขาก็สามารถกลับไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ
“แค่ยา 3 เม็ด เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านเสื้อผ้าทุกคนก็อยากจะฆ่าฉันเลยเหรอ?” หลังจากพูดแบบนั้นฉู่เหินก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น