บทที่ 290 การเผชิญหน้า
บทที่ 290 การเผชิญหน้า
ไม่มีทางที่ฉู่เหินจะสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ทั้งหมด แต่เขาพยายามคิดหาเหตุผลที่ค่อนข้างฟังขึ้นไว้แล้ว เขาบอกว่าเขาบังเอิญไปแตะรูหนอนในอากาศและไปโผล่ที่ต่างโลก เมื่อเขากลับมาที่โลกเดิม พวกคนแคระก็ติดมาด้วยฉู่เหินรู้ว่าไม่อาจทิ้งพวกเขาไปได้ ดังนั้นเขาพาทุกคนกลับมาที่บ้าน
แม้ว่าเหตุผลนี้จะดูบ้าบอ แต่พวกคนแคระก็ไม่เสียใจ พวกเขากลับดีใจที่ได้มายังโลกที่แปลกใหม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทุกคนรู้ว่าโลกนี้เป็นโลกที่ทุกคนเท่าเทียมกันและเป็นโลกที่ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย โลกที่พวกเขาใฝ่ฝัน
หลังจากที่ทุกคนขึ้นไปบนเรือของฉู่เหิน ฉู่เหินก็ตรวจดูแหอย่างระมัดระวัง เขาเจอแหวนมิติ 2 วงอยู่ภายใน ฉู่เหินหยิบแหวนและตรวจสอบอย่างละเอียด กลายเป็นว่าทุกสิ่งที่เขาซื้อไว้ในต่างโลกอยู่ในแหวนมิติแล้ว!
“ผู้ถือครองฉู่เหินได้ทำภารกิจที่เหนือกว่ามาตรฐาน เขาได้ทิ้งชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ไว้ในต่างโลก! ขณะเดียวกันเขาก็ได้รับสมบัติมากมายหลายชนิด ระบบเชื่อมโลกาพัฒนาไปอีกขั้นกลายเป็นระดับที่ 4”
“ผู้ถือครองฉู่เหิน ระบบเชื่อมโลกาได้เข้าสู่ระดับที่ 4 อย่างเป็นทางการแล้ว จากเดิมที่สามารถหว่านแหได้ 3 ครั้งต่อ 1 เดือน จะถูกเปลี่ยนเป็น 3 ครั้งต่อ 4 เดือน แหแสงม่วงหยินเหล๋ย ถูกอัพเกรดให้เป็นอาวุธวิเศษระดับ 4 แหแก้วหยกขาว”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฉู่เหินก็แอบรู้สึกมีความสุข เมื่อเขาประสบความสำเร็จพัฒนาระบบเป็นระดับ 4 ความรู้สึกเร่งด่วนที่ต้องทำภารกิจตลอดเวลาก็หายไป สัมผัสอันตรายที่มักจะแขวนอยู่ในใจก็หายไปด้วยเช่นกัน เพราะเขาไม่ต้องทำภารกิจเสี่ยงตายบ่อยๆ เป็นใครก็ต้องดีใจ
ฉู่เหินสรุปสถานการณ์ทั้งหมด บางทีระบบอาจเชื่อมโยงเข้ากับชีวิตของเขาเมื่อเขาทำอะไรสำเร็จหรือเก่งขึ้นมามันก็จะพัฒนาไปอีกระดับ ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้ไม่ใช่ผีสาง แต่เป็นสิ่งที่ไม่ที่รู้จักต่างหาก หากเข้าใจหรือรู้จักสิ่งที่น่ากลัวจะต้องคิดมีวิธีการรับมือออกอย่างแน่นอน แต่ถ้าไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยจะให้ไปรับมือล่วงหน้าได้ยังไง
แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์คือความสามารถของระบบไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเลย! ตอนที่เขากำลังสับสน เสียงระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ผู้ถือครองฉู่เหิน หลังจากระบบเข้าสู่ระดับที่ 4 ระบบจะมีฟังก์ชั่นการตั้งค่าคุณสมบัติล่วงหน้า” ถัดไปเป็นบรรทัดของอักขระขนาดเล็กซึ่งเป็นคำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับการใช้ฟังก์ชั่นนี้
หลังจากตรวจสอบดู ฉู่เหินก็เข้าใจ ฟังก์ชั่นนี้ธรรมดาไม่มีอะไรผิดแปลก นั่นคือทุกครั้งที่เขาหว่านแห่ เขาจะสามารถเลือดจุดหว่านแหได้ในเวลานั้นฉู่เหินสามารถให้แหไปปรากฏในที่ ๆ ตัวเองเตรียมไว้
ฟังดูว่าฟังก์ชั่นนี้ดีมาก แต่อันที่จริงระบบให้เวลาในส่วนนี้น้อยกว่า 15 นาทีซะอีก และในช่วงเวลาสั้น ๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกทำเลที่ดีในการหว่านแห ยิ่งกว่านั้นปัจจัยภายนอกก็สำคัญ หว่านแหทุกครั้งมันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย
แม้ว่าฟังก์ชั่นนี้จะค่อนข้างธรรมดาๆ แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลยและเมื่อเขากำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เสียงของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เนื่องจากฉู่เหินอัพเกรดจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 ทำให้ค่าประสบการณ์ทั้งหมดจะตามมาด้วย และค่าประสบการณ์สำหรับระดับถัดไปคือ 25.49 ล้านแต้ม”
หลังจากจบประโยคนี้เสียงของระบบก็หายไป ฉู่เหินนั่งพักและใช้ความคิดอยู่พักหนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เมื่อระบบก้าวหน้าขึ้นเขาก็ไม่มีความรู้สึกต้องเร่งรีบอะไรอีก ทำให้เขารู้สึกสบายใจมาก
“โจวรุย เกิดอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่า?” เจียฉิวฉิวมองฉู่เหินที่ยืนยิ้มแย้มตลอดเวลาเหมือนคนบ้ายังไงอย่างงั้น
คำพูดของเจียฉิวฉิวกระตุ้นฉู่เหิน เขาเกาหัวอย่างเขอะเขิน เพราะบุคคลภายนอกไม่ได้ยินเสียงของระบบแบบเขา อีกฝ่ายเลยคิดว่าเขาบ้าแน่ๆ
“เจียฉิวฉิวเราต้องคุยกันหน่อยนะ หลังจากนี้อย่าเรียกฉันว่าโจวรุยเลย เรียกฉันว่าฉู่เหินเถอะ ถ้าเธอไม่อยากอยู่โลกใบนี้ฉันส่งเธอกลับไปได้นะ” ขณะที่พูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกผิดจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาไม่รู้จะพาเจียฉิวฉิวกลับไปยังไง เพราะไม่แน่ว่าเขาจะได้กลับไปอีก ต่อให้ไปต่างโลกอีกก็ไม่แน่ว่าจะเป็นโลกเดิม เขาแค่อยากพูดออกไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ตอนนี้ปัญหาใหญ่ก็คือ ครั้งนี้เขาก็พาสาวสวยกลับมาบ้านด้วยอีกแล้ว ซึ่งมันไม่ดีแน่ๆ
“ใครบอกว่าฉันจะกลับไป? ในเมื่อโลกนี้มันดีอย่างที่นายบอกแล้วฉันจะกลับไปทำไมล่ะ?” เจียฉิวฉิวเชิดหน้าขึ้น เธอไม่คิดที่จะกลับไปโลกเก่าเลยแม้แต่น้อย นี้ทำให้ฉู่เหินหนักใจยิ่งกว่าเดิม!
จากนั้นเหล่าคนแคระก็มองมาที่ฉู่เหิน ก่อนที่ฉู่เหินจะได้พูดอะไรพวกเขาก็พูดขึ้นมาว่า “เราถือว่าเป็นคนของตระกูลฉู่ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนพวกเราก็จะตามไปด้วยทุกที่ไม่มีวันแยกจากไปไหน”
ฉู่เหินเหลียวหลังมองเหล่าคนแคระทำไมพูดอะไรกันแปลก ๆ อีกแล้วเนี่ย! จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอะไรอื่นนอกจากพาพวกเขากลับบ้าน ตอนนี้ฉู่เหินรู้สึกปวดหัวมาก เขาไม่รู้จะพูดกับเสี่ยวชิงยังไง
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเสี่ยวชิงมีปัญหามากมาย เธอกำลังเรียนจบมหาวิทยาลัยและเธอก็ไม่อยากอยู่แต่ที่บ้านเพื่อเป็นแม่บ้านเท่านั้น แต่ว่าถ้าให้เธอออกไปทำงานข้างนอกจริง ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ที่จริงแล้วเรื่องที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่อยากไปไกลจากหมู่บ้านมากนัก ต้องเข้าใจว่าสามีภรรยาต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะเรียกว่าสามีภรรยา ถ้าทั้งสองห่างกันมันก็ไม่เรียกว่าสามีภรรยาสิ
แม้เสี่ยวชิงจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รู้ ตั้งแต่กลับมาเสี่ยวฟู๋ก็พักที่นี่และไม่คิดจะไปไหน เสี่ยวฟู๋อยู่ที่นี่เพราะหัวใจของเธอบอกชัดเจนว่าอยากอยู่กับฉู่เหิน ซึ่งเสี่ยวชิงเองก็พบว่าฉางเย่เองก็มองฉู่เหินด้วยสายตาแปลก ๆ เช่นกัน
เมื่อรวมกับคำพูดของเสี่ยวเฟิงเธอก็ยิ่งสับสนมากขึ้น! โชคดีที่ไม่ว่าผู้หญิงจะถูกรบกวนเพียงใดใบหน้าของเธอก็จะสงบนิ่งอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนว่าหวงเจี้ยนหมิงและภรรยาของเขาจะชื่นชอบเธอเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวงลี่ลี่เองก็เรียกเธอว่าพี่สะใภ้นานแล้ว เมื่อมาถึงจุดนี้เธอก็โล่งใจ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอมักจะอยู่กับเสี่ยวฟู๋เพื่อการฝึกตน เธอคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ามีหญิงสาวมากมายอยู่ที่นี่ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องปกติแน่ ๆ เรื่องพวกนี้ทำให้เสี่ยงชิงสับสนมากขึ้น แม้ว่าหญิงสาวพวกนี้จะเป็นมิตรกับเธอแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอยินดีจะแบ่งปันฉู่เหินกับทุกคน
หลังจากมองดูเวลาเสี่ยวชิงก็รู้ว่าฉู่เหินคงจะใกล้กลับมาแล้ว เธอจึงรีบไปที่ชายหาดเพื่อรอรับเขากลับมาพร้อมกับเสี่ยวฟู๋ เสี่ยวฟู๋อยู่บ้านไม่มีอะไรทำพอยินว่าฉู่เหินกำลังจะกลับมาจึงตามมาด้วย
ไกลออกไปทั้งสองเห็นเรือประมงของฉู่เหิน สีหน้าพวกเธอดูไม่ดีนัก เพราะว่าทั้งสองเห็นผู้หญิงที่สวยมาก ๆ อยู่ข้าง ๆ เขา สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเธอรู้ว่าเรือของฉู่เหินนั้นตอนออกไปไม่คนไปด้วยเลย แต่ทำไมขากลับถึงมีผู้หญิงแปลกหน้ากำลังหัวเราะและพูดคุยกับฉู่เหินบนเรือได้ละ?
แม้เสี่ยวชิงและเสี่ยวฟู๋จะไม่เคยพูดคุยกับเจียฉิวฉิว แต่แค่เห็นหน้าพวกเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูแล้ว สีหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวัง! ขณะที่เรือกำลังจอด เจียฉิวฉิวก็เห็นว่าที่ชายฝั่งมีสาวงาม 2 คนกำลังยืนรออยู่
หลังจากที่ถามฉู่เหินด้วยเสียงเบา ๆ ใบหน้าของเจียฉิวฉิวก็ตื่นตัวเช่นกัน ทันทีที่หญิงสาวทั้งสามพบหน้ากันพวกเธอก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาเลย บรรยากาศระหว่างพวกหญิงสาวมาคุมาก ฉู่เหินรู้ได้ทันทีว่าในอนาคตมันก็จะเป็นเช่นนี้ อีกนานเลย