บทที่ 347 เข้าเกาะ
บทที่ 347 เข้าเกาะ
เมื่อฟังที่เด็กหนุ่มแนะนำเสร็จ สีหน้าของฉู่เหินเปลี่ยนไปแต่เขาก็เก็บสีหน้าทัน จากนั้นเขาก็แอบรู้สึกดีใจที่เขาไม่ได้ปล่อยแสดงพลังที่แท้จริงออกมาไม่งั้นคนที่ซวยเกรงว่าจะเป็นเขาเอง
ชายหัวล้านคนนี้เขาอาจสู้ไหว แต่ถ้าถูกคนพวกนั้นรุมเข้ามาพร้อมกัน อาศัยพลังของเขาตอนนี้คงไม่รอดแน่ ๆ อีกทั้งเขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มีกี่คนที่อยู่ขั้นทรราชดาราระดับสูง ซึ่งโชคดีที่เขาไม่ได้แสดงพลังอะไรออกไปมาก ทำให้พวกนี้หวาดกลัวเขาแทน
ในบริเวณนี้เต็มไปด้วยความเงียบงั้น ไม่มีใครพูดยั่วยุอะไรกันอีก ในเวลานั้นเองที่ศิษย์นิกายเมฆาผันแปรก็ได้กลับมาถึงที่นี่และไม่มีใครพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน เวลาผ่านไปกลุ่มหมอกดำก็เริ่มรวมตัวกัน
หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง หมอกดำก็รวมตัวกันใหญ่ขนาดกว่า 3 เมตร
จากนั้นหมอกดำก็ไหลเชี่ยวดูดเข้าหากัน ต่อมาก็มีแสงสว่างเปล่งออกมาจากข้างใน แสงสว่างที่ว่านั้นสว่างเสียจนไม่มีใครสามารถมองตรง ๆ ได้ ทันทีลำแสงนั่นเปล่งออกมาหมอกดำกลับสลายหายไป ปรากฏเป็นบานประตูหนึ่งบาน
เมื่อมันก่อตัวจนเป็นประตู ซึ่งภายในมีแรงดูดมหาศาล ดูดเอาทุกคนที่ยืนอยู่เข้าไปในประตูนั้นในเวลาอันรวดเร็วไม่เหลือสักคน แค่พริบตาเดียวพวกเขาก็มาอยู่ในโลกใบใหม่เสียแล้ว
ที่นี่เป็นโลกที่แปลกประหลาดมาก คล้ายกับว่าท้องฟ้าของที่นี่ตลอดทั้งปีจะมีแต่หมอกจาง ๆ ภายในโลกแห่งนี้นั้นถ้าหากว่าคุณใช้ดวงตาปกติมองจะยากมาก ๆ เนื่องจากการมองเห็นสูงสุดนั้นน้อยกว่า 1 เมตรและสถานที่ส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่เมตร
ดังนั้นการมองเห็นในเกาะสวรรค์นั้นส่วนมากจะใช้พลังจิตในการมอง และเพราะเหตุนี้เอง ทำให้คนที่สามารถออกไปจากเกาะสวรรค์ได้จะมีพลังจิตที่สูงมาก ต้องเข้าใจว่าพลังจิตก็คือพลังวิญญาณของคน ๆ หนึ่ง พลังจิตจะแข็งจะอ่อนก็ขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณของคน ๆ นั้น ดังนั้นพลังจิตของที่นี่ก็คือพลังวิญญาณ!
เดิมทีฉู่เหินคิดว่าเด็กหนุ่มกับพวกเขาสองคนจะเข้ามาเวลาเดียวกันและ น่าจะอยู่ไม่ไกลมากแต่เมื่อใช้พลังจิตสำรวจหาดูก็ไม่มีเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่เลย ไม่รู้ว่าถูกส่งไปที่ไหนแล้ว เขาสงสัยชายเด็กหนุ่มคนนั้นว่าทำไมถึงสามารถมองแล้วรู้ถึงระดับพลังยุทธ์ของคนอื่นได้อย่างปรุโปร่ง
หลังจากเรียกหาเสี่ยวชิง ทั้งสองก็เดินเข้าไปอีกทิศทางหนึ่ง ที่นี่มีแยกเหนือใต้ออกตก สามารถเดินไปที่ไหนก็ได้ ได้ยินว่าที่นี่ไม่มีผู้มีอำนาจในพื้นที่ มีก็เพียงสัตว์วิวัฒนาการกับซอมบี้
แต่อย่าได้ดูถูกสัตว์วิวัตนาการกับซอมบี้เด็ดขาด พลังโจมตีของพวกมันแข็งแกร่งมากมีกระทั่งขั้นราชันดาราระดับสูง ดังนั้นจะต้องเดินทางอย่างระมัดระวัง ถ้าเจอพวกระดับที่สูงพวกเขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกศิษย์จากนิกายมีอำนาจทั้งหลายเมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องดูแลตัวเอง ปกติแล้วพวกเขาจะมีคนนำทางไปไหนมาไหน แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสทั้งหลายไม่สามารถเข้ามาได้ พวกเขาก็ต้องดูแลตัวเอง
แต่ฉู่เหินกับเสี่ยวชิงไม่เหมือนคนอื่น เมื่อมาถึงฉู่เหินก็โบกมือเอาพี่เสือกับแรดเขาเดียวออกมา เขาต้องตรวจสอบพื้นที่ก่อนจะปลอดภัยที่สุด แบบนี้เขาจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกโจมตี การเดินตามสัตว์สองตัวนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แมวนพเวทย์เองก็ไม่อยากจะรออยู่ในแหวนจึงออกมาด้วยเช่นกัน แต่มันออกมาขนาดแมวบ้านเลยไปเกาะอยู่บนไหล่ของฉู่เหิน แต่นกกระเรียนกับกันคีรีบูนนั้นไม่เหมาะที่จะปล่อยมาบินที่นี่เพราะว่าหมอกหนามาก ถ้าบินออกไปอาจจะทำให้หลงทิศหลงทาง
หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉู่เหินถึงให้พี่เสือกับแรดเขาเดียววิ่งออกไปไกลด้วยความรวดเร็ว ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ฉู่เหินก็ได้ยินเสียงคำรามดังออกมาจากข้างหน้า นั้นจึงทำให้พี่เสือและแรดเขาเดียวระมัดระวังยิ่งขึ้น เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็เห็นว่าข้างหน้ามีสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาหา
หัวของมันเป็นเหมือนหัวของวัวมีหางเหมือนหางม้า รูปร่างคาดว่าน่าจะสูงถึง 10 เมตรเลยทีเดียว ทุกครั้งที่มันเดินจะเกิดเสียงดังทุกก้าว โดยเฉพาะปากของมันนั้นมีเขี้ยวแหลมคมคล้ายสัตว์ดุร้ายและแข็งแกร่งอย่างน่าเกรงขาม!
แม้จะใช้พลังจิตมองมันจากไกล ๆ ฉู่เหินก็สัมผัสได้ว่าพลังของมันไม่ธรรมดา ทว่าก็ยังโชคดีที่สัตว์ตัวนี้ไม่ได้ฉลาดเหมือนมนุษย์ ไม่งั้นอาศัยแค่พลังยุทธ์ของมัน พวกเขาคงไม่มีใครรอด
เขาค่อย ๆ หลบไปอีกทางอย่างเงียบเชียบไร้สุ่มเสียง สัตว์ตัวนี้แม้จะไม่มีความฉลาดแต่ประสาทเสียงกลับดียิ่ง ถ้าถูกมันพบเข้าจะรับมือยาก
หลังจากหลบด้วยความระวังแล้ว ฉู่เหินยังไม่ทันได้พูดอะไรก็เห็นว่าพี่เสือกับแรดเขาเดียวมีเหงือเย็น ๆ ไหลออกมาด้วยความตื่นตกใจเพราะรู้สึกถึงอันตรายจากสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันไม่รู้กี่เท่า
ที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยจริง ๆ พวกเขาไม่กล้าที่จะพลีพลามอีกแล้ว ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าจะเจอสัตว์ประหลาดแบบเมื่อกี้อีก
ต่อมาพวกเขาโชคดีที่ไม่ได้เจอสัตว์ขนาดใหญ่แบบนั้นอีกแล้ว แต่ความเร็วในการเดินทางของพวกเขาก็ช้ามาก! หลังเดินทางมาได้หลายวันฉู่เหินก็มองเห็นเทือกเขามาแต่ไกล
ก่อนมาที่นี่หยูเหวินชิงเฟิงบอกกับฉู่เหินว่าในโลกแห่งนี้ เห็นภูเขาก็เข้าไปเห็นแม่น้ำก็กระโดดลงไป เพราะว่าภูเขาและก็แม่น้ำพวกนี้จะมีสมบัติบางอย่างซ่อนเอาไว้อยู่! แม้ว่าสถานที่อื่น ๆ ก็มี แต่ไม่เยอะเท่ากับสองที่นี่
อีกทั้งการจะพบภูเขาที่นี่นั้นยังยากมาก ๆ เพราะว่ารอบทิศทางเป็นหมอก บางทีหากโชคไม่ดีเดินเท่าไรก็ไม่เจอ คิดไม่ถึงว่าเข้ามาได้ไม่นานก็เจอภูเขาเข้าซะแล้ว ฉู่เหินรู้สึกราวกับว่ามีดอกไม้บานในจิตใจของเขาเลยทีเดียว
แต่ดีใจได้ไม่นาน พวกเขาก็เอียงหูฟังเพราะอีกทิศหนึ่งมีคนกำลังเดินมาด้วยความรวดเร็ว เดิมทีฉู่เหินคิดว่ามีแค่เขาคนเดียวที่เห็นภูเขาลูกนี้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอีกหลายคนเห็นภูเขาลูกนี้เหมือนกันแถมอีกนับร้อยชีวิต
ตอนนี้คนที่รวมกันอยู่ตรงนี้คล้ายกับว่ากำลังหาอะไรบางอย่าง แต่ก็เห็นว่าคนนับร้อยคนต้องผิดหวังไปตาม ๆ กัน! มีบางกลุ่มที่สุ่มหัวกันคล้ายว่ากำลังคิดอะไรอยู่ บางก็ออกหาของทุกซอกทุกมุม เมื่อเห็นภาพนี้ทำให้ฉู่เหินเดาว่าคนเหล่านี้น่าจะกำลังหาสมบัติบ้างอย่าง
แต่เขาไม่คิดจะแสดงตัว ถ้าเขาเข้าไปแบบนี้นั้นเหมือนเป็นการโอ้อวดและจะทำให้คนเหล่านี้หมายหัวได้ เขาต้องจัดการทุกอย่างให้เงียบที่สุด ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเก็บพี่เสือและแรดเขาเดียวรวมถึงสัตว์อื่น ๆ ลงไปก่อนจะดีที่สุด
ส่วนเสี่ยวชิงเองก็เปลี่ยนรูปหน้าตาเช่นกัน ฉู่เหินมอบหน้ากากหนังมนุษย์ให้กับเสี่ยวชิง เมื่อหน้ากากแนบหน้าเธอ ชายหน้าบากก็ปรากฏตัวอีกครั้ง กระทั่งเสื้อผ้าฉู่เหินก็เตรียมให้เธอครบแล้ว เมื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าผู้ชายแล้วฉู่เหินก็มองเสี่ยวชิงที่ในตอนนี้มาดแมนเสียยิ่งกว่าเขาซะอีก โดยเฉพาะรอยบากบนใบหน้านั้น
เมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างเสร็จแล้ว ทั้งสองไม่ได้หยุดนิ่งแต่เดินเข้าไปในภูเขานั้นทันที ระหว่างที่อีกก้าวเดียวก็จะเข้าไปภายในภูเขาได้แล้ว ทั้งสองก็ต้องตัวสั่นเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
เพราะเมื่อมองจากข้างนอกพวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่ามีคนเป็นร้อยอยู่ในนี้ แต่เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาภายในภูเขาแล้ว คาดไม่ถึงแม้แต่คนเดียวก็ไม่มีให้เห็นเลยแม้แต่คนเดียว!