บทที่ 362 ร่างกายที่ไร้วิญญาณ
บทที่ 362 ร่างกายที่ไร้วิญญาณ
หลังจากเดินเข้ามาข้างในอีกสักพัก ฉู่เหินก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากด้านในสุด เสียงคำรามนี้ราวกับว่ามันกำลังเจ็บปวดทรมานอย่างถึงที่สุดจนต้องร้องออกมา
หลังจากได้ยินเสียงนี้ฉู่เหินก็รู้สึกสงสัย ภายในนี้ไม่มีซอมบี้แม้แต่ตัวเดียวมันไม่น่าจะมีเสียงคำรามดังออกมาได้เลย แม้แต่ฮาวโยวที่ร่างกายกำยำพอได้ยินเสียงคำรามก็รู้สึกขนลุกขนพองเช่นกัน
เขามองฉู่เหินแต่ก็พบว่าฉู่เหินท่าทางสบายใจมาก ไม่ได้ถูกเสียงคำรามทำให้สั่งไหวเลยแม้แต้น้อย พอเห็นแบบนี้จิตใจเขาก็ยิ่งรู้สึกนับถือฉู่เหินมากยิ่งขึ้น และยังแอบดูถูกตัวเองที่ตลอดมาคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่กลัวฟ้าดิน ทำไมถึงได้ขี้ขลาดขนาดนี้ไปได้
ทว่าเขาไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วฉู่เหินเองก็เกรง ๆ เหมือนกันแต่ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะเขารู้ว่าตอนนี้ไม่ควรตื่นตระหนกกับเรื่องอะไร ไม่งั้นอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นก็ได้ อีกอย่างพวกเขามาที่นี่เพื่อหาวัตถุดิบ ดังนั้นต่อไปมันจะยากเย็นสักแค่ไหนเขาก็ต้องเอาวัตถุดิบกลับไปให้ได้
หลังจากเดินเข้ามาใกล้อีก เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดนี้ก็ยิ่งดังขึ้น ฉู่เหินได้ยินอย่างชัดเจนว่าเสียงนี้มันไม่ได้มีแค่เสียงเดียว ในเหมืองแห่งนี้เหตุใดถึงได้มีเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดเยอะขนาดนี้ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เมื่อคิด ๆ ดูแล้วฉู่เหินก็ไม่ได้เดินตามเสียงนั้นไป แต่พาฮาวโยวเดินไปอีกทิศทางหนึ่งแทน ฮาวโยวถอนหายใจยาว เขารู้สึกกลัวจริง ๆ ว่าฉู่เหินจะพาเขาไปตรวจดูเสียงนั่น ทั้งสองคนเดินมาอีกทางไม่รู้ว่ามาไกลเท่าไหร่แล้ว
ในที่สุดทั้งสองก็พบกับหลุมขนาดใหญ่ เมื่อมองลงไปภายในก็นั้นเต็มไปด้วยหินมากมาย ฉู่เหินยื่นมือไปตรวจดู ภายในมีวัตถุดิบหลากหลายเต็มไปหมด แน่นอนว่าที่เยอะที่สุดก็ยังเป็นเพชร แต่ก็มีไม่วัตถุดิบอื่น ๆนอกจากนั้นด้วยเช่น พืชพันธุ์ระดับสี่ ทองระดับสาม และอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากนั้นฉู่เหินเห็นหินภูเขาไฟอยู่ 2-3 ก้อน หินภูเขาไฟนี้เป็นของระดับเจ็ด ถ้ามีวัตถุดิบแบบนี้มาสร้างเป็นอาวุธ มันจะเทียบได้กับไฟของมังกรเลยทีเดียว ยิ่งใช้โดยคนที่มีพลังดวงดางธาตุไฟ พลังก็จะเพิ่มพูน!
สำหรับฉู่เหินแล้วเหมืองแร่แห่งนี้เหมือนคลังเก็บสมบัติก็ไม่ปาน เขาดีใจมาก เพราะไม่ว่าจะสร้างค่ายกลหรือสร้างอาวุธก็จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบ ยิ่งมีของพวกนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งได้เปรียบมากเท่านั้น
ถ้ามีของพวกนี้ วรยุทธ์ของเขาก็จะสูงขึ้นอีกครั้ง แถมหินต่าง ๆ เหล่านี้ก็เอาไปสร้างอาวุธดี ๆ ให้กับน้องชายของเขาได้อีก แน่นอนว่าคงสร้างได้ไม่กี่ชิ้น เพราะการสร้างค่ายกลต้องใช้วัตถุดิบระดับสูงเหล่านี้ ถ้าใช้วัตถุดิบระดับเจ็ด 2-3 อันตรงหน้าล่ะก็ พลังของค่ายกลก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
พอคิดถึงตรงนี้ฉู่เหินก็ไม่ลังเล ว่าแล้วก็เปิดแหวนมิตินำคนที่ซ่อนเอาไว้กว่าร้อยคนออกมา อีกทั้งยังบอกให้ทุกคนเก็บวัตถุดิบเหล่านี้มาให้หมด
คนที่เพิ่งออกมาพอเห็นว่าภายในหลุมเต็มไปด้วยวัตถุดิบต่าง ๆ นา ๆ ทุกคนก็ตะลึงจนอ้าปากค้าง และพอรู้สึกตัวก็รีบลงมือลงทันที! อย่างไรก็ตามพอทุกคนลงมือขุดอย่างต่อเนื่อง ในใจของฉู่เหินก็อดสงสัยไม่ได้
วัตถุดิบเหล่านี้ไม่ได้เป็นของที่มีตามธรรมชาติ พวกมันมีอยู่ทุกทิศทางดูเหมือนจะมีคนตั้งใจรวบรวมมันไว้ที่นี่ เพียงแต่คน ๆ นั้นไม่เห็นของเหล่านี้อยู่ในสายตา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอะไรมันก็เอามาทิ้งไว้ตรงนี้ทั้งหมด
พอคิดได้แบบนี้ ฉู่เหินก็เพิ่มความระมัดระวังตัว ทั้งยังใช้วัตถุดิบที่เพิ่งเก็บมาเล็ก ๆ น้อยให้เป็นประโยชน์ สร้างค่ายกลอำพรางที่นี่เอาไว้ ยิ่งทุกคนขุดลงไปเท่าไหร่ฉู่เหินก็ยิ่งรู้สึกว่าที่นี่มันมีอะไรไม่ถูกต้อง เพราะวัตถุดิบทั้งหมดที่เก็บรวบรวมไว้สถานที่แห่งนี้ เก็บเท่าไรก็ไม่หมดจนกลายเป็น หลุมขนาดกว้างกว่าสิบเมตร
อีกทั้งหลุมนี้ยังคล้ายกับมีทางเดิน มันไม่ถูกต้อง ตอนนี้ทั้งหนึ่งร้อยคนเก็บวัตถุดิบจนแหวนมิติหลายคนเริ่มเต็มแล้ว แต่แหวนมิติฉู่เหินค่อนข้างใหญ่ เพราะแบบนี้เลยเก็บของ ๆ คนพวกนี้เอาไว้ในแหวนของตัวเองแทนแล้วให้พวกเขาลงไปขุดหาของต่อ
ตั้งแต่ทุกคนเริ่มขุดไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ขุดถึงใต้สุดจนไม่พบวัตถุดิบเลยแม้แต่อันเดียวทุกคนถึงได้หยุดมือ!
ยังดีที่แหวนมิติของฉู่เหินยังเหลือที่ว่างอยู่ ไม่งั้นหนึ่งร้อยคนนี้ต้องมีปัญหาตอนกลับแล้ว! ฉู่เหินไม่อยากหยุดอยู่ที่นี่นาน ๆ คิด ๆ ดูแล้วเขาก็ตัดสินใจกลับไปทางเดิม แม้จะรู้สึกแปลกใจกับเสียงร้องอันเจ็บปวดนั้น แต่ก็ได้แค่เก็บไว้ในใจ เพราะตอนนี้ยังมีอีกอีกหนึ่งร้อยชีวิตที่เขาต้องพากลับออกไป เขาไม่กล้าทำอะไรที่มันเสี่ยง
เส้นทางกลับเมืองโบราณไม่เกิดอะไรขึ้น เขาถึงได้ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก จากนั้นฉู่เหินก็ทำการวิเคราะห์ว่าจะสร้างค่ายกลอะไรดี หลังจากเขาวิเคราะห์สักพักก็ตัดใจใช้ค่ายกลห้าวิถีเหมือนเดิม แต่ค่ายกลห้าวิถีครั้งนี้กับครั้งที่แล้วจะไม่เหมือนกัน
อย่างแรกคือวัตถุดิบในมือเขาตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ตอนนี้วัตถุดิบในมือของเขามีมากมายมหาศาบ มากพอที่เขาจะสร้างค่ายกลรอบเมืองโบราณนับสิบรอบ! หลังจากวางแผนเป็นรูปแบบร่างดีแล้ว ฉู่เหินก็เริ่มลงมือ
ต้องเข้าใจว่าเมืองโบราณเป็นเมืองใหญ่ ถ้าเขาคนเดียวสร้างค่ายกลเกรงว่าอีกหนึ่งเดือนก็ไม่เสร็จ แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะว่าเขาให้ตำราสร้างค่ายกลกับน้องชายไปแล้ว ภายในได้บอกวิธีสร้างค่ายกลห้าวิถีไว้อย่างละเอียด อีกไม่กี่วันฉู่ฉุนก็น่าจะฝึกฝนลูกน้องในมือหนึ่งพันกว่าคนให้รู้ว่าจะต้องสร้างค่ายกลยังไง
ตอนนี้มีคนมากกว่า 1,000 คนมาสร้างค่ายกลพร้อมกับฉู่เหิน ความเร็วก็ยิ่งเพิ่มเป็นพันเท่า ค่ายกลนี้ครอบคลุมไปยังลักษณะทางชัยภูมิของเมืองโบราณอย่างสายน้ำและภูเขาด้วย ทำให้ค่ายกลนี้แข็งแกร่งมากขึ้นอีกเท่าตัว ฉู่เหินมั่นใจว่าต่อให้เป็นขั้นราชันดาราระดับสูง แต่ถ้ากล้าเข้ามาภายในค่ายกลมันก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่สิต่อให้เป็นขั้นจักรพรรดิดารามาเอง ฉู่เหินก็คิดว่าน่าจะรับมือได้
ท่ามกลางความขยันขันแข็งของคนหนึ่งพันคน ตั้งแต่เช้ามืดจนฟ้าเป็นสีเหลือง บริเวณเมืองโบราณถูกล้อมรอบด้วยค่ายกลขนาดใหญ่ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แต่หลังจากมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างฉู่เหินก็ไม่ได้หยุดพักค่ายกลของเขาอันนี้มีความพิเศษมาก ยิ่งใช้เวลายาวนานเท่าไหร่ผลลัพธ์ก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น
และเพราะแบบนี้ ฉู่เหินถึงได้สร้างค่ายกลเพิ่มเติมตลอดเวลาไม่หยุด แต่จากที่คาดการณ์เดิมทีวันนี้ตอนเย็นที่ซอมบี้เหล่านั้นจะต้องบุกโจมตี แต่พวกมันกลับไม่มา! นี้อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเขาแล้ว ทำไมซอมบี้ถึงไม่โจมตี พวกมันไม่น่าจะยอมแพ่ง่าย ๆ แน่
หลังจากรอไปสักพักสุดท้ายก็ไม่มีพวกซอมบี้บุกเลย ฉู่เหินอดคิดไปถึงหลุมนั้นไม่ได้ บางทีหลุมนั้นอาจจะมีเรื่องลึกลับซ่อนอยู่ หลังจากคิดถึงตรงนี้เขาก็เรียกให้ฉู่ฉุนมาหา แล้วมอบหน้าที่ควบคุมค่ายกลให้แก่ฉู่ฉุน ส่วนเขาก็ออกเดินทางในทันที
ฉู่เหินมาถึงหลุมนั้นแล้ววิเคราะห์อีกครั้ง ครั้งก่อนเขาสงสัยที่นี่มาก ครั้งนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่ามันยังไงก็แน่ แล้วเสียงร้องอันเจ็บปวดนั้นมาจากไหนถ้าเขาไม่อาจไขข้อข้องใจได้ เกรงว่าจิตใจของเขาคงไม่สงบแน่
อีกอย่างในใจของเขามีความรูสึกบ้างอย่าง คล้ายว่าซอมบี้เหล่านี้กับเสียงที่เจ็บปวดนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน และเพราะแบบนี้เขาถึงต้องมาที่เหมืองแห่งนี้อีกครั้ง!