บทที่ 435 สิ่งที่ไม่รู้
บทที่ 435 สิ่งที่ไม่รู้
มองกลุ่มพวกนั้นที่เหมือนปลาได้น้ำเดินเข้าไป ในใจของฉู่เหินก็คิดวนไปมา ถ้าไปกับหัวหน้าพรรคหยูหลินก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย แต่แบบนั้นก็ไม่ได้สมบัติอะไรสิ! ถ้ามีสมบัติจริง ยังไงชายหนุ่มก็คงต้องแบ่งกับคนในพรรคคนอื่น ๆ อีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่เหินก็เลือกที่จะไปเส้นทางที่ไม่เคยมีใครไปมาก่อน! ตอนแรกลูกน้องของเขาจะตามไปด้วยแต่ฉู่เหินไม่ยอม เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเส้นทางที่จะไปยังไม่เคยได้รับการบุกเบิกมาก่อน มันจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยอันตราย การพาพวกเขาไปด้วยอาจจะฉุดรั้งตัวเองได้
แต่ถ้าไปคนเดียว ต่อให้ต้องหนีหรือเดินหน้าต่อก็ลื่นไหลไม่ต้องพะว้าพะวัง! ดังนั้นฉู่เหินเลยบอกพวกเขาว่าถ้าอยากค้นหาสมบัติก็ให้เลือกเส้นทางเอาเอง แต่ถ้าอยากจะกลับไปอย่างปลอดภัยล่ะก็ จงตามคนอื่น ๆ ไป! พี่น้องทุกคนรู้ว่าฉู่เหินทำเพื่อปกป้องพวกเขา ดังนั้นทุกคนต่างก็เข้าใจดี
ระหว่างที่ฉู่เหินเดินอยู่ ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายรอบข้างคล้ายจะไม่เหมือนเดิม เมื่อเดินมาถึงทางแยก ฉู่เหินก็สัมผัสได้ว่าภายในแยกนั้นคล้ายจะมีกลิ่นอายของพลังธาตุไฟ!
ที่จริงมันเป็นแค่สัญชาตญาณบางอย่างเท่านั้น เพราะอีก 2-3 เส้นนั้นมีความแตกต่างไม่มาก อีกทั้งถ้าเกิดสัมผัสกลิ่นอายจากตรงนี้ได้ งั้นพวกยอดฝีมือพวกนั้นก็คงสัมผัสได้นานแล้ว บางทีสัญชาตญาณอาจจะเป็นเพราะฟ้าลิขิตก็ได้
เมื่อฉู่เหินเลือกดีแล้วก็โบกมือลาทุกคน ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น! เมื่อเขาเดินมาเรื่อย ๆ ก็พบว่าสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนไป จากต้นไม้เขียวขจีและภูเขากว้างก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้มันกลับกลายเป็นภูเขาโล้น ๆ
ภูเขาที่นี่นั้นแม้แต่ต้นหญ้าก็ไม่มี อีกทั้งก้อนหินของภูเขายังมีไอร้อนระอุลอยออกมาอีกด้วย พอเห็นแบบนี้ฉู่เหินก็รู้สึกว่าตัวเองเลือกถูกแล้ว มันต้องเป็นที่ที่มีธาตุไฟหนาแน่นอย่างแน่นอน! ต่อมาเขาก็ก้าวเดินไปข้างหน้า เปลวไฟอะไรเขายังมองไม่เห็น แต่กลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย ดังนั้นฉู่เหินเลยเตรียมตัว ตั้งท่าอย่างระมัดระวังเพื่อพร้อมรับมือกับอะไรก็ตามที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เขายืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้นพร้อมทั้งมองสำรวจไปรอบด้าน แต่แล้วชายหนุ่มก็เห็นว่านอกจากขี้เถ้าตรงเท้าก็มองไม่เห็นอะไรอีก เดิมทีฉู่เหินว่าจะเดินต่อเพราะสำรวจรอบ ๆ แล้วไม่เห็นอะไร ทว่าจู่ ๆ เขาก็นึกเรื่องหนึ่งออก
ชายหนุ่มจำได้ว่าเคยมีคนเดิน ๆ อยู่บนพื้นทราย คน ๆ นั้นไม่ได้สนใจอะไรก็เดินต่อไป ทว่าตอนที่เขาเหยียบทรายลงไป ร่างของเขาก็เน่าเปื่อยทันที ถ้าไม่ใช่เพราะคนข้างหลังเร็วพอที่จะหมุนกลับตัวทัน น่ากลัวว่าพวกเขาต้องได้โดดลงไปตายพร้อมกันแน่
ฉู่เหินมองขี้เถ้าตรงพื้นด้วยใจที่หวาดระแวงอย่างถึงที่สุด! ตามที่ได้ยินมา ไม่มีคนมาที่นี่นานแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้เลยทำให้ดอกไม้ต้นหญ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน งั้นจากกาลเวลาที่ยาวนานขนาดนั้นมันก็ควรที่จะถูกลมพัดไปไม่ควรอยู่ตรงนี้แล้วสิ แต่มันเพราะอะไรกัน ที่ทำให้ที่ที่เต็มไปด้วยขี้เถ้า?
ระหว่างที่กำลังสงสัยเขาก็หยิบอาวุธสักชิ้นออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะโยนมันลงไปยังกองขี้เถ้าอย่างไม่ลังเล! อาวุธที่เพิ่งตกลงไปทันใดนั้นมันก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว
พอเห็นดังนั้นฉู่เหินก็อดถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้ โชคดีนะที่ตัวเองเอะใจก่อน ไม่งั้นถ้าก้าวลงไปละก็ น่ากลัวว่าคนที่ต้องสลายจะกลายเป็นตัวเขาเอง พอคิดถึงตรงนี้เหงื่อเย็น ๆ ก็ไหลเต็มหลัง หรือว่าที่แห่งนี้จะเป็นดินแดนคนตายกัน อันตรายเกินไปแล้ว
หลังจากเขาใช้อาวุธทดสอบว่ามีจุดไหนบ้างที่ปลอดภัย ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ เหยียบลงไปบนขี้เถ้าตรงนั้นอย่างระมัดระวัง ระหว่างที่เดิน ฉู่เหินก็คิดไปถึงกองขี้เถ้าเหล่านั้น หากสามารถเอามาใช้งานได้ละก็ บางทีในอนาคตเวลาเจอศัตรูรอบด้าน ที่ต้องทำก็คงเพียงแค่เอาขี้เถ้าเหล่านี้ออกมา นี่มันจะต้องเป็นอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่เขาทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะอันที่จริงแล้วชายหนุ่มเคยลองเอาภาชนะมาใส่ดู เพียงแค่สัมผัสกับขี้เถ้า ภาชนะก็กลายเป็นเถ้าถ่านในทันที ดังนั้นเขาเลยไม่กล้าลองอีก ต้องเข้าใจว่าในตัวเขาสิ่งที่พอจะเก็บได้ก็คือหม้อทองคำสามขากับแหวนมิติวงนี้เท่านั้น
แต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าเอาสองสิ่งนี้มาลอง เพราะสองชิ้นนี้เป็นของที่สำคัญมากทีเดียว ดังนั้นจึงได้แต่ล้มเลิกไป หลังจากเดินมาเรื่อย ๆ ไม่นาน ในใจฉู่เหินก็พลันรู้สึกกระวนกระวาย เขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารอันบ้าคลั่ง! ตอนแรกฉู่เหินไม่ได้คิดอะไร แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มระวังตัวมากขึ้น!
เพราะหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป น่ากลัวว่าอีกไม่นานชายหนุ่มต้องตกอยู่ภายใต้ความรู้สึกดังกล่าว และกลายเป็นปีศาจร้ายที่รู้จักแค่การสังหารแน่ ที่จริงสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ฝั่งฉู่เหิน เส้นทางอื่น ๆ เองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นเดียวกัน เช่นเส้นทางของพรรคหยูหลิน
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่บรรพบุรุษของพรรคหยูหลินเคยมาสำรวจแล้วหลายครั้ง และก็เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดอีกด้วย! และแม้ว่าเส้นทางอื่นจะมีสมบัติมากกว่า แต่มันอันตรายกว่าไม่รู้กี่เท่าด้วยเช่นกัน
ระหว่างเดินอยู่บนเส้นทางดังกล่าว ผู้คนจำนวนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนของพรรคหยูหลินพากันเกิดอาการประหลาด จู่ ๆ พวกเขาก็พลันตาแดงก่ำ พร้อมกันกับที่ในใจเต็มไปด้วยเรื่องการฆ่าฟันซ้ำ ๆ อยู่อย่างงั้น เมื่อพวกเขาเดินไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ ก็เห็นว่าที่ด้านหน้ามีต้นไม้วิญญาณต้นหนึ่งตั้งอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นต้นไม้วิญญาณนั่น ฉับพลันคนพวกนี้ก็คล้ายจะบ้าคลั่งแล้วพุ่งไปทางต้นไม้ต้นนี้
แม้กระทั่งมีคนยกอาวุธขึ้นมาแล้วฟันแทงไปที่เพื่อนร่วมทางอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คนนำกลุ่มก็ไม่เว้น การสังหารอันบ้าคลั่งเริ่มต้นขึ้นจนถึงตอนนี้ ทำให้คนนับร้อยคนเหลือไม่กี่สิบคนแล้ว! ทว่ายังดีคนที่เหลือในที่สุดก็มีถึงต้นไม้วิญญาณและกลืนกินผลจากต้นได้สำเร็จ
หลังจากกินผลไม้ไปแล้วพวกเขาก็ได้สติ พอเพิ่งรู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป ในใจของพวกเขาก็รู้สึกทั้งแค้นทั้งเสียใจ แต่เรื่องมันก็สายไปแล้ว! นั้นจึงทำให้พวกเขาเริ่มระวังตัวมากขึ้น
เพราะพลังที่ไม่รู้ที่มาจะทำร้ายตัวเองและเพื่อนข้าง ๆ ส่วนด้านที่มีคนเยอะนั้นน่าสงสารที่สุด! และนั่นก็คือพวกของกลุ่มอำนาจใหญ่ด้านนอก พวกเขาเหล่านี้เอาทั้งคนทั้งม้ามาด้วย รวมกันน่ากลัวว่าจะมีถึง 30,000 คนเพื่อ แสดงพลังอำนาจที่พวกเขามี
อย่างไรก็ตาม พอพวกเขาเดินมาได้ไม่นาน ตาก็มองเห็นสระน้ำอันหนึ่ง ซึ่งเมื่อเดินเข้าใกล้สระ พวกเขาก็พบว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยของเหลวที่พิเศษอย่างหนึ่ง มันเรียกว่าน้ำวิญญาณ สิ่งของแบบนี้เพียงใช้เล็กน้อยก็จะสามารถทำให้พลังวิญญาณของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้ เรียกได้ว่าเป็นของวิเศษล้ำค่าอย่างหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่คนพวกนั้นกำลังจะเก็บน้ำวิญญาณ พวกเขาก็ได้เรียกเสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ก็พากันมองรอบทิศอย่างระแวง ก่อนที่จะพบเข้ากับฝูงมดมาจากทุกทิศทางไต่มาทางนี้ และไม่ว่ามดเหล่านั้นจะตัวเล็กใหญ่ แต่พวกมันกลับเดินได้เร็วมาก
เห็นมดจำนวนมากขนาดนี้พวกเขาก็พากันขนหัวลุก รีบสั่งให้ลูกน้องไปต้านไว้ ทว่ามดนั้นมีเยอะเกินไป ต่อให้ฆ่าไปกลุ่มหนึ่งก็จะมีกลุ่มที่สองมาอีก พวกมันคล้ายกับกองทัพที่ไม่มีวันตาย พุ่งมาทางพวกเขาเรื่อย ๆ
ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะหยุด ในตอนที่ทุกคนรู้สึกภายในร่างเริ่มหมดพลังแล้ว กองทัพมดที่ล้อมอยู่ก็ไม่ได้ถอยไปกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น ด้วยความจนปัญญา พวกเขาเลยทำได้แค่ทิ้งสมบัติตรงหน้าแล้ววิ่งหนีไป
กองทัพมดเห็นว่าเหยื่อจะหนี พวกมันจะยอมได้ยังไง ต่อมาศึกระหว่างคนกับมดก็ดูจะรุนแรงขึ้น กองทัพมดกลายเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ลูกแล้วลูกเหล่า พากันกลิ้งไปทางฝั่งของคน ซึ่งถ้าเป็นลูกสองลูกฝั่งพวกเขาคงสามารถรับได้สบาย ๆ แต่มันไม่ใช่นี่ซิ!