บทที่ 440 รีบกลับมาให้ทัน
บทที่ 440 รีบกลับมาให้ทัน
แต่ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว ยังไงก็คงไม่ถอยทัพกลับง่าย ๆ แน่นอนว่ามีจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาคิดว่าพรรคหยูหลินยังไงก็จบสิ้นแล้ว ลองคิดดูสิว่ามีกลุ่มมีอำนาจใหญ่เยอะขนาดนั้นเข้าไปในดินแดนรกร้างกับพรรคหยูหลิน คิดหรือว่าพวกเขาจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังพรรคหยูหลินกัน?
เพราะว่าคิดแบบนี้พวกเขาถึงได้กล้ามาที่นี่ เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าพรรคหยูหลินจะได้ทำการป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ค่ายกลบนภูเขานั่นจะเข้าไปได้ยังไงกัน? มันเป็นค่ายกลคุ้มกันอันดับสองที่แข็งแกร่งมากทีเดียว แม้ว่าพวกเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลหลายคน แต่การทำลายค่ายกลตรงหน้าก็เห็นทีจะใช้เวลาไม่น้อยเลย
แน่นอนว่าที่สำคัญคือยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ถ้ามีคนจากพวกกลุ่มอำนาจใหญ่ที่เข้าไปดินแดนรกร้างออกมากล่ะก็ แผนคงล่มหมดพอดี ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลเลยวางแผนว่าจะทำลายค่ายกลนี้ซะ หลังจากผ่านไป 4-5 วัน เมื่อแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีใครเข้าหรือออกจากดินแดนรกร้างนั่น ว่าแล้วพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะโจมตีค่ายกลนี้ทันที
จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 7 วัน หรือพูดอีกอย่างก็คือพวกเขาโจมตีค่ายกลนั่นแบบไม่ได้หยุดมา 6-7 วันแล้ว น่าเสียดายที่ค่ายกลตรงหน้านี้กลับได้รับความเสียหายแค่ภายนอกเท่านั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอื่นอีก แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญค่ายกลเริ่มจับทางค่ายกลตรงหน้าได้บ้างแล้ว
เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่กี่วันค่ายกลนี้คงจะต้านทานไม่ไหวอีก เมื่อถึงตอนนั้นความลำบากตลอดหลายหมื่นปีของพรรคหยูหลินก็จะสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง แค่คิดพวกเขาก็มีความสุขแล้ว
ผ่านไปอีก 2 วัน เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลก็ยิ้มออกมา เพราะในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจค่ายกลตรงหน้าอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว พวกเขาเชื่อว่าด้วยความสามารถของพวกเขาแล้ว อีกไม่นานค่ายกลนี้ก็จะไม่สามารถขวางพวกเขาได้อีก
ผู้นำทัพที่ได้ยินได้นั้นก็ดีใจ จากนั้นก็สั่งผู้เชี่ยวชาญค่ายกลเหล่านี้ให้พาลูกศิษย์ในพรรคจำนวน 10,000 พุ่งเข้าไปเลย ส่วนค่ายกลที่ดูจะร้ายกาจตรงหน้านั่นก็ค่อย ๆ พังทลายอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
ผู้อาวุโสของพรรคหยูหลินพอเห็นฉากนั้นก็ตกใจ! ก่อนจะรีบไปเรียกเหล่าผู้อาวุโสที่กำลังเข้าฌานอยู่ให้ออกมาโดยเร็ว! ตอนนี้พรรคหยูหลินกำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ถ้าไม่รีบออกมาล่ะก็พวกเขาได้สิ้นชื่อแน่! อย่างไรก็ตามที่ทำให้พวกเขาเย็นเฉียบไปถึงขั้วหัวใจก็คือ หลังจากส่งเสียงเรียกอยู่นาน ก็พบว่าผู้อาวุโสทั้งหลายไม่โผล่หัวออกมาเลยสักคนเดียว!
พอมองไปก็เห็นว่าศัตรูข้างนอกกำลังจากบุกเข้ามาแล้ว พอเห็นฉากนี้คนทั้งพรรคก็เริ่มรู้สึกเศร้าเสียใจ! ตอนนี้พวกเขาคิดว่าต้องแพ้แน่ ๆ แล้ว อาศัยคนที่อยู่ในพรรคในตอนนี้จะไปต้านทานศัตรูนับหมื่นด้านนอกได้ยังไง!
ฉู่เหินรีบเดินทางกลับด้วยความเร็วแสง! หลังผ่านมา 2 วันเขาก็มองเห็นภูเขาพรรคหยูหลินแล้ว อย่างไรก็ตามเขากลับไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิด กลับสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกพื้นที่
หลังมองไปชายหนุ่มก็พบว่ามีคนคิดจะโจมตีพรรคหยูหลิน อีกทั้งค่ายกลก็พังทลายไปแล้วด้วย ฉู่เหินเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปด้านหน้าพุ่งไปหาคนผู้นั้นอย่างไม่ลังเล ซึ่งคนผู้นั้นก็คือผู้เชี่ยวชาญค่ายกลที่เก่งที่สุดของกองทัพฝั่งนั้น!
ผู้เชี่ยวชาญค่ายกลรู้สึกสนุกกับการทำลายค่ายกลนี้มาก เพราะเขาคิดว่าการที่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของเขาเลย! ขอเพียงเขาโยนธงไปยังจุดศูนย์กลางของค่ายกล ค่ายกลตรงหน้าก็คงไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไปแล้ว!
แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือเมื่อมือของเขายื่นออกไปแล้ว ทันทีที่โดนธงนั้นร่างกายของเขากลับหายไปเลยดื้อ ๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะมาโผล่อีกที่ ๆ ห่างออกไปไกลนับสิบลี้ เขาได้แต่ยืนมึนงงอยู่ตรงนั้นด้วยไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้ยังไง!
ฉู่เหินมีความรู้ความเชี่ยวชาญค่ายกล ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าเมื่อครู่นี้อันตรายมากแค่ไหน แต่ด้วยความที่ไม่อยากเปิดเผยอะไร ดังนั้นจึงได้แอบพาตัวอีกฝ่ายมาโดยไม่ให้ผู้อื่นพบตัว ต้องเข้าใจด้วยว่าถ้าเซี่ยวเฟิงเกิดสงสัยขึ้นมาจะแย่เอา!
หลังจากจับผู้เชี่ยวชาญค่ายกลผู้นั้นไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็กลับมายืนช่วยที่จุดศูนย์กลาง มือสองข้างทำการผสานอินอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำการหลอมรวมกับค่ายกลขนาดใหญ่! หลังจากนั้นค่ายลกห้าวิถีขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ มีการเคลื่อนไหว ทั้งนี้ก็เป็นเพราะฉู่เหินเริ่มลงมือแก้ไขแล้วนั่นเอง! ช่วงเวลานี้ถือว่าอันตรายมากทีเดียว หากผิดไปแม้แต่ตัวเดียว ผลลัพธ์ก็จะแตกต่างออกไปราวฟ้ากับเหว
เดิมทีค่ายกลห้าวิถีนั้นภายในเต็มไปด้วยพลังธาตุทั้งห้า* คุ้มครองอยู่ เพราะแบบนี้เลยมีคนอยากจะเข้ามาที่นี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่คล้ายจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเหมือนกับมีแรงบางอย่างขวางไม่ให้คนนอกเข้าไป
*ธาตุทั้งห้า ได้แก่ ไฟ น้ำ ไม้ ดิน ทอง
อย่างไรก็ตาม ค่ายกลห้าวิถีที่เคยแย่ลงก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ค่ายกลนี้ไม่มีท่าทีจะขัดขวางคนที่เข้ามาอีกแล้ว ทว่าในตอนนี้ค่ายกลห้าวิถีที่ย่ำแย่อยู่นั้น จู่ ๆ ก็กลับกลายเป็นปล่อยรังสีสังหารออกมาแทน
แรกเริ่มนั้นยังไม่มีการโจมตีอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปฉู่เหินได้เปลี่ยนค่ายกลคุ้มครองให้กลายเป็นค่ายกลสังหารด้วยความบังเอิญ ซึ่งฉู่เหินเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน! คนที่พุ่งเข้ามาในค่ายกลมีจำนวนไม่น้อย เมื่อพวกเขาโดนพลังห้าธาตุเข้าไป มันก็ได้กลายเป็นเหตุการณ์สังหารหมู่!
ดาบที่ใช้สังหารเหล่านี้ส่องสว่างแวววาวเมื่อต้องแสง แสงนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่คนพวกนั้นได้มองเห็นก่อนกลายเป็นความดำมืด ไม่ว่าผู้บุกรุกจะมีเกราะดีแค่ไหนก็ถูกคมดาบนี้ฟันขาดเป็นสองท่อน! ในชั่วพริบตา ภายในค่ายกลห้าวิถีก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยโหวน
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ผู้นำทัพก็รีบสั่งให้ทุกคนถอยทัพ แม้ว่าคำสั่งนี้จะช้าไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าต้องเสียไปจนหมด!
ค่ายกลห้าวิถีนั้นได้แผลงฤทธิ์ไม่กี่ลมหายใจ ฉู่เหินก็สั่งให้มันหยุด! เพื่อที่เขาจะสามารถฟื้นฟูให้ค่ายกลห้าวิถีใหม่อีกครั้ง ฉะนั้นเขาจำเป็นต้องหยุดมันก่อน เพราะการโจมตีแบบนั้นไม่ได้ส่งผลดีนักต่อตัวค่ายกลเอง ภายในค่ายกลของเขาก็จะได้รับการโจมตีจากคมดาบแบบนั้นเช่นกัน
ด้วยความจนปัญญา ฉู่เหินถึงต้องทำการฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติ แต่ชายหนุ่มเองก็ได้ทำอะไรบางอย่างนอกเหนือจากที่มีด้วยเล็กน้อย เมื่อค่ายกลห้าวิถีเริ่มจะมั่นคงขึ้นมาบ้างแล้ว เขาก็ได้ทำระบบซุ่มโจมตีเอาไว้ด้วย ถ้ามีคนที่ไม่ได้รับเชิญเข้าใกล้มันล่ะก็ คนคนนั้นก็จะแตกดับด้วยการโจมตีของค่ายกลห้าวิถีนี้!
แต่มันก็ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้าง ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญค่ายกลทำการศึกษามันอย่างจริงจังล่ะก็ ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็สามารถมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ถึงอย่างงั้นชายหนุ่มก็ไม่กลัว เพราะฉู่เหินสามารถเอาเวลาไม่กี่ชั่วโมงนี้ มาทำได้หลายเรื่องทีเดียว!
หลังจากมีไฟระยิบระยับออกมาจากค่ายกลแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปภายในพรรคหยูหลิน ผู้อาวุโสหลายคนในพรรคต่างก็รู้จักฉู่เหิน พวกเขาไม่เพียงเห็นว่าฉู่เหินกลับมาแล้วเท่านั้น อีกฝ่ายยังจัดการเรื่องทุกอย่างให้สิ้นจบได้อย่างง่ายดายอีกด้วย เมื่อเห็นแบบนั้นต่างก็พากันดีอกดีใจ!
แม้กระทั่งตอนนี้พวกเขามีความคิดว่า ฉู่เหินเป็นคนที่ฟ้าประทานลงมาช่วยพรรคหยูหลินของพวกเขา ไม่ว่าพรรคหยูหลินจะตกอยู่ในอันตรายกี่ครั้ง ๆ ก็จะได้ชายหนุ่มที่พลังวรยุทธ์ไม่ได้สูงส่งอะไรคนนี้ช่วยไว้ทุกครั้ง การกลับมาของฉู่เหินในครั้งนี้พวกเขาคล้ายจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉู่เหิน ส่วนที่ว่าเปลี่ยนไปตรงไหนพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
พวกเขาไหนเลยจะรู้ว่าร่างกายของฉู่เหินได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ต่อให้ขั้นจักรพรรดิดาราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา อาศัยพละกำลังของชายหนุ่มในตอนนี้ถือว่าสู้ได้แบบสู่สีหรืออาจจะชนะได้เลยด้วยซ้ำ! อย่างน้อยฉู่เหินก็เชื่อว่าถ้าเจอกับซอมบี้จักรพรรดิดาราพวกนั้น เขาก็มั่นใจว่าสามารถฆ่าพวกมันได้!
แค่นี้ก็สามารถรู้ได้เลยว่าความสามารถของฉู่เหินก้าวหน้าขึ้นขนาดไหนแล้ว!