บทที่ 455 นักพรตหูเชิง
บทที่ 455 นักพรตหูเชิง
ฉู่จือวาดแส้จนมันเลื่อยไปมาราวกับมังกร เสียงของแส้นั้นดังคำรามอย่างน่าหวาดหวั่น เห็นเพียงแสงสีขาวพาดผ่านทำให้มองไม่ตัวแส้ได้ไม่ชัดนัก แส้ขนหางจามรีของอีกฝ่ายเหมือนว่าจะทำขึ้นมาจากเข็ม แม้ว่าจะเป็นเพียงแส้ขนหางจามรี แต่ทุก ๆ เส้นของมันกลับซ้อนไปด้วยเข็มเล็ก ๆ เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย ดูก็รู้แล้วว่ามีความเชี่ยวชาญในอาวุธตัวเองขนาดไหน!
สองคนผลัดกันรุกผลัดกันรับไปมาจนแยกแทบไม่ออก! ตอนนี้ก็เห็นเพียงปลายหางของแส้เหล็กมังกรฉู่จือ แส้เหล็กที่อยู่ด้านข้างเอวเขาพุ่งไปด้านหน้าราวกับมังกรที่รอฉวยโอกาส อ้าปากกลืนกู่เฟิงจือในคำเดียว! แส้เส้นนี้ไม่เพียงแต่มีความเร็วที่จนน่าประหลาด อีกทั้งยังมีความเจ้าเล่ห์อีกด้วย!
กู่เฟิงจือพอถูกโจมตี ก็เก็บการดูถูกเมื่อครู่คืนมา เพราะเขารู้แล้วว่าคน ๆ นี้ไม่อาจประมาทได้เลย ดูท่าเขาจะเหมือนคมในฝัก ไม่คิดเลยว่าจะเก่งกาจขนาดนี้! แต่กู่เฟิงจือเองก็ไม่ใช่เล่น ๆ เช่นกัน สายตาของเขามองอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะจับจ้องไปตรงตำแหน่งหัวใจไม่วางตา ทันใดนั้นฉู่จือก็พลันพุ่งทะยานมาด้วยความเร็วเสียจนยากที่จะหลบพ้น!
ในตอนนี้เอง เหมือนเห็นว่าไม่ได้การแล้ว เขาจึงใช้แส้ขนม้าของตัวเองสาดออกไป คล้ายกับเวลาที่ผู้หญิงโปรยดอกไม้ หลังจากแส้ขนม้าถูกสาดออกไป กลางอากาศก็ปรากฏเป็นโล่ชนิดหนึ่ง! โล่ที่เพิ่งปรากฏออกมานั้นกั้นทั้งสองเอาไว้ได้พอดี
เคร้ง! เสียงของโล่ที่กระทบแส้เหล็กพอดีดังขึ้นในทันที ทั้งสองถอยกันคนละก้าวด้วยสายตาเคร่งขรึม! พวกเขารู้ดีว่าศัตรูตรงหน้าแข็งแกร่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะได้แบบสบาย ๆ
ขณะที่ทั้งสองสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้น ผู้ชมด้านนอกกลับดูกันอย่างสนุกสนาน ทว่าก็มีบางคนที่ปากไม่ดีชอบพูดจากวนประสาคนอื่น!
“นักพรตหูเชิง ยินดีด้วย ๆ ดูเหมือนว่าการประลองในครั้งนี้นิกายหว่านเต้าจะเป็นฝ่ายชนะอย่างไม่ต้องสงสัยเลย! แม้ว่าตระกูลฉู่จะมีอำนาจมากมาย แต่อย่างไรเสียหากจะสู้กับนิกายหว่านเต้าของพวกคุณ ยังไงก็ยังฝีมือไม่ถึงอยู่ดี!” ฉู่เหินและคนอื่น ๆ ที่กำลังดูอย่างสนุกสนานอยู่ก็ได้ยินเสียงแปลกปลอมดังกล่าวเข้ามาในหู ทำให้ชายหนุ่มและคนอื่น ๆ พากันขมวดคิ้วแน่น
“ออกจะพูดเกินไปหน่อยแล้วมั้ง ชิวเต้าโยว! แม้ว่ากู่เฟิงจือจะไม่เลว แต่ชายหนุ่มจากตระกูลฉู่ที่ประลองกับเขาก็เก่งกาจเช่นเดียวกัน อย่างคำที่กล่าวว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า จนกว่าจะถึงตอนสุดท้ายคงยากจะรู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ!” นักพรตหูเชิงคิดสักพัก ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เดาอารมณ์ไม่ได้ว่าดีใจหรือโกรธ
เดิมทีผู้เฒ่าสามและคนอื่น ๆ กำลังจะพูดโต้แย้ง แต่พอได้ยินที่นักพรตหูเชิงพูด ความโกรธก็คล้ายจะลดลงมา ทว่าทุกคนในที่นี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี ที่อีกฝ่ายพูดเมื่อกี้ เขาหมายถึงอะไรกันนะ ?
“คน ๆ นี้มีชื่อว่าหูโยวเต้า เป็นผู้อาวุโสของเกาะซาถัวคนปัจจุบัน เมื่อพูดถึงเกาะซาถัวแล้ว แท้จริงมันก็คือกลุ่มโจรชั่วที่มารวมตัวกัน ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอ แต่หวาดกลัวผู้ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังชอบประจบสอพลอเพื่อใช้ประโยชน์จากผู้อื่น! ฉันละแปลกใจว่าทำไมวันนี้หูเต้าโยวถึงได้กล้าพูดจาอย่างนี้กับตระกูลฉู่ เพราะตามหลักการแล้วนี่ไม่ใช่วิถีของเขาเลย!”
หยูเหวินชิงเฟิงเมื่อได้ยินเขาก็รู้สึกแปลกใจ ก่อนหน้านี้เกาะซาถัวพอเห็นนิกายกิเลนก็หลบหน้าแล้ว ทำไมตอนนี้ถึงกล้าเหิมเกริมแบบนี้ หรือว่าพวกเขาคิดจริง ๆ ว่าตัวเองมีอำนาจไปแล้ว?
มีคำกล่าวว่าคนพูดไม่รู้สึกอะไร แต่ผู้ฟังกลับเก็บมาใส่ใจ ฉู่เหินพอได้ยินประโยคนี้ก็อดหรี่ตาเล็กไม่ได้! เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ต้องการจะต่อกรกับตัวเองอยู่แน่ แต่ทว่ามันก็เป็นเวลานานสักพักแล้วหลังจากที่ทางตระกูลฉู่ได้เคยไปตรวจสอบ ครั้งนั้นสุดท้ายก็ไม่พบอะไร ตอนนี้อยู่ ๆ เกาะซาถัวก็ทำบุ่มบ่ามออกมาแบบนี้ ถ้าบอกว่าพวกเขาไม่มีปัญหา ฉู่เหินก็คงไม่เชื่อ
ต่อจากนี้ดูท่าชายหนุ่มต้องให้ความสนใจตรวจสอบความลับของเกาะซาถัวเสียแล้ว อีกทั้งเขายังสงสัยโจรในตอนแรกว่าจะเป็นคนของเกาะซาถัวหรือไม่ด้วย ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ๆ งั้นเรื่องนี้ก็คงกลายเป็นปัญหาใหญ่!
ก่อนที่จะมาเข้าร่วมการแข่งขัน อย่ามองว่าตระกูลฉู่จะมาแค่ขู่ด้วยจำนวนคน 10,000 คนแล้วก็กลับ ถึงที่พามาส่วนมากจะเป็นลูกศิษย์ที่รับมาใหม่ แต่ทั้งนี้ก็เพื่อให้ศิษย์พวกนี้มาหาประสบการณ์เท่านั้น ทางตระกูลฉู่ไม่เคยคิดที่จะเอาพวกเขามาใช้ประโยชน์ในทางไม่ดีเลย!
“ผู้เฒ่าสามติดต่อทีมที่หนึ่ง ให้พวกเขาใช้ค่ายกลทำลายเกาะซาถัวซะ แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง ฉันสงสัยว่าภายในเกาะซาถัวจะต้องมีความลับอะไรอยู่แน่ อาจจะมีปลาตัวใหญ่ซ่อนตัวอยู่ก็เป็นได้ บางทีคนในนั้นอาจมีแม้กระทั่งพลังวรยุทธ์ที่ไม่ด้อยไปกว่าทีมที่หนึ่ง!” ฉู่เหินใช้วิธีที่สื่อสารผ่านกระแสจิต พูดกับผู้เฒ่าสามโดยที่ไม่ขยับปาก
ผู้เฒ่าสามเมื่อได้ยินดังนั้นก็หรี่ตา แม้ว่าชายชราจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็รู้ดีว่าฉู่เหินไม่ใช่คนโหดเหี้ยมที่พูดว่าจะทำลายพรรคไหนก็จะทำลาย ทว่าวันนี้ฉู่เหินกลับพูดมันออกมา งั้นก็รู้ได้เลยว่านี้ต้องมีปัญหาใหญ่อะไรแน่ ๆ!
ผู้เฒ่าสามหยิบหยกสื่อสารขึ้นมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาอธิบายให้ผู้เฒ่าใหญ่ฉู่ทราบ โดยพยายามไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา หลังจากนั้นจึงรอสักพัก ก่อนที่ผู้เฒ่าห้า แปด และผู้เฒ่าสิบทั้งสามคนจะนำคนจำนวนมากนั่งเรือและออกเดินทาง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงด้านนอกของเกาะซาถัว ไม่พูดอะไรมากความ ผู้เฒ่าห้าก็นำกระจกแปดเหลี่ยมออกมา แสงสว่างสอดส่องไปทั้งเกาะซาถัว คนที่อยู่บนเกาะเพิ่งจะรู้สึกตัวไม่ทันไรก็ถูกพายุทรายและสายฟ้าผ่าลงมาแล้ว!
เพียงชั่วพริบตาคนบนเกาะซาถัวก็ตายอย่างอนาถด้วยพลังของค่ายกล! หูโยวเต้าที่อยู่ไกลถึงทะลแปซิฟิกก็ได้รับข่าวอย่างกระทันหัน เมื่อรู้ข่าวเขาก็ตัวสั่นก่อนจะน้ำหูน้ำตาไหลคุกเข่าลงตรงหน้านักพรตหูเชิง
“ท่านนักพรต คุณต้องให้ความเป็นธรรมกับฉันนะ เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าฉันพูดไปแล้วเหรอ มันมีปัญหามากหรือไง พวกตระกูลฉู่กลับเอาประโยคนั้นทำลายเกาะซาถัวของพวกเรา! ไม่เพียงเพื่อลูกศิษย์เท่านั้น แต่ทางเจียงหูของคุณเองก็อาจโดนไปด้วย ดังนั้นจึงไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้!”
หลังจากนักพรตหูเชิงได้ยินแบบนี้ก็ตกใจไม่แพ้กัน คนชอบตีสองหน้าแบบหูโยวเต้านั้นที่จริงเขาก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน แต่นี่ถึงกับทำร้ายคนของอีกฝ่ายทั้งเกาะแบบนี้มันก็ออกจะฟังไม่ขึ้นเท่าไร นักพรตหูเชิงหันไปมองฝั่งตระกูลฉู่ด้วยสายตาไม่ชอบใจและเกลียดชัง เขารู้สึกว่าตระกูลฉู่โหดเหี้ยมเกินมนุษย์ไปแล้ว
“ฉู่ซิงเชิง ฉันนับถือในความเป็นลูกผู้ชายของนายมาโดยตลอด คิดไม่ว่าตระกูลฉู่ของพวกนายจะโหดเหี้ยมขนาดนี้! ฉันยอมรับว่าคำพูดของหูโยวเต้านั้นพูดจาโจมตีพวกนายตระกูลฉู่จริง ๆ แต่ก็แค่สั่งสอนเขาไม่กี่ประโยคก็พอแล้ว ไม่เห็นจะต้องทำลายพรรคของเขาเลย! ไม่ใช่ว่าอะไรก็เอาชีวิตคนทั้งพรรคแบบนี้ ทำเกินเหตุไปแล้ว!”
นักพรตหูเชิงพูดด้วยความโกรธ ดังนั้นในน้ำเสียงเลยไม่มีความเกรงใจและเต็มไปด้วยความแข็งกระด้าง ทั้งยังส่งสายตาเย็นชาและไอสังหารออกมาด้วย! ถ้าเขาพูดดี ๆ ล่ะก็ ผู้เฒ่าสามคงไม่โกรธอย่างแน่นอน แต่ถ้าทำแบบนั้น มันก็คงไม่ใช่ผลดีกับตัวเองเช่นกัน
เมื่อนักพรตหูเชิงพูดแบบนี้ ก็ถึงคราที่ผู้เฒ่าสามโกรธบ้าง “นายก็แซ่หู เขาก็แซ่หูเหมือนกัน คงไม่ใช่ว่ามันเป็นลูกของนายหรอกนะ ได้ยินว่านิกายของนายเอาแต่พูดเรื่องความบริสุทธิ์ ทำไมตอนนี้ถึงได้มีลูกโผล่หน้ามาแบบนี้ล่ะ” คำพูดเหน็บแนมของผู้เฒ่าสาม ทำให้นักพรตหูเชิงโกรธจนควันออกหู!
“ฉู่ซินเชิง แกพูดเพ้อเจ้ออะไรของแก ฉันถือพรหมจรรย์มาทั้งชีวิต วันนี้แกทำให้ฉันขายหน้า! ถ้าแกไม่เปลี่ยนคำพูด เรื่องของฉันกับแกไม่จบแน่!” ยิ่งพูดไฟก็ยิ่งลุกลาม
“โอ้โห นักพรตโง่เง่าอย่างนายคิดว่าฉันกลัวมากสินะ ไม่ยอมหรอกเว้ย วันนี้ฉันจะตีให้หัวแกกลายเป็นหัวหมูจนลืมชื่อแซ่ของตัวเองไปเลย!” ผู้เฒ่าสามเองก็เดือดดาลแล้วเหมือนกัน ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน มันทำให้ชายชราโกรธจนแทบจะระเบิด!
พอเห็นชายชราทั้งสองแทบจะพุ่งใส่กัน ฉู่เหินก็รีบก้าวไปขวางหน้าทั้งผู้เฒ่าสามและนักพรตเอาไว้ก่อน