บทที่ 553 ผู้หญิงที่ยุ่งยาก
บทที่ 553 ผู้หญิงที่ยุ่งยาก
นอกจากจะสามารถสลับร่างจริงลวงได้แล้ว ร่างมายาพวกนั้นยังมีพลังครึ่งหนึ่งที่ร่างหลักมีเลยทีเดียว ทำให้มีระดับที่สูงเอาการ เพราะต้องเข้าใจว่าเดิมพลังการโจมตีของฉู่เหินนั้นแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ดังนั้นครึ่งหนึ่งของพลังเขาก็เทียบได้กับขั้นครึ่งจอมปราชญ์ระดับกลางธรรมดาคนหนึ่งได้เลย !
ยิ่งผนวกกับการโจมตีจากทั้ง 4 ทิศ สองลุงหลานก็ไม่อาจตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่โดนแตะต่อยอยู่อย่างงั้นจนหน้าบวมแดงดั่งหมู แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่คิดจะหยุดมือ เขากลับยิ่งเพิ่มพลังโจมตีเข้าไปอีก !
สองคนที่จากเดิมก็ไม่อาจตอบโต้ได้แล้ว เมื่อโดนฉู่เหินเพิ่มความรุนแรงเข้าไป ก็ยิ่งพ่ายแพ้ยับเยิน ในเวลาสั้น ๆ ทั้งสองคนถูกแตะต่อยจนหมดสภาพ และแม้ว่าในใจจะโกรธแค้น หากแต่มือไม้ก็ไม่อาจขยับได้ตามต้องการ ดูน่าเวทนายิ่ง !
หญิงสาวที่เมื่อเห็นฉากนี้ ก็ตบมืออยู่ด้านล่างเวทีประลอง พร้อมทั้งพูดว่าดีไม่หยุด “ดี ซ้อมมันเลย ทำให้มันกลายเป็นตะพาบน้ำไปเลย !”
เดิมเธอนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องการประลองแบบนี้เท่าไร หากแต่ภาพตรงหน้ามันก็ช่างระบายความโกรธได้ดีนัก ดังนั้นจึงร้องเชียร์ไม่หยุด !
อย่างไรก็ตาม พอในพรรควายุอัสนีได้ยินที่เธอพูด พวกเขาก็พากันเหงื่อตก พร้อมกับคิดว่าเธอคนนี้สร้างความวุ่นวายเก่งดีนัก ต่อหน้าคู่หมั้นคนก่อนตัวเอง ยังกล้าในกำลังใจผู้ชายคนอื่นได้อีก !
แล้วไหนจะคำพูดนั่นอีก ที่ว่าอดีตคู่หมั้นตัวเองเป็นตะพาบน้ำ ! เพียงแต่ฐานะของหญิงสาวค่อนข้างพิเศษ เลยไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเธอ ! กลับกลายเป็นพ่อแม่ของเธอที่ยืนหลบด้านข้าง ที่เมื่อได้ยินก็ใบหน้าถอดสีไปตาม ๆ กัน
สุดท้ายด้วยความจนใจ เลยต้องส่งเสียงเตือนบุตรสาวตัวเองหน่อยว่ามันหมายความว่ายังไง ทำไมไปเรียกคนอื่นว่าตะพาบน้ำ ! เมื่อเป็นแบบนี้หญิงสาวถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากที่รู้แล้วเธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ กลับดีใจเสียด้วยซ้ำ ! ในความคิดของเธอนั้น เธออยากจะให้คนอื่น ๆ คิดเลยเถิดไปไกลถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองคน !
ไม่รู้จริง ๆ ว่าถ้าฉู่เหินรู้ความคิดของผู้หญิงคนนี้ เขาจะเอาหัวโขกพื้นไหม ! หากแต่เรื่องนั้นก็ช่างมันก่อน เพราะตอนนี้การประลองได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งการประลองครั้งนี้มันก็ไม่มีความเร้าใจเลยสักนิด เพราะเดิมทั้งสองฝ่ายก็ไม่ใช่ระดับเดียวกัน ถ้าตอนที่ฉู่เหินเพิ่งมาถึง แล้วขึ้นประลองกับทั้งสองคนเลย ก็คงชนะไปแล้วอย่างไม่ยากเย็นนัก !
ไม่ต้องพูดถึงหลิวอู่เหมิงให้เปลืองน้ำลาย ตั้งแต่เริ่มจนจบชายหนุ่มนั้นไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา สำหรับเขาแล้ว ประลองครั้งนี้ไม่มีอะไรให้น่ากลัวเลย แต่ถ้าจะน่ากังวล ก็คงมีแต่หลิงเทียนฉี่ ที่เป็นขั้นครึ่งจอมปราชญ์เพราะความตั้งใจตัวเอง อย่ามองว่าตอนนี้เขาพลังวรยุทธ์ต่ำ เพราะถึงระดับขั้นพลังจะลดลง หากแต่ความเข้าใจในวิชาและพลังธาตุพวกนั้นมันไม่ได้ลดลงตามไปด้วยเลย !
ฉู่เหินมองสองลุงหลานตระกูลหลิวด้วยสายตาเย็นยะเยือก ก่อนหน้านี้พูดพล่ามมาตั้งเยอะ ก็เพื่อตอนนี้ ! จากนั้นเขาก็พลันต่อยเข้าที่จุดตันเถียนของทั้งสองอย่างไม่ยั้งมือ ! จนเกิดเสียงเพล้ง ๆ! อันเป็นหลักฐานว่า จุดตันเถียนของทั้งสองถูกฉู่เหินทำลายไปแล้ว !
เมื่อจุดตันเถียนถูกทำลาย พลังวรยุทธ์ของทั้งสองคนก็เสียหายไปด้วยเช่นกัน และแม้ว่าพลังวิญญาณของพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา หากแต่มันก็ไม่มีประโยชน์ใด เพราะเป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่พวกเขาจะเอาพลังวรยุทธ์ตัวเองกลับมาได้ ! จะมีก็แต่หาของวิเศษที่สุดแสนจะล้ำค่ามากเจอเท่านั้นถึงจะมีหวัง ทว่าของแบบนี้ก็มีน้อยนิด ต่อให้ตระกูลหลิวมีก็คงไม่เอามาให้พวกเขาหรอก !
หึ ๆ ฉู่เหินหัวเราะในลำคอเมื่อจัดการทั้ง 2 คนจนพอใจแล้ว ก่อนจะล้วงหยิบเอาของในตัวสองลุงหลานมาหมด แม้แต่ยาสักเม็ดเขาก็ไม่คิดจะให้คนพวกนี้ จากนั้นจึงหมุนตัวแล้วเดินลงจากเวทีประลอง เหลือไว้เพียงสองร่างที่นอนร้องไห้อยู่ด้านบนเวที !
ทั่วทั้งพรรควายุอัสนีตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนคิดไม่ถึงว่าฉู่เหินพูดคำไหนคำนั้น เขาทำลายพลังวรยุทธ์ 2 คนนั้นจริง ๆ!
เมื่อมองสภาพน่าเวทนาของทั้งสอง ในใจของทุกคนก็เกิดความคิดไปต่าง ๆ น่า ๆ! และในเวลาเดียวกันทุกคนก็มีคำพูดที่ออกมาจากใจเหมือนกันว่า วิปลาสที่ 9 นั้นเป็นพวกอยากทำอะไรก็จะทำอย่างนั้น !
ต้องเข้าใจว่าก่อนที่ทั้ง 2 คนจะถูกทำลายพลังวรยุทธ์ ฉู่เหินกับพวกเขาก็อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อยู่แล้ว หากแต่ชายหนุ่มนั้นยังกลับกล้าทำเช่นนี้ นี่มันอะไรกัน แม้แต่พวกเขาเองยังไม่กล้าทำแบบนี้เลย !
ชายหนุ่มไม่คิดสนใจอีกต่อไป เพราะในความคิดเขา ขอเพียงตระกูลหลิวยังกล้าเสนอหน้า ยังกล้าสร้างความวุ่นวายอยู่อีกละก็ เขาก็จะให้พวกนั้นได้ชดใช้อย่างหนักเลย ! และก่อนที่ชายหนุ่มจะลงจากเวทีประลอง เขาก็ได้ปรายหางตามองไปที่ทิศทางหนึ่ง พร้อม ๆ กันกับที่ริมฝีปากเผยยิ้มเยาะออกมา
ทางนั้นไม่ใช่ใครอื่น มันก็คือเจ้าของเสียงนั้น ! ในเมื่ออีกฝ่ายอยู่ใกล้กับฉู่เหินขนาดนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้กัน เพียงแค่ชายหนุ่มไม่รู้ว่าข้อความที่ส่งมาคืออะไรก็เท่านั้น !
เห็นสายตาที่ฉู่เหินมองมา ทั้งยังยิ้มเยาะที่มุมปาก ผู้อาวุโสของตระกูลหลิวคนนั้นก็มุมปากกระตุก !
ถ้าเปลี่ยนเป็นอยู่กันสองคน น่ากลัวว่าเขาจะพุ่งไปสังหารเจ้าเด็กนี้แล้ว ! แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ชายชราก็ได้แต่อดกลั้น ไม่กล้าที่จะทำอะไรทั้งนั้น !
ยังไงเสียด้านหลังของฉู่เหินยังมีบรรดาศิษย์และอาจารย์บ้านวายุที่เก่งกาจอยู่มากมาย ! หากแต่ความอาฆาตแค้นก็ไม่อาจทำให้สงบลงได้ง่ายดายนัก ! ดังนั้นในเวลาเดียวกันชายชราก็จึงกลอกตาอย่างครุ่นคิด ด้วยกำลังมองหาวิธีสังหารอีกฝ่ายอย่างไรดี !
เอาละ ถ้าทำให้เด็กนี้ตายไม่ได้ งั้นก็ไประบายกับลูกศิษย์คนอื่นในบ้านวายุแทนละกัน เอาคนพวกนั้นให้ตายไปข้าง พวกมันจะได้ไม่กล้าก่อกวนพวกเขาแบบนี้อีก !
“พี่ฉู่เหิน พี่เก่งจัง ! แต่ฉันว่าพี่นี่แย่จริงเลย ๆ กลับกล้าสภาพรักกับฉันต่อหน้าคนเยอะ ๆ แบบนี้ได้ยังไง ทำไมพี่ไม่ให้โอกาสฉันได้คิดบ้าง แต่ว่าเห็นแก่ความจริงใจของพี่ งั้นฉันจะไม่ถือสาที่ทำให้ขายหน้า ดังนั้นต่อไปพี่ก็คือคนของฉันแล้วนะ !”
เสียงที่พูดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ฉู่เหินตัวสั่นสะท้านไปทั้งตัว ก่อนที่สุดท้ายจะยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง เข้าแตะที่หน้าผากของหญิงสาว “สาวน้อยก็ไม่ได้มีไข้นี้ ทำไมพูดจาซี้ซั้วแบบนี้ ! เธออย่าลืมว่าก่อนหน้านี้พวกเราตกลงอะไรกันไว้ ตอนนั้นฉันก็พูดชัดเจนแล้วนะ ว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอขายหน้า !”
ตอนที่ชายหนุ่มพูดประโยคนี้ก็ขนลุกเล็กน้อย เขาไม่ได้อยากจะมีความรักในโลกนี้จริง ๆ ดังนั้นต้องรีบจัดการให้เด็ดขาด ! อีกทั้งเขาก็พอจะมองออกว่า หญิงสาวคนนี้นั้นใสซื่อเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น ! เพราะแท้จริงแล้วเธอเป็นจอมสร้างความวุ่นวายอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ! รู้งี้ตอนนั้นเขาไม่ไปทักหล่อนก็คงจะดี ! จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลังแบบนี้
“พี่ฉู่เหิน พี่ยังจะพูดอีก พี่นี่แย่จริง ๆ! กล้าพูดถึงความสัมพันธ์ของเราสองคนต่อหน้าที่สาธารณะได้ยังไง ยังบอกอีกว่าฉันไปสวมหมวกเขียวให้บอกคนแซ่หลิวนั่น ! นี้มันไม่ได้หมายความว่าเรา 2 คนรู้จักกันมานานแล้วเหรอ เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้วแบบนี้ พี่ไม่คิดจะรับผิดชอบฉันหน่อยเหรอ !”
หญิงสาวทำตาค้อนใส่ ท่าทางเหมือนไม่อยากฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น ทว่าหลังจากนั้นเธอก็ยื่นมือสองข้างไปกอดแขนฉู่เหิน ทำท่าเหมือนคู่รักที่กำลังง้องอนกัน ! เมื่อมองหญิงสาวที่ทำตัวยุ่งยากแบบนี้ ฉู่เหินก็รู้สึกโง่งมไปแล้ว !
ต่อมาก็รีบส่งสายตาให้ศิษย์พี่ ด้วยหวังว่าพวกเขาจะอธิบายให้ตัวเอง ! แต่ไหนเลยที่ชายหนุ่มจะรู้ว่าตอนที่เขาอยู่บนเวที ศิษย์พี่ของเขาก็ถูกเธอซื้อไปแล้ว ! เพราะเธอนั้นบอกกับศิษย์พี่คนอื่น ๆ ว่าเพียงเข้าข้างเธอ ต่อไปจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเขาทาน !
พวกศิษย์พี่เหล่านี้เมื่อได้ยินข้อเสนอ ก็พากันสนใจ ด้วยหญิงสาวตรงหน้าเป็นคนแปลก ๆ ทั้งยังดูน่าสนุกยิ่ง ! ดังนั้นมาตอนนี้ พอเห็นสายตาขอความช่วยเหลือจากฉู่เหิน ! พวกเขาจึงเสแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นไปตาม ๆ กัน หากแต่ก็ยังมีศิษย์พี่ 6 ที่ค่อนข้างจะซื่อตรง เขานั้นส่ายหัวอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนจะพูดออกมาหนึ่งประโยคที่ทำให้ฉู่เหินแทบกระอักเลือด !
“น้อง 9 นายได้ทำลายความบริสุทธิ์ของสาวน้อยคนนี้ไปแล้ว ตอนนี้นายจะทำเหมือนคนผ่ายลมแล้วทิ้งแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันคิดว่าในฐานะลูกชายคนหนึ่ง นายก็ควรจะรับผิดชอบ ยอมแต่งงานกับเธอไปเถอะ” พอพี่ 6 พูดจบ พี่ 7 ก็รีบพยักหน้าส่งเสริมตามอย่างรวดเร็วเป็นลูกคู่ !