ตอนที่ 587 เริ่มรังเกียจท่านแล้ว
ความทะนงตนของน่าอวี้ซ่อนอยู่ข้างใน ต่อให้นางตกต่ำเพียงใดก็ไม่ต้องให้คนอื่นมาสงสารนาง เฉินยางดีกับใครคือดีอย่างไม่คิดสิ่งอื่นใด ช่างโง่เสียยิ่งนัก โง่ไม่มีที่สิ้นสุด น่าอวี้รู้ว่าหากระหว่างนั้นไม่มีเฉิยยาง นางอาจจะถูกเฝิงเยี่ยไป๋ประหารไปแล้ว เพียงแต่วิธีที่เฉินยางดีกับคนอื่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ เหมือนดั่งเป็นการให้ทาน แสดงให้เห็นถึงความตกต่ำของนาง
อวี๋เอ๋อร์ฟังแล้วเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง อย่างไรเสียนางก็ไม่เข้าใจ จึงฟังผ่านหูไปเสีย จวนท่านอ๋องอยู่ต่อไปไม่ได้อีก คนต้องมองไปข้างหน้า ออกจากจวนท่านอ๋อง พวกนางถึงจะได้เริ่มชีวิตใหม่
ฝ่ายเฉินยางเก็บคำพูดของน่าอวี้ไว้อยู่ในใจ นางกลับมาจากห้องน่าอวี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกมีเหตุผล นางเคยได้ยินเพียงว่าผู้หญิงแก่แล้วถูกสามีทอดทิ้ง กลับไม่เคยได้ยินว่าผู้ชายอายุสามสิบสี่สิบหาผู้หญิงไม่ได้ เฝิงเยี่ยไป๋โตกว่านางสิบกว่าปีจริง เพียงแต่ความเยาว์วัยของผู้หญิงก็มีเพียงไม่กี่ปี ผ่านไปไม่นาน ความสวยงามที่มีอยู่แต่เดิมนั้นก็ถูกใช้หมดสิ้น เฝิงเยี่ยไป๋ยังจะรักนางได้อีกหรือ
เพียงแต่โชคดีที่นางยังมีลูกชาย หากวันหลังพึ่งพิงสามีไม่ได้ก็ยังมีลูกชายอยู่ นางเลี้ยงลูกให้ดีๆ ก็คงไม่ถึงกับสุดท้ายแล้วไม่มีใครแล้วดู
ผู้หญิงล้วนอ่อนไหวทั้งสิ้น พอเริ่มคิดขึ้นมาก็คิดไปต่อหยุดไม่ได้เลย พอคิดไปไกลก็เพี้ยนไปเสียแล้ว นางว่างๆ อยู่ ในหัวก็มีความคิดเจ็ดแปดสิ่งโผล่ขึ้นมา โดยเฉพาะช่วงนี้ เขากลับมาดึกขึ้นเรื่อยๆ กลับมาแล้วก็หลับ เมื่อก่อนกลับมาดึกเพียงใด ขึ้นมาบนเตียงแล้วก็อยู่ไม่สุข จับนั่นจับนี่ พลังเต็มเปี่ยม ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว กลับมาทุกครั้งเหมือนผ่านศึกสงครามมาเช่นนั้น ศีรษะถึงหมอนก็หลับเลย
นางเพิ่งจะอายุสิบหก หากพูดตามจริงแล้วนั้นกำลังอยู่ในวัยเบ่งบาน แม้จะไม่ได้งามเลิศในปฐพี เพียงแต่ก็ถือได้ว่าน่าเอ็นดู เป็นไปไม่ได้ที่จะรังเกียจนางเร็วเช่นนี้กระมัง ทั้งๆ ที่สองวันก่อนยังกอดนางบอกรักนางอยู่เลย
ซั่งเหมยเพิ่งจะกล่อมเสี่ยวจินอวี๋หลับไปกับแม่นมด้วยกัน กลับมาก็เห็นนางนั่งมองกระจกท่าทางเศร้าหมอง จึงรู้สึกประหลาดใจ “นายหญิง ท่านทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ไฉนถึงเหม่อมองกระจก กลางคืนเช่นนี้นั่งอยู่หน้ากระจกเหม่อลอยไม่พูดอะไร น่าขนลุกนัก!”
เฉินยางหันหน้ามามองนาง ถามนางอย่างเหม่อลอยว่า “เจ้าว่าข้าไม่สวยเช่นเมื่อก่อนแล้วหรือไม่ คนมักบอกว่าผู้หญิงคลอดลูกแล้วจะแก่ เจ้าว่าข้าแก่แล้วน่าเกลียดแล้วหรือไม่ เจ้าดู… จุดดำๆ นี้คืออะไร ขออย่าให้เป็นฝ้าเลย”
ซั่งเหมยขยับหน้าเข้าไป จ้องมองนางอยู่หลายรอบ หากสิบหกก็แก่แล้ว เช่นนั้นคนที่ยี่สิบสามสิบจะว่าอย่างไร นางก็ไม่ถึงกับน่าเกลียด ก็ยังเหมือนก่อนจะคลอดลูก ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ฝ้าเมื่อก่อนก็มี เพียงแต่ตอนนี้จางจนมองไม่เห็นแล้ว เดินออกไปหากไม่มีใครพูด ใครจะมองออกว่านางแต่งงานเป็นแม่คนแล้ว
“โอ๊ยนายหญิงเจ้าคะ ท่านคิดไปเอง ท่านดูใบหน้าของท่านนี้สิ มีการเปลี่ยนแปลงเสียที่ไหนกัน ท่านวางใจเถิด ไม่มีปัญหาอะไรเลย ยังสวยเช่นเดิม” พูดจบสายตาก็เปลี่ยนไป ถามอีกว่า “ปกติท่านไม่ได้สนใจใบหน้าของท่านเองเลย ทาแป้งชาดให้ท่านก็ไม่เอา ตอนนี้เป็นอะไรหรือ ไฉนถึงได้สนใจใบหน้าของตัวเองขึ้นมา ท่านอ๋องพูดอะไรกับท่านใช่หรือไม่ หรือว่าท่านอ๋องเริ่มรังเกียจท่านแล้ว”
ตอนที่ 588 สตรีแต่งหน้าเพื่อคนรัก
พูดจนท้ายสุด สายตาที่ซั่งเหมยมองนางก็เริ่มจะแปลกไป ขืนยังพูดต่อไปอีกก็จะผิดเรื่อง นางจึงรีบห้ามซั่งเหมยก่อนที่นางจะอ้าปาก “ข้าเพียงแค่ถามเท่านั้น ไฉนเจ้าถึงคิดคำถามมากมายได้เช่นนี้ ช่างเถิด ข้าไม่ถามเจ้าแล้ว เจ้าก็เลิกคิดเสีย อย่าได้คิดเรื่องเหลวไหลเหล่านั้น”
ซั่งเหมยแกล้งไม่เข้าใจ “ข้าคิดอะไรเหลวไหลกันเจ้าคะ นายหญิงท่านอย่าได้ใส่ร้ายบ่างเลย บ่าวเป็นคนซื่อตรง”
เฉินยางไม่พูดต่อ นางหยิกหน้าตัวเองถามซั่งเหมยว่า “ข้าเห็นพวกเจ้าเขียนคิ้วทาแป้งชาด เจ้าว่าข้าก็ควรจะเขียนให้ตัวเองดูดีขึ้นมาเสียหน่อยหรือไม่”
“หญิงคนใดล้วนแล้วแต่รักสวยรักงาม แป้งชาดสร้างมาก็เพื่อให้ผู้หญิงใช้ บ่าวเคยกล่อมท่านตั้งกี่หนแล้ว ให้ท่านเติมสีบนใบหน้าตัวเองเสียหน่อย เพียงแต่ท่านไม่ยอมฟัง รังเกียจว่าสิ่งเหล่านั้นอยู่บนหน้าแล้วทรมาน ท่านอ๋องเป็นชายหนุ่ม ชายหนุ่มรักหญิงงาม แม้ว่าท่านอ๋องจะซื่อสัตย์ต่อท่าน ไม่สนใจเหล่านางสุนัขจิ้งจอกที่อยู่ข้างนอก เพียงแต่ท่านก็ต้องหัดแต่งเนื้อแต่งตัวเสียบ้าง ท่านอ๋องดูแล้วจะได้รู้สึกแปลกใหม่ ย่อมรักท่านมากยิ่งขึ้น”
“เพียงแต่ข้าทาไม่เป็นเลย” นางยื่นด้ามปัดเนื้อหยกให้ซั่งเหมย “ไม่เช่นนั้นเจ้าช่วยข้าทาหน่อย ข้ายังไม่เคยเห็นใบหน้าของตัวเองที่แต่งแล้วเลย”
ซั่งเหมยย่อตัวตรงหน้านาง “ท่านควรจะทำตั้งนานแล้ว หญิงแต่งหน้าเพื่อคนที่รัก ตอนนี้มีแม่นางคนใดไม่แต่งหน้าบ้าง ท่านไม่ได้แย่ไปกว่าพวกนาง แต่งเติมเสียหน่อยก็ยังคงสวยเช่นเดิม”
เฉินยางนั่งอยู่นิ่งๆ สองมือวางทับอยู่ที่เข่า ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง กลัวว่าหากตัวเองขยับแล้วซั่งเหมยจะวาดผิดไป นางกลั้นหายใจอยู่นานแล้วหรี่ตามองดู เห็นในมือซั่งเหมยถือแท่งถ่าน ครึ่งหนึ่งถูกผ้าห่อไว้ อีกครึ่งหนึ่งยื่นออกมา เขียนอยู่ที่คิ้วของนางเบาๆ วาดฝั่งหนึ่งเสร็จเทียบกันดูแล้วก็เริ่มวาดอีกฝั่งหนึ่ง วาดเสร็จแล้ว ก็เอาแปรงจุ้มแป้งชาดปัดที่แก้มนางเบาๆ ทั้งสองข้าง จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วแต้มบางอย่างป้ายที่หนังตาของนาง และให้นางอ้าปากเม้มที่กระดาษแป้งชาด ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
“เรียบร้อยแล้ว นายหญิงท่านดู ฝีมือของบ่าวเรียนกับกูกูในวัง ท่านดูว่าถูกใจหรือไม่”
เฉินยางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ครั้งแรกที่เห็นคนที่อยู่ในกระจกทองเหลืองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ คิ้วดั่งภูผา ตาซ่อนประกาย ปากแดงฟันขาว แทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนั้น คนทั้งคนมีสีสันสวยงาม ดูแล้วน่ามองยิ่งนัก
“นี่ใช่ข้าจริงๆ หรือ สวยงามเช่นนี้ ซั่งเหมย ข้า… ข้าไม่เคยคิดเลยว่า ข้าจะสวยได้ขนาดนี้” อย่าว่าแต่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่เคยเห็นเลย ท่าทางของนางเช่นนี้ นางก็เพิ่งได้เห็นครั้งแรก นางมองแล้วยังประหลาดใจเพียงนี้ หากเฝิงเยี่ยไป๋เห็นเข้า ก็น่าจะชอบกระมัง
ซั่งเหมยพอใจกับฝีมือตัวเอง นางพยักหน้าด้วยความภูมิใจ “ไม่ใช่ท่านแล้วจะเป็นใครได้อีก อีกเดี๋ยวท่านอ๋องกลับมาเห็นท่านในสภาพนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะดีใจเพียงใดแล้ว ท่านดู บ่าวไม่โกหกท่านกระมัง ท่านแต่งหน้าแล้วดูดีเพียงใด หลังจากนี้เปลี่ยนการแต่งหน้าทุกวัน ยังกลัวจะรั้งใจท่านอ๋องไม่อยู่อีกหรือ”
พูดแล้วก็มีเหตุผล เฉินยางหันหน้ามองซ้ายบ้างขวาบ้าง ยิ่งดูยิ่งชอบ เพียงแต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพิ่งสวรรคต ทั่วแคว้นล้วนอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ไม่อาจใส่ชุดสีสันสดใสได้ จะแต่งหน้าก็ต้องแอบ ไม่เช่นนั้นแต่งหน้าแล้วใส่ชุดที่สีสันสวยงามก็ยิ่งสมบูรณ์แบบแล้ว
ที่นางคิดได้ ซั่งเหมยย่อมคิดได้เช่นกัน นางพูดอยู่ข้างหูเฉินยางเบาๆ ว่า “ท่านเลือกชุดสีแดงเถิด อย่างไรเสียพวกเราก็ใส่อยู่ในบ้าน ฮ่องเต้ก็ไม่อาจรู้ได้”