บทที่ 632 ความพยายาม
บทที่ 632 ความพยายาม
ถ้าต้องสู้กันจริง ๆ ฝั่งพวกตนอย่างมากก็คงเสียชีวิตไม่ถึง 3 คนหรอก ! อีกอย่าง ครั้งนี้พวกเขาก็มาเพื่อฆ่าคน ไม่ได้มาเพื่อตาย ! แม้พวกเขาจะต้องมาเสี่ยงชีวิต แต่ถ้าต้องเสียถึงสามชีวิตพวกเขาก็ไม่ยินดีอยู่ดี !
เช่นนี้ทำให้เงาร่างทั้งแปดร่างหยุดชะงัก แล้วพอหัวหน้าพรรควายุอัสนีเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะพวกเขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากเอาชีวิตตัวเองมาแลกเหมือนกัน !
“สหายทุกท่าน ถ้าวันนี้มาเพื่อเป็นแขกของพรรคล่ะก็ ผู้น้อยจะต้อนรับพวกท่านด้วยสุราอย่างยินดี ! แต่ถ้าพวกท่านมาเพื่อหาเรื่อง งั้นก็เชิญกลับไปเสีย ! พรรควายุอัสนีของพวกเราแม้ว่าจะไม่ใช่พรรคที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่ก็ไม่ใช่ที่ที่ใครก็สามารถรังแกกันได้ง่าย ๆ!” ชายชราคนก่อนหน้านี้พูดขึ้นอย่างถือตัว
อีกทั้งในขณะที่พูด เขาก็ได้หยิบอาวุธวิญญาณของตัวเองออกมา ! อาวุธวิญญาณแบบนี้แม้กระทั่งที่สนามรบชิงคงยังมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย นับประสาอะไรกับโลกนี้ ! เพราะแบบนี้ชายชราจึงคิดว่าอาวุธวิญญาณของตัวเอง น่าจะทำให้ใครบางคนหวาดกลัวได้บ้าง !
แต่ที่ทำให้เขาตกใจก็คือทันทีที่ตัวเองหยิบอาวุธวิญญาณออกมา อีกฝ่ายก็ล้วงหยิบเอาออกมาเช่นกัน ! ฉากนี้ทำให้ใบหน้าของผู้อาวุโสพรรคหดเหลือสองนิ้วทันที !
ตอนนี้พวกเขาอดรู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบหน้า เพราะทั้ง ๆ ตัวเองอยากจะเป็นฝ่ายข่มขวัญ แต่กลับโดนอีกฝ่ายข่มขวัญกลับอย่างไม่เกรงกลัว ! กลับกลายเป็นเขาเสียอีกที่สะดุ้งโหยง ! ด้วยต้องเข้าใจว่าแม้พลังวรยุทธ์ของพวกเขาจะไม่ได้ด้อยกว่าอีกฝ่าย แต่เขาเป็นคนเดียวเท่านั้นที่มีอาวุธวิญญาณ !
ในมือของพี่น้องคนอื่น ๆ ถือเพียงอาวุธวิเศษธรรมดาเท่านั้น ! ไม่ได้มีอาวุธวิญญาณถืออย่างคนอื่นเขา ถ้าเกิดต้องต่อสู้กันจริง ๆ ล่ะก็ ฝ่ายพวกเขาต้องเป็นคนที่เสียหายหนักกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะแบบนี้เหล่าผู้อาวุโสจึงใจเต้นตุบ ๆ อย่างหวาดหวั่น !
แต่เมื่อมองพรรคของตัวเอง เขาก็รู้ได้ว่าถ้าตัวเองทอดทิ้งพวกเขาไปทั้งที่เป็นแบบนี้ไม่ได้หรอก เนื่องจากพวกเขาเป็นครอบครัวของตนเอง ! ต้องเข้าใจว่าพวกเขาห้าคน ใครบ้างที่ไม่ติดหนี้บุญคุณพรรควายุอัสนี ! ดังนั้นพรรควายุอัสนีในสายตาของพวกเขา จึงเปรียบเสมือนพ่อแม่และลูกของตัวเอง !
หากให้เขาทอดทิ้งแล้วหนีไป พวกเขาไม่มีทางทำใจไหว ! แต่อีกฝ่ายมีคนมากกว่าตัวเองเท่าตัว อีกทั้งในมือยังมาอาวุธวิญญาณกันทุกคนอีกด้วย ถ้าเกิดต้องต่อสู้ขึ้นมาจะมีสักครึ่งไหมที่จะสามารถชนะ !
“สหายทุกท่าน ไม่ทราบว่าพรรควายุอัสนีทำอะไรผิดกับพวกท่านหรือ ! ถ้าหากว่าพวกเราผิดจริง พวกเราจะขอโทษพวกท่านด้วยความจริงใจ ! แต่ถ้าไม่มีอะไรแบบนั้นล่ะก็ ขอให้พวกคุณถอยออกไปด้วย แม้ว่าคนของพวกคุณจะมีอาวุธล้ำค่า แต่ก็ใช่ว่าพวกคุณจะได้กลับออกไปง่าย ๆ!”
ผู้พูดเป็นผู้อาวุโสลึกลับที่อายุน้องที่สุดและเข้ามาคนท้ายสุด ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพรรควายุอัสนีจึงไม่ได้ยาวนานนัก จึงถือได้ว่าเป็นคนที่รักตัวกลัวตายที่สุดคนหนึ่ง ! แต่เมื่อมีคนมาดูถูกพวกของตัวเองซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ เขาก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้เช่นกัน !
ด้านหัวหน้าพรรควายุอัสนีคนนั้น ที่เดิมคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ที่สุดในพรรคแล้ว แต่จู่ ๆ กลับมีชายชราลึกลับ 5 คนลอยอยู่เหนือศีรษะตัวเอง ! จนถึงตอนนี้เขาก็ได้แต่คิดในใจว่าถ้าตัวเองรู้ว่ามีพวกเขาอยู่ล่ะ ตัวเองก็คงไม่ต้องหวาดกลัวอยู่เช่นนี้หรอก !
แต่เมื่อมองคน 8 คนนั่น ความกล้าที่เกิดขึ้นในใจก็หายวับไปทันที ! กระทั่งเขายังแอบคิดในใจเลยว่าให้ปล่อยบ้านวายุล่มจมไปเสีย ! ส่วนพวกตนก็แค่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ ไป …พอเมื่อคิดได้ดังนั้นริมฝีปากเขาก็ยกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย
แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือเขามีผู้อาวุโสลึกลับนี้อยู่ตรงนี้ ดังนั้นยังตัวเองก็ปลอดภัย และยังจะทำให้บ้านวายุล่มสลายอีกด้วย ซึ่งพอคิดถึงตรงนี้ดวงตาก็เปล่งประกาย เช่นเดียวกับในหัวที่คิดถึงความน่าจะเป็นของแผนการ !
“พวกเราก็ไม่อยากต่อสู้กับพรรควายุอัสนีเหมือนกัน ขอเพียงพวกนายหลีกทาง ฉันจะไม่แตะต้องนายแม้แต่เพียงเสี้ยวเดียว ! แต่บ้านวายุนั่นต้องหายไปซะ และถ้าพวกนายยอมยืนมองอยู่เฉย ๆ บางทีพวกเราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ! แต่ถ้าพวกนายอยากสอดมือ งั้นพวกเราก็จะไม่ไว้ไมตรีเช่นกัน !”
ผู้พูดเป็นชายวัยกลางคน 1 ใน 8 คนนั้น ท่าทางของเขาองอาจไม่เบา ด้วยบนหน้ามีรอยบากเป็นทางยาว ! จนทำให้ทั้งหล่อเหลาและดูโหดเหี้ยมในเวลาเดียวกัน !
เมื่อพูดถึงบ้านวายุ ชายคนนั้นก็เผยสีหน้าอดทนอดกลั้น ! ต้องเข้าใจว่ารอยแผลนี้ไม่ใช่รอยแผลที่มีมาตั้งแต่เกิดแน่นอน แต่เขาได้มันมาในภายหลัง และก็แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับการที่เขามาที่นี่ในวันนี้ ! เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็จะจำไปจนวันตาย เพราะมันถือเป็นความอัปยศที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว !
ตั้งแต่เด็กไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหน เขาก็ชนะทุกครั้งไป ! แต่ครั้งนั้นอีกฝ่ายกลับทิ้งรอยแผลนี้เอาไว้ที่หน้าของเขา พร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ! และที่เขามาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมาดูว่าใบหน้ารอยแย้มนั้นจะยังคงอยู่บนใบหน้าอันน่ารังเกลียดของมันอยู่อีกไหม !!!
หลังจากเขาเสียเวลาค้นหาอยู่นานสองนาน ในที่สุดเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกศิษย์หลักบ้านวายุ ! ก่อนจะกลับไปฝึกฝนอย่างหนัก จนในที่สุดเขาก็สามารถเลื่อนขั้นที่มากกว่าเทพดาราได้ในที่สุด แต่ในตอนที่เขาคิดจะคิดบัญชีแค้น เขากลับหาไม่เจอแม้แต่ร่องรอยของมัน ขณะนั้นก็บังเอิญพบเข้ากับศิษย์น้องของอีกฝ่ายเข้า นี้จึงเป็นที่มาของแผนการทั้งหมด !!
เดิมทีเขามาที่นี่เพื่อทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้สิ้น แต่เมื่อมาถึงเขาก็พบว่ามันไม่ง่าย ดังนั้นเขาจึงยอมถอยก่อนหนึ่งก้าว รอให้เขากำจัดบ้านวายุก่อน พรรควายุอัสนีก็เหมือนลูกไก่ในกำมือของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงวางแผนต่อรอง เพื่อให้ชายคนนั้นได้ลิ้มรสความทรมานที่ตนได้รับมานานหลายปี !
หลังจากผู้อาวุโสเหล่านั้นได้ยิน ใบหน้าก็เผยออกมาว่าลังเลเล็กน้อย ! พวกเขาคิดในใจว่าถ้าพวกตนและคนอื่นๆ ไม่ถอย การสู้กับคนพวกนี้ก็มีแต่จะตายเปล่า ! และสุดท้ายพรรควายุอัสนีก็จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่หากใช้เพียงบ้านวายุบ้านเดียว เพื่อแลกกับความปลอดภัยของทั้งพรรค ยังไงพวกเขาก็รู้สึกว่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว !
“พวกคุณต้องรับปากว่าจะไม่ทำอะไรพรรควายุอัสนีของเรา และเรื่องของบ้านวายุพวกเราจะยอมยืนมองอยู่เฉย ๆ!” หลังจากผู้อาวุโสเหล่านั้นลังเลไม่ตัดสินใจเสียที หัวหน้าพรรควายุอัสนีก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและพูดประโยคนั้นออกมา
พอเหล่าผู้อาวุโสได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น พวกเขานึกในใจว่าชายคนนี้ช่างไม่มีความรับผิดชอบและความกล้าหาญที่ผู้นำควรมีเลยสักนิด !
ส่วนที่ในใจของเหล่าผู้อาวุโสลึกลับลังเล เพราะพวกเขาจากพรรควายุอัสนีไปอยู่ข้างนานเกินไป จึงมีความรู้สึกเป็นคนในพรรคบางเบากว่าที่เคย !
แม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่พวกเขาก็ไม่มีใครคัดค้าน ! มีแต่สายตาที่มองหัวหน้าพรรควายุอัสนีคนล่าสุดอย่างดูถูก ! พวกเขาคิดกระทั่งหลังจากเสร็จสิ้นเรื่องนี้แล้ว การพิจารณาเรื่องหัวหน้าพรรคคนใหม่น่าจะต้องรีบจัดตั้งเสียแล้ว
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าใครได้ เพราะการกระทำเช่นนี้ไม่ว่าใครก็ไม่คิดจะให้ความเคราพนับถือเขาเป็นผู้นำได้หรอก ! และทันทีที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา ความเชื่อมั่นในใจของคนภายในพรรคก็พลันหายไปจากใจด้วยเช่นกัน !