บทที่ 633 สงครามแห่งผืนฟ้าปฐพี
บทที่ 633 สงครามแห่งผืนฟ้าปฐพี
หลังจากทั้ง 8 คนได้ยินคำของหัวหน้าพรรควายุอัสนี ก็ไม่คิดจะหยุดรออีกต่อไป ! พวกเขาไม่อยากจะมีเรื่องกับพรรควายุอัสนีทั้งพรรค ดังนั้นไม่มีเรื่องอะไรที่น่าดีใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว !
มองเงาร่างของแปดคนนั้นจากไป ใบหน้าของคนในพรรควายุอัสนีก็แปรเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ถึงขีดสุด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยชอบบ้านวายุ เพราะพวกเขาเป็นอัจฉริยะจอมวิปลาส ! แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็คือครอบครัวเดียวกัน ! มาตอนนี้เมื่อคนในบ้านตัวเองเกิดอันตราย พวกตนกลับทอดทิ้งอย่างไม่ไยดีงั้นเหรอ ?
วันนี้พวกเขาสามารถทิ้งบ้านวายุได้ งั้นพรุ่งนี้พวกเขาก็สามารถทิ้งบ้านแดนร้าง ทิ้งบ้านอื่น ๆ ได้เช่นกันใช่หรือไม่ ! ในใจของคนในพรรคจิตตก จนพวกเขาเริ่มเกิดความรู้สึกว่าหากตัวเองยังอยู่พรรคแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องก้าวไปสู่ความตายอย่างแน่นอน ! การกระทำของหัวหน้าพรรคทำให้พวกเขาหมดศรัธาต่อตัวเขาอย่างสิ้นเชิง
หลังจากพวกพรรควายุอัสนีถอยให้ ก็ทำให้พวกเขาแปดคนดีใจอย่างมาก ! รีบพุ่งตรงไปยังบ้านวายุทันควัน !
ฉู่เหินยืนอยู่บนมุมสูงสุดของภูเขาวายุและมองเห็นเรื่องราวทั้งหมดอย่างแจ่มแจ้ง ! ตอนนี้เขารู้สึกรังเกียจพรรควายุอัสนีอย่างยิ่ง จากที่ก่อนหน้านี้ยังพอจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้อยู่บ้าง ! ปกติคนพวกนี้ไม่เคยต้อนรับพวกเขา พวกเขาไม่เคยว่า อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้แล้วว่าพรรควายุอัสนีไม่ใช่ครอบครัวเดียวกับบ้านวายุเลยในความคิดของพวกเขาอีกแล้ว !!!
พรรควายุอัสนีจะเป็นหรือตายเขาจะไม่สนใจอีก ! ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะทำลายบ้านวายุ งั้นเขาจะทำให้พวกมันได้รู้ว่าพวกมันตัดสินใจผิดแล้ว
จากนั้นฉู่เหินก็ยืนบนค่ายกลรูปทรงแปดเหลี่ยม และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ฮ่า ๆๆ พวกแกทิ้งฉันเหมือนรองเท้าเก่า ๆ เลยนะ แล้วฉันจะเคยดูขยะอย่างพวกแกล่มจม ! พอเห็นอีกฝ่ายแข็งแกร่งพวกแกกลับยอมหดหัวเหมือนเต่าอยู่ในกระดอง ! แต่ก็ช่างมันเถอะ ฉันจะต่อสู้ในสงครามนี้ด้วยกำลังของตนเองไม่ขอให้พวกแกช่วยอยู่แล้ว ! วะฮะฮ่า….”
เสียงหัวเราะนั้นดังไปทั่วบริเวณ เป็นผลให้ใบหน้าของทุกคนกลายเป็นย่ำแย่ถึงขีดสุด และแม้ว่าในใจของพวกเขาจะรู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดี แต่กลับไม่มีใครคัดค้านเลย ! โดยเฉพาะหัวหน้าพรรควายุอัสนีคนนี้ ที่นัยน์เป็นประกายแห่งความโหดเหี้ยม
“ไอ้เด็กสามหาวเพ้อเจ้ออะไรของแก ! อีกฝ่ายเป็นใคร จะรอดชีวิตกลับมาไหมนั่นแหละปัญหา ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อให้พรรคของเราปลอดภัย หรือแกอยากเห็นพรรควายุอัสนีกลายเป็นสุสานใช่มั้ย ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกแกชดใช้คืนพวกฉันได้หรือเปล่า !” เดิมทีเขาคิดจะรักษาท่วงท่าของตัวเองบ้างเล็กน้อย เพียงแต่ไม่ว่าใครที่มองก็รู้สึกว่าเขาทำไปเพราะใจเสาะไปเองทั้งนั้น !
โดยเฉพาะคำพูดที่ไร้มนุษยธรรมนั่น เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น คนโง่ที่ไหนก็ดูออก ! เช่นนี้ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นก้มหน้าอย่างอับอาย กระทั่งถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อถอยห่างจากอีกฝ่าย !
ฉู่เหินที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด อดหัวเราะออกมาอีกครั้งไม่ได้ “คนจิตใจคับแคบอย่างแก สุดท้ายแกจะไม่เหลือใครเลย และฉันจะเคยดูความฉิบหายของแกในอนาคต ! ตำแหน่งหัวหน้าที่แกได้มา ช่างเสียของจริง ๆ!”
“พรรควายุอัสนีจงดู ! โอกาสอันหาได้ยากแบบนี้มาแล้ว จงดูพวกแกพูดเข้าสิ แต่ว่าสายน้ำไหลไปไม่ย้อนกลับ ต่อไปก็จงเบิกตาโง่ ๆ ของพวกแกดูให้ดีว่าเพียงบ้านวายุที่เดียวจะรับมือกับศัตรูอย่างไร ! แต่อย่างพวกแกก็คงทำได้แค่ดู ไม่งั้นทำอะไรสำเร็จได้เป็นชิ้นเป็นอันหรอก !” หลังจากด่าจบ ก็ทำให้ดวงตาของหัวหน้าพรรคสว่างวาบอย่างมาดร้าย
เขาที่เป็นถึงหัวหน้าพรรค แต่กลับถูกมันพูดจาแบบนี้ใส่ ! คราวก่อนก็ตระกูลหลิวครั้งหนึ่งแล้ว พอมาเรื่องนี้อีก ยังไงเขาก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าเด็กเสียมารยาทที่มันกล้าพูดกับเขาแบบนี้ไปแน่ !
แต่เมื่อตอนที่เขามองไปรอบ ๆ ตัวเองก็เพิ่งพบว่าเขาทำเกินเหตุไปแล้ว ! บางทีพวกผู้อาวุโสอาจจะมีวิธีเลือกอื่นอยู่ในใจ แต่ตอนนี้เขากระโดดออกหน้ามาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ไม่สามารถถอยกลับได้แม้จะรู้ตัวช้าไปหน่อย !
เขาคิดในใจอย่างกังวล ว่ารู้อย่างนี้เขาน่าจะอยู่เงียบ ๆ ไปซะ ! จนพานให้เขาคิดเกลียดกระทั่งผู้อาวุโสพวกนั้น เพราะถ้าพวกนั้นเป็นคนพูดออกมาเอง เขาก็ยังสามารถแกล้งทำตัวเป็นคนดีได้ แต่ดูตอนนี้สิ !
ฉู่เหินหัวเราะ และในตอนนั้นเอง เงาร่างทั้งแปดก็ได้มาถึงแล้วในที่สุด ! ซึ่งแต่ละคนต่างก็ถืออาวุธอานุภาพร้ายกาจมาด้วย อีกทั้งยังแผ่รังสีฆ่าฟันออกมาอย่างรุนแรง ! และที่ทั้งแปดมีสิ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือพวกเขาเคยพ่ายแพ้ให้กับศิษย์พี่ใหญ่ของฉู่เหิน !
อีกทั้งบนร่างกายของพวกเขายังมีร่องรอยบาดแผลไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง ! และที่พวกเขามาที่นี่ก็มีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือทำลายบ้านของศิษย์พี่ใหญ่ฉู่เหิน ด้วยพวกเขาต้องการในเจ้าวิปลาสนั่นได้ชดใช้ และแม้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมาก แต่แล้วยังไงเล่า พวกเขาจะทำลายศิษย์น้องของมันแทน !
เงาร่างทั้งแปดที่เกือบจะเข้ามาในเขตบ้านวายุ แต่แล้วจู่ ๆ พวกเขาก็มองเห็นหมอกลอยบาง ๆ อยู่เบื้องหน้า เดิมทีพวกเขานึกว่าตัวเองตาฝาด จึงหยุดมองจะสงสัยปนตกใจ ! ก่อนเพียงเท่านั้นพวกเขาก็รู้แล้วว่ามันคือค่ายกล !
เพียงแต่พวกเขาแปดคนคิดอย่างลำพองใจว่าอาศัยพลังวรยุทธ์ที่มากกว่าขั้นเทพดารา ค่ายกลกระจอกของอีกฝ่ายจะทำอะไรพวกเขาได้ คิดหรือว่าพวกเขาจะกลัว ! ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดจะสนใจค่ายกลตรงหน้า เพราะไม่คิดว่าจะมีค่ายกลอะไรทำร้ายพวกเขาได้ !
เมื่อคิดถึงตรงนี้คนพวกนี้ก็ไม่ลังเล เตรียมโจมตีหมอกที่อยู่เบื้องหน้า แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะโจมตี ฉู่เหินก็ชิงลงมือก่อน ! ตอนนี้อารมณ์โกรธของฉู่เหินยังไม่ได้รับการปลดปล่อย และในเมื่ออย่างนั้น งั้นแล้วก็ขอเอามาลงที่เจ้าแปดคนนี้ก็แล้วกัน !!!
เห็นเพียงค่ายกลรูปทรงแปดเหลี่ยมลอยเคว้งกลางอากาศ ! โดยในทันทีที่มันปรากฏก็มีแสงสว่างวาบรอบทั้งแปดคนไว้ แม้ว่าทั้งจะรู้สึกตงิดใจ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่สนใจค่ายกลตรงหน้า
จากนั้นพวกเขาก็ปล่อยการโจมตีค่ายกลรูปทรงแปดเหลี่ยมแสนแปลกประหลาดนั่น แต่ไม่ว่ามันจะรูปทรงอะไร ถ้าอาศัยการร่วมมือของพวกเขาทั้งแปดคน ก็จงถูกทำลายไปเสีย !
ยิ่งตัวเองมองการโจมตีของตัวเองที่เข้าใกล้ค่ายกลทรงประหลาดนั่น ใบหน้าก็ยิ่งเผยรอยยิ้ม ! แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็หายไป เมื่อเห็นว่าการโจมตีของตัวเองไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับค่ายกลแปดเหลี่ยมได้ แม้กระทั่งแรงสั่นสะเทือนสักนิดก็ไม่มี ! ฉากนี้พวกเขาได้แต่เบิกตามองดวงสายตาไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าค่ายกลบ้านี้มันเป็นภาพมายา แทบจะเป็นเหมือนเงาด้วยซ้ำ แล้วเจ้าเงานี้ทำไมมันกลับแผ่กลิ่นอายอันตรายออกมาได้ถึงเพียงนี้ล่ะ ! พวกเขาคิดในใจว่าหรือของสิ่งนี้มันจะเอาไว้ข่มขวัญ แต่ทำประโยชน์อะไรไม่ได้กัน !
แต่ตอนนี้เอง ก็เป็นฉู่เหินที่ทำการผสานอิน ทำให้ค่ายกลแปดเหลี่ยมเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ! จากเดิมทุกคนเห็นเป็นแสงสีขาวนวลตา บัดนี้จู่ ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงราวกับอยู่ในห้วงฝันที่มาพร้อมกับสายฟ้าฟาด !