บทที่ 644 ดวงวิญญาณที่สาม
บทที่ 644 ดวงวิญญาณที่สาม
ที่จริงฉู่เหินสงสัยมาตลอด เพราะตอนอยู่ในสนามรบชิงคง บัญญัติสวรรค์เคยพูดว่าตัวเขามีดวงวิญญาณอยู่กับตัวเองสามดวง แต่จนถึงตอนนี้เขารู้แค่ว่าหนึ่งในนั้นคือมังกรนิลและเขา !
ฉู่เหินหลับตาและนึกถึงตอนที่อยู่ในสนามรบชิงคง ว่ามีสิ่งที่ใดที่เขาตกหล่นไปหรือไม่ ! แต่ไม่ว่าจะนึกเท่าไรเขาก็นึกไม่ออกว่าอีกดวงวิญญาณหนึ่งคืออะไร ที่ตามตัวเองออกมา !
ต้องเข้าใจว่าตอนอยู่ที่สนามรบชิงคง เขาได้พบกับแม่บุญธรรมตัวเอง ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหัวหน้ากลุ่มหงส์เพลิง ต่อมาก็ไปล้างแค้นกลุ่มเสือขาว และวางแผนช่วยฮวามู่ตันกลับมา หลังจากนั้นตนก็หมดสติไป ได้สติกลับมาอีกครั้งเกิดศึกสงครามกันแล้ว
เป็นสงครามระหว่างกลุ่มเสือขาวและกลุ่มเต่าดำ ผลสุดท้ายทำให้ทั้งสองกลุ่มสูญเสียคนไปจำนวนมาก ! ระหว่างทางที่เขากลับก็ไม่ได้พบเจอกับสิ่งมีชีวิตไหนเลยสักตัว ส่วนร่างแปลงกิเลนของเขาก็ดูจะไม่น่าจะเป็นดวงวิญญาณที่สามไปได้ ! หรือบางทีดวงวิญญาณที่สามอาจจะเป็นสิ่งที่เขามองข้ามไป
ไม่ว่าจะคิดเท่าไร เขาก็คิดไม่ออกว่าดวงวิญญาณที่สามมันคืออะไร ! ต่อมาเขาก็นึกถึงเสือขาวสัตว์เซียนตัวนั้นออก แต่เสือขาวตัวนั้นฟักออกมาจากรูปปั้น และอยู่กับตัวเขาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเสือขาวย่อมไม่ใช่ดวงวิญญาณของสนามรบชิงคงแน่ !
แต่นอกจากเสือขาวแล้ว เขายังมีเพลิงพิโรธหรือเปลวไฟแห่งความว่างเปล่าด้วย ! แต่เพลิงพิโรธคือหนึ่งในของวิเศษจากสวรรค์ ก็ไม่น่าจะใช่ดวงวิญญาณเช่นกัน ! หวนคิดเท่าไรเขาก็ไม่รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน !
หลังจากขบคิดเนิ่นนาน ฉู่เหินก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ไม่ใช่ตอนนี้ เขาคิด ก่อนอื่นสิ่งที่เขาต้องทำก็คือออกจากการเข้าฌาน ด้วยพลังวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้เพิ่งจะเลื่อนเป็นขั้นเซียนได้สำเร็จ
หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ในครั้งนั้น พรรควายุอัสนีก็ไม่มีข่าวฉาวออกมาอีก กลับยิ่งได้รับความเคารพมากกว่าเดิม ! โดยเฉพาะบ้านวายุที่ทุกวันจะมีคนยืนรอคารวะขอเข้าเป็นลูกศิษย์อยู่เนื่อง ๆ ทำเอาแต่ละวันของฉู่ตงและหลิวฮุ่ยยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง ! ทว่าแม้จะยุ่งมาก แต่ทั้งสองก็ยังยิ้มได้
ฐานะของพวกเขาในบ้านวายุเหมือนถูกยกระดับ ขนาดที่พวกผู้อาวุโสยังต้องไว้หน้าพวกเขาสามส่วน ไม่ใช่เพียงแค่พวกเขาเป็นลูกศิษย์ของจูเก๋อโยวหมิง ลำพังเพียงพวกเขาเป็นพี่น้องของฉู่เหินก็เพียงพอแล้ว !
ตอนนี้ชื่อของฉู่เหินดังไปทั่วทั้งอาณาจักร ! ยิ่งมีคนไม่น้อยใช้ศิลาหินเผยแพร่ฉากต่อสู้ออกไป ก็ยิ่งทำให้คนภายนอกรับรู้ว่าพวกเขาไม่ควรหาเรื่องบ้านวายุและฉู่เหินอย่างยิ่ง !
ไม่เพียงขุมอำนาจใหญ่ ๆ เท่านั้นที่คิดแบบนี้ พวกราชวงศ์เองก็คิดไม่ต่างกัน ! เพราะเท่านี้ก็รู้ชัดแล้วว่าพรรควายุอัสนีมีอำนาจมากขนาดไหน !
ฉู่เหินเดินไปเดินมาในหุบเขาวายุ ในใจคิดไม่ถึงว่าหลังการต่อสู้ครั้งนั้น จะทำให้พรรคเขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ! สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คืออดีตหัวหน้าพรรคคนนั้น ที่เขาไม่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายอีกเลย ไหนจะพวกตระกูลหลิวนั่นอีก
ฉู่เหินนั่งอยู่บนยอดเขาเหม่อมองออกไปสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงภูเขามากมายทับซ้อนกันดูเป็นภาพที่ชวนให้จิตใจสงบอย่างน่าแปลก ถึงแม้ว่าวิวจากภูเขาวายุจะไม่ได้สวยที่สุดในอาณาจักรก็ตาม !
หลังจากเดินรอบภูเขาวายุมาทั้งวัน ฉู่เหินเลือกที่จะนั่งมองวิวอย่างสงบอยู่ตรงนี้ แต่แล้วจู่ ๆ ท้องฟ้าที่สดใสอยู่ดี ๆ ก็ถูกเมฆดำปกคลุม ! เหมือนฝนกำลังจะตก
ชายหนุ่มคิดแล้วก็ถอนหายใจออกมา เตรียมจะลุกขึ้นกลับที่พัก แต่ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เขาก็พบว่าใต้เท้าของเขาตัวเองมีรังมดกำลังย้ายถิ่น
เขาเห็นแล้วก็รู้ได้ในทันทีว่านี้เป็นสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของสัตว์ จากสิ่งอันตราย ทันทีที่ฉู่เหินเห็นมดก็สะดุ้งตกใจ ! เพราะเขานึกเรื่องบางอย่างออกแล้ว !
นึกกลับไปตอนที่เขาได้รับภารกิจของกลุ่มหงส์เพลิง ให้ไปสอดแนมกลุ่มเสือขาว พร้อมกับเพื่อนร่วมภารกิจพวกนั้น ! เพียงแต่หลังจากเขาเจอมดยักษ์ไล่ล่าก็แยกกันไปคนละทิศละทาง พอมีหลายเรื่องให้เขาทำมาก ๆ เข้าก็ลืมพวกนั้นไปเลย !
พอเห็นมด เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเคยเจอกับมดยักษ์มาก่อน ! และถ้าความทรงจำเขาไม่ผิดละก็ ตัวเองเหมือนจะเก็บมดยักษ์มาด้วยสองสามตัว อีกทั้งเขายังทำให้มันกลายพันธุ์ด้วย ชนิดที่ไม่อาจกลับมาเป็นดั่งเดิมได้อีก !
จากนั้นเขาก็เริ่มนึกอย่างละเอียด ว่าตัวเองเอามดพวกนั้นไปไว้ที่ไหน ! หลังจากนึกอยู่สักพัก เขาก็นึกออกว่ามดพวกนั้นมันกินกันเอง เจอสุดท้ายก็เหลือเพียง 3 ตัว อีกทั้งยังคล้ายจะอยู่ในสภาวะหมดสติอีกด้วย ! เลยใช้โอกาสนั้น ทำให้มดพวกนั้นจดจำตัวเองเป็นเจ้าของ !!
…หลังจากผ่านเรื่องยุ่ง ๆ มา ชายหนุ่มก็แทบจะหลงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ! พอนึกออกเขาก็เหมือนตาสว่าง หรือว่าบางทีพวกมันสามตัวจะมีดวงวิญญาณ ! แต่ก็ไม่ถูกนัก ตอนนั้นบัญญัติสวรรค์บอกว่าเขาพกสองดวงวิญญาณมาด้วย ! ถ้าเป็นสามตัวนี้ อีกฝ่ายก็น่าจะพูดว่าเขาเอามามากกว่าสองสิ !
เมื่อคิดถึงตรงนี้เข้าก็คล้ายคนที่เดินมาถึงเส้นตัน ฉู่เหินหัวเราะตัวเองเบาๆ ว่าทำไมตัวเองไม่เปิดแหวนมิติออกดูซะก็สิ้นเรื่อง ! ว่าแล้วฉู่เหินก็เอามดทั้ง 3 ตัวออกมาตรวจสอบ แต่แล้วเขาก็ต้องตะลึง !
เขาจำได้ว่าตอนที่ตัวเองเก็บมด 3 ตัวนี้มามันตัวไม่ใหญ่อะไรเลย ! ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นมันมีขนาดเท่ากำปั้นหนึ่งเอง อย่างไรก็ตามตอนนี้ในแหวนมิติของตัวเองกลับเหลือมดอยู่เพียงหนึ่งตัวเท่านั้น และมียังมีลักษณะแปลก ๆ อีกด้วย
มดตัวนี้มันตัวใหญ่แทบจะเท่าวัวตัวหนึ่ง ปีกสีทองหนึ่งคู่ แม้ว่าจะยังกางไม่ได้ทั้งหมด แต่เพียงเห็นก็รู้ว่ามันไม่ใช่ปีกธรรมดาแน่นอน !
มันมีขา 4 ข้างเหมือนสัตว์ทั่วไป ดูแข็งแรง และเต็มไปด้วยพละกำลัง ! และที่สำคัญที่สุดคือ ดวงตาทั้งสองข้างของมันสว่างไสวเหมือนดวงไฟ !!!
ต้องเข้าใจว่ามดส่วนมากแล้วตาบอด แต่เห็นได้ชัดเลยว่ามดตัวนี้ไม่ใช่ ! เวลาที่มันมองรอบ ๆ แหวนมิติของตน เหมือนกับว่ามันกำลังจ้องมองอยู่จริง ๆ และฉู่เหินก็มองเห็นอย่างชัดเจน ! อีกทั้งเขายังสัมผัสได้ว่าดวงตาคู่นี้ไม่ธรรมดา ราวกับว่ามันสามารถมองทะลุผ่านสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตได้ !
สิ่งที่พิเศษของมดตัวนี้คือมันมีเปลวไฟโหมไหม้อยู่ตลอดเวลา ราวกับถูกห่อคลุมด้วยกองไฟ ! ฉู่เหินมองความอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก ปากอ้าค้างโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่มหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างของมัน !
เขานึกในใจว่าแลกมังกรกับมดตัวนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมแลกแน่นอน ! มดตัวนี้งดงามเกินไป กระทั่งเขายังตกอยู่ในภวังค์ ถ้าตัวเองได้นั่งบนตัวของมันจะให้ความรู้สึกแบบไหนกันนะ ! ชายหนุ่มคิดขณะมองร่างที่อยู่ตรงหน้า
จู่ ๆ จิตวิญญาณของมดตัวนี้ก็เชื่อมกับจิตวิญญาณของเขา ! มดตัวนี้ใช้จิตวิญญาณสื่อสารกับเขา ซึ่งชายหนุ่มก็นึกไม่ถึงเลย เพราะว่ามดตัวนี้กลับมีไอคิว(IQ) สูงอย่างไม่แน่เชื่อ แต่ที่ทำให้เขาต้องปล่อยลมหายใจอย่างโล่งอกออกมาหลายครั้ง นั่นก็คือมดตัวนี้คิดว่าเขาเป็นเจ้านายของมันจริง ๆ!!!