ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 22 ข้ารักเพียงวี่โหรว
นอกจากยาที่ไทเฮาพระราชทานให้เมื่อห้าปีที่ก่อนแล้ว เขาจะต้องมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับนาง ข้างกายเขาไม่มีสตรีใดสามารถเข้าใกล้ได้ นับประสาอะไรกับความสัมพันธ์ชายหญิงเหล่านั้น
เขารักษาความบริสุทธิ์ไม่ให้ด่างพร้อย ทำไมหนานหว่านเยียนถึงพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขาเช่นนี้? !
หนานหว่านเยียนโกรธมาก “หากท่านไม่รู้สึกอะไรกับข้า เหตุใดท่าน……เหตุใดถึงทำกับข้าเช่นนี้! ”
กู้โม่หานชำเลืองมองหัวไหล่อันข่าวผ่องของนาง เมื่อครู่เขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับการวินิจฉัยปานของหนานหว่านเยียน และไม่ได้สังเกตว่าเขาฉีกเสื้อผ้าของนางจนกลายเช่นนี้
“เจ้าหยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว ข้ารักเพียงวี่โหรว!” ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายผู้นั้นแดงระเรื่อเล็กน้อยอย่างสงสัย แต่สีหน้าของเขายังคงเศร้าหมอง “ข้าขอเตือนเจ้า งานเลี้ยงในวังวันพรุ่งนี้เจ้าควรพูดอย่างตรงไปตรงมาดีที่สุด! หากกล้าทำอะไรให้ข้าโกรธ ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นดี! ”
พูดจบเขาก็ส่งเสียงหึอย่างเย็นชา และสะบัดมือของหนานหว่านเยียนออก จากนั้นเดินจ้ำไปที่เรือนซีเฟิง มองจากด้านหลังดูเหมือนหนีหัวซุกหัวซุน
เมื่อร่างของชายผู้นั้นหายวับไปในความมืด ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงดังมาจากมุมหนึ่ง
เมื่อครู่หนานหว่านเยียน “ตื่นตระหนกจนลนลาน” และ “กล้ำกลืนการดูถูกเหยียดหยาม” นางปรบมืออย่างภาคภูมิใจ และดวงตาเปล่งประกาย
เจ้าตัวเล็ก ยังอยากจะหยั่งเชิงตัวตนของข้าอีกหรือ?
หลายปีที่ผ่านมา กู้โม่หานรักษาตนให้บริสุทธิ์ดั่งหยกเพื่อหยุนวี่โหร ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ “บริสุทธิ์” เช่นนี้ ไม่มีทางแตะเนื้อต้องตัวนางอย่างสิ้นเชิง การแตะต้องนางแน่นอนว่าเป็นเพราะสงสัยตัวตนของนาง
ดังนั้นนางจึงจัดการแสดงให้เขาหนึ่งฉาก เขาจะได้ไม่ต้องสงสัยความเป็นมาที่ไม่แน่ชัดของนางทุกวัน
หนานหว่านเยียนส่งเสียงฮึเล็กน้อย ใช้ผ้าห่อของปิดหัวไหล่ส่วนที่เสื้อผ้าฉีกขาด และรีบเดินกลับไปที่เรือนเซียงหลิน
ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่ยุคปัจจุบัน หากมีใครเห็นว่าเสื้อผ้าของตนเองฉีกขาด คงยากที่จะหลีกเลี่ยงคำนินทา
ประตูเรือนเซียงหลิน
อวี๋เฟิงเห็นร่างของหนานหว่านเยียนจากไกลๆ
เมื่อนางเข้ามาใกล้ เขารีก็บโค้งคำนับและกล่าวว่า “ลำบากพระชายาแล้ว”
หนานหว่านเยียนเหลือบมองอวี๋เฟิง และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เสิ่นวี่ดีขึ้นมากแล้ว อีกหนึ่งสัปดาห์ก็คงจะหายดี เจ้าไม่ต้องกังวล”
เสิ่นวี่ลูบท้ายทอยและยิ้มกรุ้มกริ่ม
“พระชายาทรงทำนายได้แม่นจริงๆ ข้าน้อยคิดอะไร ท่านก็รู้ทั้งสิ้น”
“เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด แล้วให้คนมาเปลี่ยนเวรยาม” หนานหว่านเยียนไม่พูดอะไรมากนัก ยิ้มอ่อนและเดินเข้าไปในเรือน
ทันทีที่หนานหว่านเยียนก้าวเข้าไปในเรือน นางก็เห็นสาวใช้สองสามคนที่มองเห็นใบหน้าไม่ชัดกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่มุมกำแพง——
“พวกเจ้าว่าทำไมพระชายาผู้นี้ถึงร้ายกาจนัก? และให้กำเนิดบุตรสาวสองคนในคราวเดียว?”
“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าพระชายาเฉิงให้กำเนิดบุตรเมื่อครึ่งปีก่อน และเป็นบุตรชาย ในตอนนั้นอ๋องเฉิงหน้าเขียว สะบัดแขนเสื้อและจากไป”
“อ๋องเฉิงสีหน้าไม่น่ามองก็พอจะเข้าใจได้ ในตอนนั้นฝ่าบาทเคยตรัสว่าหากท่านอ๋องคนใดมีบุตรสาว พระองค์จะทรงแต่งตั้งให้ท่านอ๋องผู้นั้นเป็นไท่จื่อ! นางสนมที่ให้กำเนิดบุตรสาวก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นกุ้ยเฟย และบรรดาองค์ชายองค์หญิงเหล่านั้นก็จะได้รับพระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์ด้วยเช่นกัน!”
“ก็จริง ราชวงศ์ไม่มีองค์หญิงหรือจวิ้นจู่มายี่สิบกว่าปีแล้ว และกำลังรอเด็กผู้หญิงน่ารักมาเป็นที่โปรดปราน หากเจ้านายน้อยทั้งสองในบ้านเป็นของท่านอ๋อง เช่นนั้นจะต้องเข้าไปในตำหนักบูรพาอย่างแน่นอน ช่างโดดเด่น!”
หนานหว่านเยียนยืนอยู่ในความมืด ในขณะที่ฟังก็ขมวดคิ้วแน่น
ทันใดนั้นเสียงที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ดูเหมือนนางจะจงใจลดเสียงลง
“พวกเจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล! เป็นไปไม่ได้ที่เด็กผู้หญิงสองคนนั้นจะเป็นบุตรของท่านอ๋อง! พระชายาเป็นคนเช่นไร พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ? หากเป็นบุตรของท่านอ๋องจริงๆ คงทำให้ท่านอ๋องโปรดปรานนางแล้ว?”
ทันทีที่กล่าวเช่นนี้ออกมา จินตนาการเหล่านั้นก็สร้างความสัมพันธ์อันดีกับหนานหว่านเยียน สาวใช้สองสามคนใช้โอกาสนี้ทอดถอนใจอย่างรวดเร็ว และเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับ “เรื่องรักๆ ใคร่ๆ” ของหนานหว่านเยียนอีกครั้ง
ทันใดนั้นดวงตาของหนานหว่านเยียนก็จมลง และกลับไปที่ห้องด้วยสีหน้าไม่น่ามองมากนัก
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าหากเด็กผู้หญิงทั้งสองคนเข้าร่วมในการต่อสู้ของราชวงศ์ คงต้องตกเป็นเหยื่อทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี หรือการแต่งงานที่ต่ำลงมา
แต่นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าราชวงศ์ของแคว้นซีเย่จะขาดแคลนสตรีขนาดนี้ และยังส่งผลกระทบต่อตำแหน่งไท่จื่อ!
นกที่โผล่หัวออกมาจะถูกยิง หากภูมิหลังของเด็กผู้หญิงทั้งสองถูกเปิดเผย จะต้องตกเป็นเป้าของผู้คนอย่างแน่นอน!
ไม่ นางจะไม่ยอมให้เรื่องที่เด็กผู้หญิงทั้งสองเป็นบุตรของกู้โม่หานถูกเปิดเผยอย่างเด็ดขาด อยู่ให้ห่างจากเหตุการณ์ที่คับขัน!
……
ในห้อง
เด็กน้อยทั้งสองนอนหลับจนแก้มอันนุ่มนิ่มแดงก่ำ หนานหว่านเยียนขึ้นไปบนเตียงเบาๆ กอดเจ้าซาลาเปาและเจ้าเกี๊ยวน้อย จากนั้นก็หอมแก้มสองพี่น้อง
แววตาของนางดูหลงใหล “แม่จะปกป้องพวกเจ้าเป็นอย่างดี และจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บ……”
เจ้าเกี๊ยวน้อยถูใบหน้าของหนานหว่านเยียนอย่างสะลึมสะลือ
หนานหว่านเยียนใจอ่อนระทวย เฝ้าเด็กน้อยทั้งสองคน และไม่นานก็หลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น
เหล่าสาวใช้ต่างพากันยุ่งวุ่นวาย หนานหว่านเยียนลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย และเห็นเจ้าซาลาเปากำลังย่องลงจากเตียงเบาๆ
“เจ้าก้อนแป้ง เจ้าตื่นแล้ว?”
หนานเสี่ยวรีบหันไปมองหนานหหว่านเยียน “ท่านแม่ พี่สาวบอกว่าท่านแม่เหนื่อยแล้ว อย่ารบกวนการพักผ่อนของท่านแม่ ข้ารบกวนท่านแม่หรือไม่?”
หนานหว่านเยียนเพิ่งสังเกตเห็นว่าไม่มีแม้เงาของเจ้าเกี๊ยวน้อย
นางลุกขึ้นนั่ง อุ้มเจ้าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า และยิ้มอย่างอ่อนโยน “จะเป็นไปได้อย่างไร แม่เพิ่งตื่นนอน พี่สาวของเจ้าล่ะ?”
เจ้าก้อนแป้งกะพริบขนตายาวๆ และเสียงนุ่มนวล
“พี่สาวตื่นแต่เช้า ตอนนี้น่าจะกำลังทานอาหารเช้าอยู่”
“เยี่ยม เจ้าไปแปรงฟันกับแม่” หนานหหว่านเยียนวางเจ้าซาลาเปาลงบนพื้น
ทั้งสองคนล้างหน้าล้างหน้ากันสักพัก จากนั้นนางก็แต่งตัวให้เจ้าซาลาเปา
ในเรือน เซียงเหลียนพาสาวใช้คนอื่นๆ ไปเตรียมอาหารเช้าแต่เช้า
เมื่อเห็นเกี๊ยวนึ่งร้อนๆ สองจานบนโต๊ะ เจ้าเกี๊ยวน้อยก็หิวมาก
นางตื่นแต่เช้า หลังจากเดินเล่นไปรอบๆ นางก็รบเร้าให้เซียงอวี้มาเล่นเป็นเพื่อนนางอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อเห็นเซียงเหลียนพาเหล่าสาวใช้ออกมาพร้อมกับเกี๊ยวนึ่งในมือ นางก็ยืนตาปริบๆ อยู่ข้างโต๊ะ
แม้ว่ากู้โม่หานจะไม่ยอมรับด้วยตนเอง แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าเด็กผู้หญิงทั้งสองคนนี้เป็นบุตรนอกสมรส ดังนั้นพวกนางจึงเป็นเจ้านาย
ในขณะคิด สาวใช้คนหนึ่งก็ยิ้มด้วยความเคารพ และกล่าวกับหนานจือว่า “หากคุณหนูจือหิวแล้ว ท่านก็กินก่อน”
เจ้าเกี๊ยวน้อยมองไปที่เกี๊ยวนึ่งสีขาวทั้งสองจานแล้วกลืนน้ำลาย แต่กลับส่ายหัว “ไม่ได้ ต้องให้ท่านแม่กินเป็นคำแรก ท่านแม่ก็ชอบกินเกี๊ยวเช่นกัน”
สาวใช้ที่กล่าวเมื่อครู่และคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึง
เมื่อคืนพวกนางเห็นท่าทางของหนานหว่านเยียนที่มีต่อคนรับใช้ และวิธีการอบรมสั่งสอนบุตรที่ไม่เหมือนใคร คนเป็นแม่ย่อมต้องรักลูก แต่ไม่คิดเลยว่าหนานจือจะรู้จักรักแม่ของตนเองตั้งแต่อายุยังน้อย……
สาวใช้ทุกคนเปี่ยมล้นด้วยความรักของแม่ในทันที และแอบอิจฉาที่หนานหว่านเยียนให้กำเนิดบุตรสาวที่ดี!
ไม่ว่าเด็กผู้หญิงทั้งสองจะเป็นบุตรของท่านอ๋องหรือไม่ก็ตาม นางล้วนมีวาสนาดี
ไม่ใช่แค่คนรับใช้เท่านั้นที่ได้ยินสิ่งที่เจ้าเกี๊ยวน้อยกล่าว แต่กู้โม่หานที่เพิ่งก้าวเข้ามาในเรือน เพื่อมารับหนานหว่านเยียนเข้าไปในวังก็ได้ยินเช่นกัน!
ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็ใจอ่อน และมีร่องรอยของความอบอุ่น
เด็กคนนี้ช่างรู้เรื่องรู้ราว……