ดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 37 ลูก หนานหว่านเยียนให้กำเนิดมาสองคนแล้ว
คำพูดประโยคนี้ของหยุนอี่ว์โหรว คนมากมายที่อยู่ในงานต่างก็ยังจำกันได้อยู่
ทันใดนั้น คำสรรเสริญในตำหนักหยุดลงทันที
สายตาที่ทุกคนมองไปทางหนานหว่านเยียน พิจาณาสำรวจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
หนานหว่านเยียนยิ้มเย้ยหยัน เหลือบมองหยุนอี่ว์โหรวที่ดูอ่อนแอครู่หนึ่ง ความเย็นชาในใจปะทุขึ้นมา
หยุนอี่ว์โหรว ผู้คนไม่รุกรานข้า ข้าก็ไม่รุกรานคน!
ในเมื่อหยุนอี่ว์โหรวลอบกัดนางครั้งแล้วครั้งเล่า ขัดขวางนางกลับไปพบกับลูกสาว เช่นนั้นก็อย่าโทษนางที่โกรธก็แล้วกัน!
หลังจากงานเลี้ยงในวังนี้ ความอดทนที่นางมีต่อนังตอแหลน้อยนี่ถึงขีดสุดแล้ว!
จู่ๆ หนานหว่านเยียนก็มองไปทางไทเฮาที่มีความสงสัยเหมือนกัน เอ่ยปากขึ้นอย่างนิ่มนวล
“เสด็จย่าไทเฮา ‘พูหยา’ นี้ไม่ใช่ของขวัญที่เยียนเอ๋อร์มอบให้ท่านคนเดียวจริงๆ แต่เป็นของขวัญที่พ่อข้า ให้ข้ามอบให้ท่านแทนทั้งจวนเฉิงเซี่ยง”
ได้ยินคำพูด หยุนอี่ว์โหรวตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่านางคิดไม่ถึงว่าหนานหว่านเยียนจะดึงจวนเฉิงเซี่ยงมาเอี่ยวด้วย
แต่ขอเพียงแค่เวลานี้หนานฉีซานไม่ยอมรับความหวังดีนี้ หนานหว่านเยียนก็ไม่สามารถรอดพ้นไปได้!
หนานชิงชิงหรี่ตาขึ้นมาทันที
นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร หากพ่อนางมีของล้ำค่าระดับนี้จริงๆ ไม่มีทางเอาออกมามอบให้ใครหรอก!
แต่หนานฉีซานกลับลุกขึ้นมา เดินไปถึงหน้าไทเฮา กล่าวขึ้นมาอย่างเคารพนบนอบ: “จวนเฉิงเซี่ยงไม่เคยคิดจะเอาความดีความชอบ พระชายาอี้มีใจแล้ว กระหม่อมกับพระชายาอี้ขออวยพรให้ไทเฮา มีโชคลาภดุจทะเลตงไห่ อายุยืนยาวดุจภูเขาหนานซาน!”
เขาถูกหนานหว่านเยียนเอ่ยถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว ยังชะงักงันไปครู่หนึ่ง
ถึงแม้คนที่มีสายตาเฉียบแหลมต่างก็รู้ว่า นี่คือของขวัญที่หนานหว่านเยียนมอบให้ ไม่พูดถึงว่านางได้หญ้าวิเศษนี้มาอย่างไร ถึงแม้จะมีหญ้าวิเศษนี้จริงๆ แล้วจะเต็มใจมอบให้คนอื่นได้อย่างไร
แต่เวลานี้ในเมื่อนางเอ่ยถึงจวนเฉิงเซี่ยง หนานฉีซานก็ดำเนินการไปตามสถานการณ์ ยอมรับน้ำใจนี้เอาไว้
อย่างไรเสียข้อดีและผลประโยชน์ที่มาถึงมือ เขายังไม่ได้โง่ถึงขั้นไม่รับเอาไว้
ทันทีที่ไทเฮาได้ยิน ก็ยิ่งยินดีอย่างมาก “ดีๆๆ! จวนเฉิงเซี่ยงทำให้ข้าชื่นใจจริงๆ!”
หนานหว่านเยียนเห็นทุกอย่างนี้ในสายตา ริมฝีปากแดงเกี่ยวขึ้นเล็กน้อย
ห้าปีมานี้ ทำไมหนานฉีซานถึงไม่สนใจไยดีนางเลย นางยังไม่รู้ชั่วคราว แต่ว่ากันจนถึงแก่นแท้จวนเฉิงเซี่ยงคือตระกูลมารดาของนาง หนึ่งล่วงทุกคนล่ม หนึ่งโรจน์ทุกคนรุ่ง นางรู้ดี
มิเช่นนั้น เมื่อครู่นี้หนานฉีซานก็ไม่ออกหน้าแทนนาง ดังนั้นผลประโยชน์ในส่วนนี้ ก็ถือว่าตอบแทนให้จวนเฉิงเซี่ยงก็แล้วกัน
หนานหว่านเยียนคิดรอบคอบมีแต่ได้ไม่มีเสีย และในเวลานี้ จู่ๆนางก็รู้สึกถึงการจ้องมองที่แข็งแกร่ง ราวกับมีความโกรธแค้นที่ไม่สามารถอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ กำลังจะกลืนกินนางทั้งเป็น!
นางขมวดคิ้วหันกลับไปมอง แวบแรกก็เห็นสายตาของกู้โม่หานพุ่งมาทางนางราวกับดาบแหลมคม แทบอยากจะฆ่านางตอนนี้เลย!
เมื่อนึกถึงพระมารดาที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา กู้โม่หานก็แทบอยากจะตัดหัวหนานฉีซานประจานทันที
หลายปีมานี้หนานหว่านเยียนไม่เคยติดต่อกับจวนเฉิงเซี่ยง แท้ๆ จวนเฉิงเซี่ยงก็ไม่สนใจไยดีนางเลยแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้ทั้งสองคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย พ่อมีเมตตาลูกสาวก็กตัญญู!
คือตัวเขาเองที่ลืมไปว่า ผู้หญิงที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานีอย่างหนานหว่านเยียน เดิมทีก็เป็นพวกเดียวกับหนานฉีซานอยู่แล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มีการติดต่อกัน!
หนานหว่านเยียนถูกเขามองจนรู้สึกขนลุกซู่ในใจ
อ้อ นางลืมไปว่า
กู้โม่หานกับจวนเฉิงเซี่ยงมีบัญชีหนี้แค้นต่อกันนี่นา
รีบหย่ากันโดยเร็วที่สุดดีกว่า มิเช่นนั้นช้าเร็วนางจะตายด้วยน้ำมือของกู้โม่หาน
ทุกคนฟังเฉิงเซี่ยงกับหนานหว่านเยียนถูกชมเงียบๆ ในใจก็เข้าใจแล้วว่า คืนนี้หนานหว่านเยียนทำให้คนเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่จริงๆ
จะมีคนเกลียดนางมากยิ่งขึ้น แต่ว่าไทเฮาต้องชอบนางมากยิ่งขึ้นแน่นอน
ไทเฮารู้สึกพอใจหนานหว่านเยียนจนไม่สามารถพอใจได้อีกจริงๆ
แต่เมื่อนึกถึงท่าทีที่กู้โม่หานมีต่อหนานหว่านเยียน นางก็กล่าวต่อกู้โม่หานอย่างมีความหมายลึกซึ้ง: “อ๋องอี้เอ่ย เจ้าเห็นไหมว่าเด็กดีอย่างเยียนเอ๋อร์หายากมากแล้ว เจ้าไม่สามารถหาเจอเป็นคนที่สองแล้ว! เจ้าควรต้องปฏิบัติต่อเยียนเอ๋อร์อย่างดีจริงๆแล้ว ห้ามทำแย่ๆต่อนางเหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีก! อีกอย่างพวกเจ้าก็แต่งงานกันมาห้าปีแล้ว ควรมีลูกด้วยกันสักคนแล้ว!”
ได้ยินคำพูด รูม่านตาดำของชายหนุ่มราวกับหมอก ถลึงตามองไปทางหนานหว่านเยียนอย่างเย็นชา
ลูก หนานหว่านเยียนให้กำเนิดมาสองคนแล้ว!
เพียงแต่ยังไม่แน่ใจว่า นั่นคือลูกของเขาหรือเปล่ากันแน่เท่านั้น!
มือของหนานหว่านเยียนก็สั่นเทาเช่นกัน แต่ดวงตากลับประกายแวบขึ้นมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “เพคะ ไทเฮาตรัสถูกต้องแล้ว หลานสะใภ้กับท่านอ๋องจะพยายามอย่างดีเพคะ”
ขณะที่พูดไป มือของนางยังแสร้งวางบนแขนของเขาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ กู้โม่หานรู้สึกโกรธอย่างมาก ต้องการจะสะบัดมือของนางออก หนานหว่านเยียนกลับจับเอาไว้แน่น ไม่ให้โอกาสเขาได้สะบัดออก
ชายหนุ่มจ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างดุดัน หนานหว่านเยียนเพียงแต่ยิ้มให้เขา ใช้เสียงที่มีแต่ทั้งสองคนเท่านั้นที่ได้ยินกล่าวว่า: “หากท่านไม่อยากถูกไทเฮาสนใจปัญหาเรื่องลูกต่อไป ก็ร่วมมือกับข้า”
ถ้าไม่ใช่เพราะนางต้องการจะปิดบังเรื่องชาติกำเนิดของเจ้าตัวเล็กทั้งสองในบ้าน คงไม่ยินดีจะแตะต้องตัวเขา เพื่อพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งหรอก!
กู้โม่หานยิ้มเย้ยหยัน มองไกลออกไป
จวนเฉิงเซี่ยงอาศัยรัศมีของหนานหว่านเยียน กลายเป็นจุดสนใจที่ทุกคนให้ความสนใจอย่างมากในตำหนัก
และจวนแม่ทัพที่ไม่ถูกกับจวนเฉิงเซี่ยงมาตลอด เห็นหน้าตาที่กระหยิ่มยิ้มย่องลำพองใจของทุกคนในจวนเฉิงเซี่ยง ก็อดที่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ได้
จู่ๆ แม่ทัพใหญ่หยุนเจิ้นซงก็เอ่ยปากขึ้นมาอย่างแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก
“พูดขึ้นมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่อี่ว์โหรวของเราควรต้องแต่งเข้าไปในจวนอ๋องอี้แล้ว อี่ว์โหรว เจ้าต้องเรียนรู้กับพระชายาอี้ให้มาก กตัญญูต่อไทเฮาให้ดีๆ รวมทั้งปฏิบัติต่อฝ่าบาทฮองเฮาด้วยความเคารพนบนอบ”
ทันใดนั้น บรรยากาศทั่วทั้งตำหนักเย็นยะเยือกไปจนถึงจุดเยือกแข็ง แปลกประหลาดและเงียบจนน่าขนลุก!
ถึงกับเอ่ยเรื่องอ๋องอี้แต่งงานรับพระชายารอง ในตอนที่จวนเฉิงเซี่ยงกำลังได้ใจที่สุด? !
หยุนอี่ว์โหรวระงับความริษยาเกลียดชังที่มีต่อหนานหว่านเยียน รับคำเบาๆ “เจ้าค่ะ น้าชาย โหรวเอ๋อร์จะจำคำสั่งสอนของน้าชายเอาไว้ หลังจากที่เข้าจวนอ๋องอี้แล้ว จะต้องเรียนรู้จากพระชายาเป็นอย่างดีแน่นอน……”