ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 85 ท่านอ๋องกลายเป็นลูกแกะที่รอถูกเชือด
บรรยากาศภายในห้องค่อยๆ สงบลง แต่ทั้งจวนเฉิงเซี่ยงกลับคึกคักกว่าปกติ เพราะหนานฉีซานบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงครอบครัว ดังนั้นบ่าวไพร่ทุกเรือนจึงยุ่งงวดกันขึ้นมา
แม้แต่อี๋เหนียงสามและหนานอี่ว์ก็ถูกบ่าวไพร่เรียกออกมาด้วย บอกว่าหนานฉีซานเรียกพวกนางไปเตรียมตัวที่ห้องโถงด้านหน้า
สองแม่ลูกมึนๆ งงๆ ใบหน้ามีรอยฝ่ามือทั้งซ้ายและขวา ถูกคนนำทางไปห้องโถงด้านหน้า
อี๋เหนียงสามเพิ่งย่างเท้าข้ามธรณีประตู ครั้นเงยหน้าเห็นหนานฉีซาน ก็ทำเสียงอ่อนเสียงหวานหน้าแดงทันที “นายท่าน…”
ตอนนี้นางกลับเป็นปกติแล้ว ตอนเช้าไม่รู้ว่าอย่างไร อยู่ดีๆ กลับพูดความในใจออกมาได้ ล่วงเกินฮูหยินยังไม่ว่า ตอนนี้แม้แต่หนานอี่ว์ลูกสาวแท้ๆ ก็ชักสีหน้ากับนางเหมือนกัน
พอหนานฉีซานเห็นอี๋เหนียงสามที่สยายผม เสื้อผ้าหลุดลุ่ยแล้ว ก็พลันขมวดคิ้วแน่น
“ทำไมเจ้าดูไม่ได้อย่างนี้ ลงนาจับไก่มาหรือ หรือจงใจให้อ๋องอี้กับพระชายาอี้เห็นจวนเฉิงเซี่ยงเป็นตัวตลก”
อี๋เหนียงสามยืนอึ้งอยู่กับที่ คิดไม่ถึงว่าหนานฉีซานไม่เพียงแต่ไม่ปลอบใจนาง ยังจะเปิดปากด่านางอีก
หนานอี่ว์เห็นนางยืนอึ้ง จึงรีบอธิบาย “ไม่ใช่นะเจ้าคะ ท่านพ่อ…”
ยังไม่ทันพูดจบ หนานฉีซานก็ตัดบทเสียงหนัก “เจ้าอีกคน! ดูการแต่งตัวซอมซ่อของเจ้าสิ ไหนเลยยังมีท่าทางคุณหนูสามจวนเฉิงเซี่ยงอย่างกับผู้หญิงบ้า! พวกเจ้าสองแม่ลูกว่างงานมากก็เลยไปขุดผักป่าหรือ!”
สองแม่ลูกถูกด่าเป็นชุด น้อยใจไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยเฉพาะอี๋เหนียงสาม ปกติหนานฉีซานตามใจนางที่สุด กระทั่งยังข่มฮูหยินได้นิดๆ บัดนี้กลับรังเกียจเดียดฉันท์
ฮูหยินยกยิ้ม มองสองแม่ลูกด้วยสายตาเย็นชาอย่างแนบเนียน เอ่ยกับหนานฉีซานด้วยความเคารพ “นายท่านไม่ทราบ ก่อนหน้านี้อี๋เหนียงสามกับอี่ว์เอ๋อร์ไม่รู้ว่ากินอะไรผิด อาละวาดที่ห้องโถงด้านหน้ายกใหญ่ พูดจาลบหลู่ข้าไม่หยุด ทำพระชายาตกใจ ข้าถึงได้ให้พวกนางสำนึกผิดอยู่ในห้องครู่หนึ่งเจ้าค่ะ”
อี๋เหนียงสามเห็นท่าทางไม่ดีจึงรีบแก้ต่าง “ไม่ใช่นะเจ้าคะ เมื่อกี้ไม่รู้อย่างไร ข้า…”
ฮูหยินเอ่ยแทรก “อีกอย่างนะเจ้าคะ พวกนางสองแม่ลูกไม่เพียงแต่มีความแค้นกับข้า สองแม่ลูกระหว่างกันยังมีรอยร้าว ท่านไม่เห็น พวกนางลงไม้ลงมือกันอย่างหนักในห้องโถง ขายหน้าจริงๆ ต่อไปข้าต้องควบคุมเคร่งครัดมากกว่าเดิมแน่นอนเจ้าค่ะ”
เมื่อกล่าวออกมาเช่นนี้ สีหน้าหนานอี่ว์ก็ดูแย่อย่างยิ่ง ราวกับกินอุจจาระ นางกัดฟัน ไม่กล้ามองหนานฉีซาน
หนานฉีซานรักหน้าตาที่สุด คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ เขามองสองแม่ลูกด้วยสายตาเย็นชา “คืนนี้พวกเจ้าสงบเสงี่ยมหน่อย ถ้ากล้าก่อเรื่องอีก ข้าจะลงโทษพวกเจ้าโบยห้าสิบไม้ แล้วโยนออกจวนเฉิงเซี่ยงไปเสีย!”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความโกรธ
ยามนี้หนานอี่ว์ใจหายวาบไปกว่าครึ่ง รู้สึกว่าลำคอมีอะไรติดอยู่ หายใจไม่ออก
พอเห็นหนานฉีซานเดินไปไกลแล้ว จู่ๆ อี๋เหนียงสามก็ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ลากแขนเสื้อของฮูหยิน น้ำเสียงต้อยต่ำ
“ฮูหยิน ที่ข้าพูดเมื่อก่อนหน้านี้ไม่ใช่ความจริงเจ้าค่ะ! ต้องมีปัญหาอะไรแน่ ข้า ข้าถึงได้พูดคำพูดที่ผิดต่อมโนธรรมขนาดนั้น! ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ!”
ไหนเลยจะรู้ ฮูหยินไม่เพียงแต่ไม่เห็นใจ ซ้ำยังตบหน้าอี๋เหนียงสามแรงๆ
“ ‘คำพูดจากใจ’ ของเจ้าในวันนี้ ข้าได้ยินอย่างชัดเจน ตอนนี้ยังจะแก้ตัวอะไรอีก อี๋เหนียงสาม เจ้าคงเห็นข้าเป็นเด็กสามขวบปั่นหัวกระมัง”
เสียงตบหน้าดังกังวาน อี๋เหนียงสามกุมใบหน้าไม่กล้าหลบ ปวดแสบปวดร้อน
นี่นางทำกรรมอะไรเนี่ย! ไม่เพียงแต่ถูกหนานหว่านเยียนเห็นเป็นตัวตลก หนานฉีซานก็ยังเย็นชากับนาง แถมยังถูกฮูหยินใช้อำนาจข่มตบหน้านางสองครั้งอีก!
จากนั้นฮูหยินก็หันไปถลึงตากับหนานอี่ว์ทีหนึ่ง ฮึเย็นชาแล้วจึงจากไปด้วยความหยิ่งทะนง
ไว้พรุ่งนี้นางจะจับนังเด็กเปรตหนานอี่ว์นี่แต่งออกไปเสีย ให้ดีคือแต่งกับผู้ชายอ้วนหมูตอน หัวใหญ่หูกาง ถึงกับกล้าหัวเราะลูกสาวคนดีของนาง เช่นนั้นก็ให้นังเด็กเปรตนี่ได้ลิ้มรสกับความลำบากเสียบ้าง!
หลังจากฮูหยินจากไป อี๋เหนียงสามก็พลันรู้สึกกระวนกระวาย นางจับมือหนานอี่ว์แน่น น้ำเสียงลนลานทำอะไรไม่ถูก “หนานอี่ว์เอ๋ย ข้ารู้สึกว่าต่อไปพวกเราจะยิ่งอนาถ!”
หนานอี่ว์แทบจะร้องไห้แล้ว ชี้จมูกอี๋เหนียงสามระบายอารมณ์ “ท่านยังจะพูดอีก นี่ก็เห็นชัดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ! ท่านพ่อกับฮูหยินมองพวกเราไม่ดี ไม่โทษท่านแล้วจะโทษใคร”
“อยู่ดีๆ เกิดบ้าอะไรขึ้นมา! ตัวเองเดือดร้อนยังพอว่า ยังจะทำข้าพลอยเดือดร้อนไปด้วย! ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ สายไปแล้ว!”
นางจะโมโหตายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนานหว่านเยียนหรือว่าหนานชิงชิง ก็ได้แต่งงานดีๆ หมด!
หนานชิงชิงยังแล้วไปเถอะ แต่ทำไมแม้แต่นางแพศยาไม่เอาไหนอย่างหนานหว่านเยียน ก็ยังได้แต่งกับกู้โม่หานด้วย!
เดิมทีหนานฉีซานรับปากมารดาของนาง ว่าจะให้นางได้แต่งกับคนดีๆ นางยังคิดจะใช้วาสนานี้เปรียบเทียบกับหนานชิงชิงสักหน่อย ตอนนี้ดีเลย อนาคตสวยหรูของนางถูกอี๋เหนียงสามทำลายหมดสิ้นแล้ว!
ต่างบอกว่าหมาจนตรอกทำได้ทุกอย่าง แม้อี๋เหนียงสาจะลนลาน แต่ก็ยังหัวไว
ดวงตานางพลันแวบประกาย “อี่ว์เอ๋อร์ ข้าว่านะ วันนี้อ๋องอี้อยู่ในจวน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด!”
หนานอี่ว์หงุดหงิดมาก “ความหมายว่าอะไร”
“อ๋องอี้ให้ความสำคัญกับการรับผิดชอบที่สุด ถ้าเจ้ากับอ๋องอี้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เกาะเขาได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นฮูหยินยังจะทำอะไรเราสองแม่ลูกได้อีก ถ้าเจ้าได้เข้าจวนอ๋อง หนานหว่านเยียนนั่นยังจะใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหรือ ช้าเร็วตำแหน่งพระชายาต้องตกเป็นของเจ้าแน่”
ตอนนี้กู้โม่หานอยู่ในจวน เป็นโอกาสดีที่ได้พลิกสถานการณ์! ขอเพียงสำเร็จ ก็ไม่ต้องกลับฮูหยินยุแยงตะแคงรั่ว ทำให้พวกนางสองแม่ลูกลำบากอีก
เมื่อได้ยินดังนั้น หนานอี่ว์ก็หวั่นไหวขึ้นมาอย่างชัดเจน แม้อี๋เหนียงสามจะหาเรื่อง แต่สำหรับนางแล้ว กลับมีความยั่วยวนอย่างหนัก
นางยิ้มอย่างมีเลศนัย “นั่นสิ จะแต่งกับใครก็แต่งเหมือนกัน ถ้าเข้าจวนอ๋องอี้ได้ มันก็ดีเหมือนกัน! ด้วยรูปโฉมของข้า ยังจะสู้หนานหว่านเยียนกับหยุนอี่ว์โหรวไม่ได้อีกหรือ”
ว่าแล้ว สองแม่ลูกก็สบตายิ้ม แล้วเริ่มวางแผนในคืนนี้ตรงมุมกำแพงหนึ่ง
กู้โม่หานในยามนี้กลับไม่รู้เลย ว่าเขาถูกคนจ้องเสียแล้ว กลายเป็นลูกแกะรอเชือดอยู่บนโต๊ะ…