เด็กที่มีแผลน้ำร้อนลวกซึ่งเหล่าเสิ่นกล่าวถึงนั้น คล้ายกับมู่ฮวนทุกประการ
ชายหนุ่มซึ่งมีนามว่ารองแม่ทัพกวนก็ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน เขากัดฟันแน่น ท่าทางดูลังเล แต่ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าและเปิดม่านเพื่อเข้าไปในกระโจม
เสิ่นจวินมองมายังชายหนุ่มผู้สง่างามผู้นี้ ดวงตาคู่นั้นของเขายังคงเหมือนกับแววตาตอนที่เขายังเด็ก ความเย่อหยิ่งและโอหังบนร่างกายของเขายังคงชัดเจน
รูม่านตาของเสิ่นจวินเบิกกว้าง เขารู้สึกแสบจมูก ตะโกนออกมาว่า “ฮวนเออ๋ เจ้าคือฮวนเออ๋ใช่หรือไม่?”
มู่ฮวนอยู่ในท่าทางตกตะลึง คนที่เขารอคอยมาโดยตลอด ตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังอยู่ตรงหน้าเขา แต่ชายอายุสี่สิบกว่าคนนี้กำลังนอนป่วยอยู่บนเตียง ผมที่เคยเป็นสีดำของเขาก็ถูกย้อมไปด้วยสีขาวน้ำแข็ง
เมื่อเทียบกับคนอายุเท่ากัน นี่คือการผันผวนของความชราโดยแท้
มือและเท้าของเสิ่นจวินมิสามารถเคลื่อนไหวได้ เวลานี้เขารู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก ความเจ็บปวดกำลังทรมานเขา และเหงื่อเย็นก็ไหลออกมาจากร่างกายมิขาดสาย
มู่ฮวนกลืนน้ำลายพร้อมก้าวไปด้านหน้า มิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หัวใจของเขารู้สึกได้ถึงความสูญเสียและความเจ็บปวดอย่างอธิบายมิได้
“ข้ามิแน่ใจว่าท่านใช่พ่อของข้าหรือเปล่า ข้าจำเรื่องราวในวัยเด็กได้มิมากนัก แต่สิ่งซึ่งข้ายังจำได้อย่างชัดเจนคือเมื่อสิบสองปีที่แล้วได้เกิดภัยแล้งอันยิ่งใหญ่ในแคว้นซีเหย่ พ่อของข้าพาข้าหนีความอดอยาก ท่านพ่อบอกว่าจะซื้อขนมและน้ำมาให้ข้า บอกให้ข้ารออยู่ที่เดิมห้ามไปไหน”
“ข้ารู้สึกกลัว ระหว่างทางไปหาท่านพ่อ ข้าได้พบกับคนกลุ่มหนึ่ง ทำให้ข้ากระจัดกระจายไปในฝูงชนกลุ่มนั้น……แม้ข้าจะจำอะไรมิค่อยได้ แต่ข้ารู้ว่าพ่อของข้ารักข้าแค่ไหน เนื่องจากเขารักและดูแลข้ามาตั้งแต่ยังเด็ก”
“ใช่ ตอนนั้นเจ้าหิวมาก ดังนั้นข้าจึงออกไปหาซื้อขนมให้เจ้า” จู่ ๆ ดวงตาของเสิ่นจวินก็ส่องประกายเป็นดวงดาวที่มิมีที่สิ้นสุด เขากล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “เด็กดี เข้ามาใกล้อีกสักหน่อย ให้ข้า ให้ข้าได้เห็นเจ้าอย่างชัดเจน”
เขาหันไปมองด้านข้างด้วยความยากลำบาก จากนั้นพบว่าตรงข้อมือของมู่ฮวนมีรอยแผลซึ่งเกิดจากการถูกน้ำร้อนลวกอยู่
ชั่วพริบตา ความทรงจำมากมายท่วมท้นเข้ามาในหัวใจของเขา เขามองไปยังหนานหว่านเยียนทั้งน้ำตา ที่ผ่านมาความหวังของเขาล้มเหลวนับครั้งมิถ้วน คิดมิถึงว่าความฝันของเขาจะกลายเป็นจริง เขาตื่นเต้นจนพูดอะไรมิออก
“นี่ นี่ นี่คือฮวนเออ๋ของข้า! แผลเป็นตรงข้อมือของเขา ข้าจำได้อย่างชัดเจน! เขาคือฮวนเออ๋ของข้า! เรื่องซื้อขนมก็เป็นความจริง ฮวนเออ๋ เจ้าคือฮวนเออ๋ ฮวนเออ๋ของข้า ในที่สุด……ในที่สุดข้าก็หาเจ้าจนเจอ”
ขอบตาของหนานหว่านเยียนกลายเป็นสีแดงในทันที น้ำเสียงของนางอ่อนโยนเป็นอย่างมาก
“เขาชื่อมู่ฮวน ได้ยินมาว่าเขาถูกรับเลี้ยงจากสามีภรรยาคู่หนึ่งของตระกูลมู่ เวลานี้ทั้งคู่ได้เสียชีวิตไปแล้ว”
“วันนี้ได้ยินมาว่ามีการตามหาลูกซึ่งพลัดพรากไปจากพ่อ เขารู้ว่าตนเองมิได้เกิดมาจากตระกูลมู่ ดังนั้นจึงเดินทางมาที่นี่”
การพลัดพรากทางสายเลือด วันนี้ความมืดถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างอีกครั้ง หนานหว่านเยียนรู้สึกว่ามิมีเรื่องใดที่ทำให้ผู้คนหวั่นไหวได้มากกว่านี้อีกแล้ว
มู่ฮวนเองก็ได้ยินคำพูดของเสิ่นจวิน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเสิ่นจวินด้วยความรู้สึกมากมายในหัวใจ ช่วยเสิ่นจวินเช็ดน้ำตามิยอมหยุด
“พ่อ ข้าเอง! สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้ามิเคยโทษหรือโกรธท่าน ข้ารู้ว่าที่ท่านออกไปก็เพื่อซื้ออาหารให้ข้า ท่านเดินทางไปไกล เมื่อกลับมา ท่านกลับมิพบข้า ข้ารู้ว่าท่านต้องร้อนรนและทุกข์ทรมานใจมากเพียงใด!”
“พ่อ พ่อต้องขอโทษเจ้า ขอโทษที่ข้าปกป้องเจ้าให้ดีมิได้……” เสิ่นจวินรู้สึกสะเทือนใจจนเสียงของเขาแหบแห้งจากการร้องไห้ เขาอยากจะยื่นมือออกมาเพื่อสัมผัสใบหน้าของมู่ฮวน แต่เขาก็ทำมิได้
เขาเป็นกังวล เกลียดตัวเอง และมีความสุขพร้อมในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกอบอุ่นของเขา ทุกคนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน
รองแม่ทัพกวนซึ่งเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกก็อดมิได้ที่จะเบือนหน้าหนีและแอบเช็ดน้ำตา
ร้องไห้อยู่นาน ในที่สุดเสิ่นจวินก็สามารถทำใจได้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสง่างาม “พระชายา พระชายาคือบุคคลอันดับหนึ่งในยุคสมัยนี้ !”
เมื่อได้ยินคำชื่นชมจากปากของเสิ่นจวิน หนานหว่านเยียนสัมผัสจมูกของตนเองด้วยความอึดอัด
ก็แค่นางมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากกว่า มันใช่ที่หนึ่งอะไร
“ขอบคุณ”
รองแม่ทัพกวนหันมาโค้งคำนับให้นางอย่างเคร่งขรึม “พระชายาเป็นสตรีผู้วิเศษ! เหมาะสมกับท่านอ๋องราวกับคู่ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากสวรรค์!”
ในตอนแรกเขาเชื่อครึ่ง ๆ กลาง ๆ เนื่องจากเหล่าเสิ่นอยู่ในอาการมึนงง มิสามารถพูดหรือพิสูจน์สิ่งสำคัญอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงเป็นจึงเป็นผู้สานต่อความหวังสุดท้าย คิดมิถึงว่าทุกอย่างกลับประสบอย่างเหลือเชื่อ!
พระชายาช่างน่าทึ่งเหลือเกิน!
หนานหว่านเยียนยิ้มออกมาจากใจ ท่าทางของนางดูเขินอายเล็กน้อย
รองแม่ทัพกวน ท่านอย่าพูดไร้สาระ!
นางดูถูกกู้โม่หานจากก้นบึ้งของหัวใจ!
ต้องมาอยู่กับเขา ถือเป็นสิ่งมิสมควรที่สุด
นางต้องการจบเรื่องราวเหล่านี้ให้เร็วที่สุด ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อ “เป็นเรื่องดีที่พ่อลูกได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง แต่รองแม่ทัพเสิ่น ช่างนี้เจ้าต้องพักฟื้นอยู่บนเตียง ทานยาตามที่ข้าสั่ง ห้ามทานอาหารรสจัด และห้ามดื่มสุราเป็นอันขาด!”
“รอหลังจากผ่านสองสัปดาห์ไปแล้ว หลังจากที่ข้านำเครื่องพยุงมือและเท้าของเจ้าออก ข้าจะให้คนมาบอกถึงวิธีการฟื้นฟูร่างกายของเจ้า”
“หากเจ้าทำตามที่ข้าบอกอย่างเชื่อฟัง ข้ามั่นใจว่ากระดูกและเส้นเอ็นที่เสียหายของเจ้าจะฟื้นกลับมาเป็นปกติได้ถึงแปดส่วน!”
หัวใจของเสิ่นจวินระเบิดออกในทันใด เขามิเคยคาดหวังถึงสิ่งนี้มาก่อน แต่คำพูดซึ่งดูเหมือนไม่ตั้งใจของหนานหว่านเยียน กลับทำให้เขากลับมามีความหวังอีกครั้ง
รองแม่ทัพกวนและนายทหารอีกหลายคนก็รู้สึกตกใจเช่นกัน
แต่ยังมิทันรอให้เขาเอ่ยปาก มู่ฮวนคุกเข่าลงต่อหน้าหนานหว่านเยียน “ขอขอบพระคุณน้ำใจและคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของพระชายา! โปรดอนุญาตให้ข้าผู้ต่ำต้อยผู้นี้เข้าไปในค่ายเสินเชื่อ เพื่อดูแลท่านพ่อให้ดี!”
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่หนานหว่านเยียนเองก็คิดมิถึง “มู่ฮวน เรื่องทางทหารข้ามิมีสิทธิ์ในการตัดสินใจ เรื่องนี้เจ้าต้องไปถามคนอื่น”
รองแม่ทัพกวนก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกับพยุงร่างของมู่ฮวนขึ้น “หายากที่เจ้าจะมีจิตใจเช่นนั้น แต่ขอพูดในสิ่งที่มิดีออกมาก่อน การใช้ชีวิตในค่ายทหารนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก แม้เจ้าจะมิได้อยู่ที่นี่เป็นเวลานาน แต่เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่?”
มู่ฮวนตอบกลับไปอย่างแน่วแน่ “ข้าคิดดีแล้ว!”
รองแม่ทัพกวนพยักหน้าด้วยความชมเชย “งั้นรอให้ท่านอ๋องกลับมา ข้าจะไปเข้าเฝ้าและเสนอเรื่องนี้แก่งพระองค์! ให้เจ้าสองคนพ่อลูกได้อยู่ด้วยกันที่นี่”
หนานหว่านเยียนจ้องมองไปยังเหตุการณ์กลมกลืนกันได้เป็นอย่างดีโดยมิพูดอะไรพร้อมกับวางแผนที่จะจากไป
แต่ทันทีที่นางหันกลับมา นางก็บังเอิญเผชิญหน้ากับกู้โม่หานซึ่งกำลังเปิดม่าน
ทั้งสองสบตากัน เท้าของหนานหว่านเยียนแข็งทื่อ
เมื่อรองแม่ทัพกวนเห็นกู้โม่หาน เขารีบลุกขึ้นและกล่าวออกมาทันที “ท่านอ๋อง! หาพบแล้ว! พระชายาช่วยเหล่าเสิ่นตามหาลูกชายซึ่งพลัดพรากจากกันไปหลายปีพบแล้ว!”