ทุกคนเหมือนถูกฟ้าผ่า
สีหน้าของกู้โม่หานเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งไปทันที “เจ้าพูดว่าอะไรนะ!”
สิ่งแรกที่เขาได้ยินคือชู้รัก ชู้รักของหนานหว่านเยียน!
มุมปากของหยุนอี่ว์โหรวยกยิัม นางเอ่ยถามเสียงเบา
“พ่อบ้านกาว เจ้าได้ยินผิดไปหรือไม่ แม้ว่าเมื่อห้าปีก่อนพระชายาจะเสียพรหมจรรย์ก่อนแต่งงาน แต่ว่า…”
นางรีบปิดปาก แล้วมองไปทางกู้โม่หานอย่างรู้สึกผิด “อ๊ะ ท่านอ๋องโปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วย! โหรวเอ๋อร์พูดผิดไป!”
ถึงแม้ปากพูดเช่นนี้ แต่ในใจหยุนอี่ว์โหรวกลับดีใจมาก
ผู้ชายที่นางหามาให้หนานหว่านเยียน มาถึงแล้ว!
หนานหว่านเยียนนั่งสบายอยู่บนเก้าอี้ นางเหมือนจะรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว
อ๋อ ที่ดอกบัวขาวน้อยแอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ ช่วงนี้ เพราะมัวยุ่งกับเรื่องนี้เองหรือ?
เซียงอวี้ตกใจจนแทบล้ม พอมองไปทางหนานหว่านเยียนกลับนิ่งเงียบ นางร้อนใจจนแทบบ้า!
แย่แล้ว!
ครั้งนี้พระชายาต้องแย่แน่เลย!
เมื่อห้าปีก่อนเพราะเรื่องที่พระชายาเสียพรหมจรรย์ก่อนแต่ง ท่านอ๋องโมโหจนสั่งให้นำตัวพระชายาไปขังที่เรือนเย็น วันนี้ ไม่รู้ว่าพระชายาจะถูกทรมานแค่ไหน!
พอได้ยินเช่นนี้เจียงหรูเยว่ก็รู้สึกว่าสวรรค์มีตา ผลกรรมของหนานหว่านเยียนในที่สุดก็มาถึงเสียที!
นางดีใจจนลุกขึ้นมาตบโต๊ะ
“พระชายา อุตส่าห์ได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีเช่นท่านอ๋องท่านกลับไม่สนใจ แต่กลับแอบไปมีชู้รักข้างนอก นี่มันทำให้ท่านอ๋อและจวนอ๋องอี้ต้องอับอายขายหน้าไม่ใช่หรือ?”
หยุนอี่ว์โหรวขมวดคิ้ว แล้วบอกให้เจียงหรูเยว่หยุดพูด ก่อนจะพูดว่า “หรูเยว่! เจ้าพูดอะไรของเจ้า!”
กู้โม่หานขมวดคิ้ว “นำตัวเข้ามา!”
เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่ชอบใจและไม่พอใจ เขาทั้งโกรธทั้งอึดอัดใจ
“ขอรับ!” พ่อบ้านกาวรีบถอยออกไป ดูท่าทางของท่านอ๋องแล้ว เขากลัวว่าถ้าเขาอยู่ต่ออีกเพียงอึดใจเดียว เขาคงจะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ
หนานหว่านเยียนมองไปทางเจียงหรูเยว่กับหยุนอี่ว์โหรวที่พูดเสริมกันด้วยสีหน้าเย็นชา นางข่มกลั้นอารมณ์ไว้ แล้วส่งเสียงฮึออกมา
“ทำไม? เจ้ามีปากคนเดียวหรือไง? คนอื่นยังไม่พูดอะไรเจ้าก็พูดเองเออเองอยู่คนเดียว เจ้ารู้หรือไม่ว่าใส่ร้ายพระชายามีโทษเช่นไร”
กู้โม่หานขมวดคิ้วมองนิ่ง หนานหว่านเยียนผู้หญิงไร้ยางอายผู้นี้ ใกล้จะถูกลงโทษแล้ว แต่นางยังมีเวลามาต่อปากต่อคำอีก!
นางไม่รู้จักที่จะมาอธิบายให้เขาฟังก่อนหรือไง !
หยุนอี่ว์โหรวก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือของกู้โม่หาน แล้วพูดปลอบเขา “ท่านอ๋อง ใจเย็นๆ ก่อนนะเพคะ รอคนผู้นั้นมาถึง แล้วค่อยตัดสินลงโทษก็ไม่สาย ไม่แน่ว่าพระชายาอาจจะถูกใส่ร้ายก็ได้”
กู้โม่หานสีหน้าเย็นชา และนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
บรรดาคุณหนูตระกูลดังที่ดูอยู่รู้สึกว่าวันนี้มาไม่เสียเปล่า พวกนางก้มหน้าลงกระซิบคุยกันอย่างชอบใจ
ไม่นาน ชู้รักที่ทุกคนพูดถึง ก็ถูกพ่อบ้านกาวพาตัวเข้ามา
ด้านนอกฝนตกหนัก ชายผู้นั้นจึงเปียกโชกไปทั้งตัว เขาลืมตาแทบไม่ขึ้น พอเห็นหนานหว่านเยียนที่เปร่งประกายท่ามกลางฝูงชน สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเร่าร้อน
เขาพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการของคนรอบข้าง แล้วตะโกนเรียกหนานหว่านเยียน “หว่านเยียน! ข้ามารัยเจ้าแล้ว! ข้าทำงานเก็บเงินได้พอแล้ว!”
“ข้าทำตามที่สัญญาไว้ได้แล้ว! สัญญาห้าปี! ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปไปจากที่นี่ดีหรือไม่?”
ชายผู้นี้พูดด้วยท่าทีจริงใจ ประกอบกับสายฝนที่โปรยปรายอยู่เบื้องหลัง ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบมาก
บรรดาคุณหนูตระกูลดังต่างพากันส่งเสียงอุทาน ดวงตาเบิกกว้าง อดที่จะซุบซิบคุยกันไม่ได้
สีหน้าของกู้โม่หานบึ้งตึง ดวงตาของเขาเย็นชาและเคร่งขรึม
สัญญาห้าปี? !
หนานหว่านเยียนมีนัดกับชู้รักเช่นนี้จริงหรือ? !
หนานหว่านเยียนมองพิจารณาชายผู้นั้น แล้วส่งเสียงจิ๊จ๊ะในปาก
“ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีพอใช้ได้ ไม่ได้ขี้เหร่อะไร แต่เตี้ยเกินไป ผู้ชายแบบนี้จะเป็นชู้รักของข้าได้อย่างไร ล้อเล่นหรือไง”
เซียงอวี้ยืนอยู่ด้านหลังหนานหว่านเยียน แน่นอนว่าต้องได้ยินสิ่งที่นางพูดด้วย
นางตกใจมาก แล้วพยายามกระตุกเสื้อของหนานหว่านเยียน ก่อนจะกระซิบพูดด้วยความหวาดหวั่น “พระชายา อย่าทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้สิเจ้าคะ นี่ทางเราใกล้จะเดือดร้อนแล้วนะเจ้าคะ!”
หนานหว่านเยียนโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แล้วมองไปที่ชายผู้นั้นอย่างไม่สนใจ “ข้าไม่มีทางสนใจเจ้า เหตุใดเจ้าถึงใส่ร้ายข้า รู้หรือไม่ว่าจะได้รับโทษเช่นไร”
ชายผู้นั้นได้ยินคำพูดนั้นก็ทำทีเสียอกเสียใจ และดูหมดหนทางและสิ้นหวังท่ามกลางฝนตกกระหน่ำ
เขาตะโกนสุดเสียง “หว่านเยียน! ข้าคือฉางชิงหยางไง! เจ้าลืมข้าไปได้อย่างไร! ข้าเป็นคนขับรถม้าของเจ้ามาโดยตลอด ก่อนที่เจ้าจะแต่งงาน เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เจ้าจะบอกว่าไม่รู้จักข้าได้อย่างไร?”
เจียงหรูเยว่เห็นอย่างนี้ ดวงตาของนางก็เป็นประกาย
“นี่มันตื่นตกใจเกินไปแล้ว! พระชายา ในเมื่อท่านกับคนขับรถม้าของท่านรักกัน เหตุใดถึงยังแต่งงานกับท่านอ๋องอีก? นี่ท่านมีความคิดจะแก้แค้นใครหรือไม่”
หยุนอี่ว์โหรวถลึงตาโต มองที่เจียงหรูเยว่ และส่งสัญญาณให้นางหยุดพูด
หลังจากนั้น นางก็ดึงมือกู้โม่หานที่มีใบหน้าเย็นชา แล้วพูดด้วยสีหน้าสงสาร “ท่านอ๋อง บางที บางทีอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะเพคะ? ช่วงนี้พระชายาได้รับความสนใจจากทุกคนมาก และยังเป็นที่โปรดปรานของไทเฮา คนเหล่านี้ อาจจะจงใจทำให้พวกเราเกิดความบาดหมางกันขึ้นมาก็ได้” ”
“ท่านอ๋องใจเย็นก่อนนะเพคะ ถึงแม้พระชายาเคยทำผิดพลาดในอดีต แต่นางรักท่านอ๋องจากใจจริง โหรวเอ๋อร์…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ กู้โม่หานก็โบกมือ ถ้วยชาน้ำบนโต๊ะก็ตกแตกเป็นเสี่ยงๆ
สิ่งที่เจียงหรูเยว่กับหยุนอี่ว์โหรวพูดทำให้เขาโกรธมาก “พอได้แล้ว!”
แก้แค้นอะไร? !
เขาคิดว่าเจียงหรูเยว่พูดถูก! หนานหว่านเยียนทำเช่นนี้เพื่อแก้แค้นชัดๆ!
ผู้หญิงคนนี้ยอมมอบพรหมจรรย์ให้คนแบบนี้! ตาไม่มีแววเสียจริง!
หยุนอี่ว์โหรวเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็นิ่งเงียบไป นางมองไปทางหนานหว่านเยียนด้วยสีหน้าจนใจ “พระชายา ข้าคงช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้ว…”
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วอย่างเย็นชา ก่อนจะเม้มปากแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหรือไง? อย่าทำเหมือนตนเองสำคัญเช่นนั้น”
หัวใจของเซียงอวี้ตื่นเต้นจนแทบกระเด็นออกจากคอ วันนี้พระชายาเป็นอะไรไป?
เรื่องนี้แก้ปัญหายาก! ถือว่าเป็นหายนะที่แก้ไขไม่ได้เลยด้วย!
พ่อบ้านกาวยืนรอคำสั่งอยู่ข้างๆ เขาก้มหน้าถอนหายใจออกมา
เหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้ว หรือว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง?
พอฉางชิงหยางเห็นท่าทีที่ดูหยิ่งผยองของกู้โม่หาน เขาก็โกรธเช่นกัน
เขาชี้ไปที่กู้โม่หานอย่างไม่เกรงกลัว ราวกับว่าเขาเป็นศัตรูความรักจริงๆ และพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยุ “กู้โม่หาน! ท่านมันไม่ใช่ผู้ชาย!”
“ถ้าท่านไม่รักหว่านเยียน! ไม่มีความสามารถแม้แต่จะปกป้องนาง ก็ปล่อยนางซะ! อย่าปล่อยให้หว่านเยียนต้องเสียเวลาอยู่ในจวนแห่งนี้! ท่านไม่รักนาง! ข้าจะรักนางเอง!”