ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 170 นางไม่ต้องการเขาเลย
“ในฐานะพระชายา ก็ควรอยู่ในจวนจัดการเรื่องภายในให้ดี!”
น้ำเสียงเย็นชาแข็งกระด้างของนางทำให้หนานหว่านเยียนเกิดความไม่พอใจ ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด หนานหว่านเยียนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก…
“องค์ชายสิบสาม องค์ชายสิบสาม เจ้าเป็นอะไรไป?!”
นางมองกลับไปในทันใด เห็นพระชายาสิบกำลังอุ้มองค์ชายสิบสามด้วยความตื่นตระหนกและเป็นกังวล ส่วนองค์ชายสิบสามในเวลานี้เอามือกุมหน้าอกหายใจไม่สะดวก ไอไม่หยุด ดวงตาที่สดใสขมุกขมัวเหมือนปกคลุมด้วยละอองน้ำ ดูท่าทางเจ็บปวดจนเหลือทน
หอบหืดหรือ!?
หนานหว่านเยียนสะดุ้งโหยงรีบวิ่งไปข้างหน้า
ในเวลานี้ฮองเฮาหน้าซีดด้วยความตกใจ รีบตะโกนว่า “รีบตามหมอหลวง! เร็วเข้า!”
ให้ตายสิ! ทำไมจึงมักจะล้มป่วยในเวลานี้นะ!
สวีหว่านหยิงประคององค์ชายสิบสาม มองไปทางหนานหว่านเยียนมือไม้อ่อนไปหมด พูดอย่างร้อนใจ “ทำยังไงดี? พี่สะใภ้หก องค์ชายสิบสามมีอาการหอบหืดตั้งแต่กำเนิด นั่นเป็นสาเหตุที่มารดาของเขา…”
หนานหว่านเยียนสงบสติอารมณ์และพยักหน้าบอกเป็นนัยให้สวีหว่านหยิงอย่าตื่นตระหนก จากนั้นก็เริ่มลงมือเตรียมช่วยชีวิตคน
นางกดจุดเฟ่ยหยูขององค์ชายสิบสามด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเตรียมพร้อมไว้
หนานชิงชิงและเจียงหรูเยว่คอยมองอยู่ข้างๆ ใจเต้นตุ้บๆ
ฮองเฮาเห็นหนานหว่านเยียนกำลังจะลงมืออีกครั้ง ก็รีบตวาดห้าม “หนานหว่านเยียน! คำสั่งของข้าเจ้าทำเป็นหูทวนลมหรือ? หยุดนะ! มีอะไรรอหมอหลวงมาแล้วค่อยว่ากัน!”
องค์ชายสิบสามมีพระชนมายุแปดพรรษา ตามกฎแล้ว เมื่อชายหญิงอายุได้เจ็ดขวบปีจะไม่สามารถนั่งเคียงข้างกันได้ ควรรักษาระยะห่างจากกัน ตอนนี้หนานหว่านเยียนเมินเฉยไม่สนใจนาง กล้าตบหน้านางในที่สาธารณะหรือ?
หนานหว่านเยียนรู้สึกรำคาญ ไฟโทสะพุ่งทะยานขึ้นมา หันขวับกลับไปจ้องเขม็งใส่ฮองเฮา
“เสด็จแม่ นี่มันเรื่องความเป็นความตาย! กว่าหมอหลวงจะมาถึงที่นี่ เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกครึ่งก้านธูป จะพลาดช่วงเวลารักษาที่ดีที่สุดไป องค์ชายสิบสามอาจตายได้! ถึงเวลานั้นท่านจะรับผิดชอบไหวหรือ?”
สวีหว่านหยิงเห็นใบหน้าที่ยังไร้เดียงสาขององค์ชายสิบสามนั้นเหยเกไปหมดแล้ว จึงรีบจับมือของหนานหว่านเยียน
“พี่สะใภ้หก ท่านรีบช่วยองค์ชายสิบสามเถอะ! เขา เขากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว! เสด็จแม่ ได้โปรดอนุญาตให้พี่สะใภ้หกช่วยองค์ชายสิบสามด้วยเถอะ!”
ฮองเฮาตกตะลึงกับคำถามร้ายแรงของหนานหว่านเยียน พูดอะไรไม่ออก
นางรู้ดีว่าอาการหอบหืดขององค์ชายสิบสามติดตัวมาตั้งแต่ออกจากครรภ์มารดา เขาเป็นองค์ชายที่มีชันษาน้อยที่สุด ทรงเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้มาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ให้นางมาดูแลองค์ชายสิบสามแน่นอน
แต่อาการหอบหืดนั้นรักษาไม่หาย มารดาของเขาก็เป็นเช่นนั้น…
โง่จริง วันนี้ลืมให้คนนำยาขององค์ชายสิบสามมาได้อย่างไร!
ฮองเฮามีความคิดนับหมื่นพันอยู่ในใจ แต่เมื่อนางลองคิดดูอีกครั้ง วันนี้หากหนานหว่านเยียนช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ได้ ตนก็จะมีเหตุผลที่จะลงโทษนางได้อย่างชอบธรรม ถึงขั้นสามารถฆ่านางได้เลย!
ขณะที่ฮองเฮากำลังเอ่ยปากอนุญาต ก็ได้ยินเสียงขันทีตะโกนเสียงสูงว่า “ฮ่องเต้ อ๋องอี้เสด็จ…”
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลทันที กลัวจนขาอ่อนไปหมด คุกเข่าลงคำนับกับพื้น
กู้จิ่งซานเดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง ตามด้วยกู้โม่หาน
กู้โม่หานมองหาร่างงดงามในฝูงชน พอเห็นหนานหว่านเยียนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่เมื่อเห็นองค์ชายสิบสามอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เขาก็ขมวดคิ้วก้าวไปข้างหน้า
หัวใจของฮองเฮาเต้นตุ้บๆ ได้ยินกู้จิ่งซานถามสวีหว่านหยิงที่กำลังน้ำตานองหน้าด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“พระชายาสิบร้องไห้ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายสิบสาม? พูด! เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
สวีหว่านหยิงทรุดลงกับพื้น เช็ดน้ำตาไปพลาง ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปพลาง “สะ…เสด็จพ่อ น้องสิบสามเป็นโรคหอบหืด พี่สะใภ้หกอยากช่วยเขา แต่เสด็จแม่ห้ามไว้ ไม่ให้นางช่วย ลูก ลูก…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฮองเฮาก็มืดมนลงราวกับเขม่าก้นหม้อทันที
ไม่รอให้กู้จิ่งซานได้ตอบสนองใดๆ หนานหว่านเยียนก็เอื้อมมืออีกข้างไปกดจุดซินซู่และเก๋อซู่ขององค์ชายสิบสาม แล้วชิงพูดขึ้นก่อนด้วยสายตาอันเฉียบคม
“รีบช่วยคนเร็วเข้า! ไม่งั้นจะสายเกินไป…”
กู้โม่หานได้ยินสิ่งที่พระชายาสิบพูด ก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเดินไปหาหนานหว่านเยียน “รีบช่วยน้องสิบสาม”
เขาเชื่อมั่นในฝีมือการรักษาของนาง
หนานหว่านเยียน “อืม”
หายากนักที่กู้โม่หานจะไม่ถ่วงเวลานาง
หนานหว่านเยียนไม่มีเวลาคุยกับเขามากนัก เมื่อครู่นางฉวยโอกาสในขณะที่กำลังวุ่นวายคลำหาตัวเร่งปฏิกิริยาเบต้า 2 ใช้ปลอกแขนบังไว้เพื่อนำออกมา
นางพ่นยาที่ปากและจมูกขององค์ชายสิบสาม “องค์ชายสิบสาม ออกแรงสูด สูดเข้าไปในร่างกาย”
ดวงตาขององค์ชายสิบสามเต็มไปด้วยน้ำตา หลังจากสูดดมเข้าไปหนึ่งครั้ง สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
หนานหว่านเยียนไม่หยุดกิจกรรมในมือ พ่นยากระตุ้นให้เขาอยู่ตลอดเวลา มืออีกข้างหยิบปลาสเตอร์ยาออกมา เลื่อนลงไปจากคอเสื้อขององค์ชายสิบสาม พบจุดฝังเข็มทั้งสามจุดเมื่อครู่ แปะปลาสเตอร์ยาให้เขา
ในขณะนี้ฮองเฮาและหนานชิงชิงกำลังดูหนานหว่านเยียนลงมือช่วยคนอีกครั้ง ยังคงทำต่อหน้าฮ่องเต้ที่มีสีหน้าซีดเซียวมากจนดูไม่ได้
โดยเฉพาะฮองเฮา ปากของสวีหว่านหยิงเมื่อครู่ ได้พูดทุกสิ่งออกไปอย่างไม่มีหูรูด กู้จิ่งซานต้องตำหนินางแน่!
“ฝ่าบาท…” นางเงยหน้าขึ้นอย่างขาดความมั่นใจ มองเข้าไปในดวงตาที่โกรธจนข่มอารมณ์ไม่อยู่ของกู้จิ่งซาน
พลังกดดันของฮ่องเต้ทำให้ฮองเฮาหายใจไม่ค่อยออก
“ในเมื่อภรรยาของเจ้าหกมีความสามารถเช่นนี้ เหตุใดฮองเฮาถึงไม่ยอมให้นางช่วยคน?”
“หรือว่าต้องการเห็นองค์ชายสิบสามของข้าตายเหมือนแม่ของเขาเจ้าถึงจะพอใจ? ข้าให้เจ้าควบคุมดูแลวังหลัง นี่น่ะหรือสิ่งที่ฮองเฮาอย่างเจ้ากำลังทำอยู่?!”
เมื่อครู่เขายังดื่มชาอยู่กับกู้โม่หานดีๆ แต่กู้โม่หานก็มีเรื่องในใจ อยากจะมาที่ตำหนักหยูซินเพื่อดูๆ หน่อย ยังบอกด้วยว่าเป็นเพราะหนานหว่านเยียนไม่คุ้นเคยกับทุกอย่างในวัง กลัวว่านางจะหลงทาง เขาจึงเป็นห่วง
กู้จิ่งซานเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็จนปัญญา จึงพาเขามาที่ตำหนักหยูซินด้วยกันเสียเลย
หากไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่พอมาถึงก็ได้เห็น “เหตุการณ์สำคัญ” นี้!
สีหน้าของฮ่องเต้ดูเย็นชา ฮองเฮารู้สึกกระวนกระวาย เอ่ยปากขึ้นในทันที
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้มีความคิดเช่นนี้เลย สิบสามป่วย หม่อมฉันก็ร้อนใจดั่งไฟแผดเผา แต่ไม่รู้ว่าพระชายาอี้มีวิชาแพทย์มากน้อยเพียงใด ดังนั้นจึงให้ส่งหมอหลวงมาช่วย…”
หนานชิงชิงรีบคุกเข่าลงอย่างลนลาน หลุบตาลงไม่กล้าสบตากู้จิ่งซานตรงๆ “เสด็จพ่ออย่ากริ้วเลย เสด็จแม่ไม่ค่อยรู้เรื่องวิชาแพทย์ของพระชายาอี้มากนัก กลัวว่าพระชายาอี้จะลงมือช่วยคนโดยพลการจนทำให้น้องสิบสามมีอันตราย จึงได้ห้ามไว้ ขอพระราชทานอภัยให้นางด้วย เสด็จพ่อ”
เจียงหรูเยว่เห็นท่าไม่ดี จึงรีบดึงกลุ่มสตรีสูงศักดิ์ให้พากันคุกเข่าลง เพื่อช่วยพูดแทนฮองเฮา
“ฝ่าบาท เมื่อครู่หม่อมฉันก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ฮองเฮาไม่รู้ตื้นลึกของพระชายาอี้จริงๆ ดังนั้นจึงออกคำสั่งไม่ให้นางทำการรักษาช่วยคนอีกในอนาคต เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ขอพระราชทานอภัยให้นางด้วย”
นางออกคำสั่งห้ามหนานหว่านเยียนทำการรักษาช่วยคนหรือ?!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮองเฮาก็อยากจะหั่นนางให้เป็นชิ้นๆ หนานชิงชิงก็แอบเกลียดนางอยู่ กัดฟันนึกสาปแช่งเจียงหรูเยว่อยู่ในใจ นังหมูโง่เอ๊ย!
สีหน้าของกู้จิ่งซานยิ่งบูดบึ้ง เขาจ้องเขม็งใส่ฮองเฮาด้วยสายตาอันคมกริบ
“เจ้าห้ามพระชายาอี้ไม่ให้ช่วยชีวิตผู้คนในอนาคตหรือ? ฮองเฮานะฮองเฮา ข้าว่าเจ้านี่เลอะเลือนนัก! เป็นเพราะข้าตามใจเจ้ามากเกินไปหรือเปล่า ถึงทำให้เจ้ากล้าทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้ออกมาได้!”
หากหนานหว่านเยียนไม่ออกมือช่วยเหลือในวันนี้ สิบสามอาจจะไปพบพญายมแล้วก็ได้
ฮองเฮาตกใจกับสีหน้าของกู้จิ่งซานจนขาอ่อน รีบคุกเข่าลงดังพรึ่บ
นางเอ่ยปากอย่างขัดเคืองใจ “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนา สิ่งที่เจียงหรูเยว่พูดนั้นไม่เป็นความจริง ท่านอย่าไปฟังนางพูดจาเหลวไหล”
“หม่อมฉันเลอะเลือนเอง ไม่ควรขัดขวางไม่ให้พระชายาอี้ไปช่วยคน! แต่หม่อมฉันไม่เคยคิดที่จะสั่งให้ใช้กำลังบีบบังคับพระชายาอี้เลย!”
นางยืนกรานไม่ยอมรับว่าตนเคยพูดเช่นนี้ ทำให้เจียงหรูเยว่สับสนมึนงง
เมื่อครู่ยังพูดอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมรับเสียแล้ว? นางคงไม่ได้พูดอะไรผิดไปใช่ไหม!
แขนเสื้อของกู้จิ่งซานสะบัดอย่างแรง ความโกรธแสดงออกมาอย่างชัดเจน ทั่วทั้งตำหนักหยูซินสั่นสะเทือน ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดๆ
หนานหว่านเยียนที่กำลังช่วยชีวิตคนอยู่อีกด้านหนึ่ง ชำเลืองมองพวกเขาอย่างสงบ นัยน์ตาฉายแววเย้ยหยัน
แต่นางไม่ได้เปิดโปง สายตาจับจ้องไปที่องค์ชายสิบสาม สายตาคลุมเครือ มือขยับไปเรื่อยๆ จดจ่ออยู่กับการรักษา
กู้โม่หานนิ่งเงียบไม่พูดจาใดๆ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ฟังคำพูดของฮองเฮาและบรรดาสตรีสูงศักดิ์ สายตาจับจ้องไปที่หนานหว่านเยียน
เขาเห็นนางจดจ่ออยู่กับการช่วยคน ไม่ตื่นตระหนก สุขุมเยือกเย็น
เขาเดาไม่ผิด หนานหว่านเยียนต้องพบปัญหาแน่นอน
แต่นางกลับมีความสามารถในการเปลี่ยนเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดี
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้โม่หานตระหนักอย่างชัดเจนว่า…
หนานหว่านเยียนมีความสามารถและมีฝีมือ นางไม่ต้องการเขาเลย…