ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 189 ยืนยันผลชี้ชัดความเป็นพ่อลูก
ทั้งเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยต่างก็ได้ยินกับหูได้รับรู้กับตา ถึงท่าทีเสแสร้งแกล้งทำของหยุนอี่ว์โหรวทั้งหมด รวมไปถึงสภาพน่าขบขันและน่าเกลียดจนแทบดูไม่ได้ของนางหลังจากที่ถูกล่ากับปู๋ล่าเล่นงาน จึงรู้ว่าที่กู้โม่หานมาคงเพราะเข้าข้างหยุนอี่ว์โหรว เลยจะมาเอาเรื่องพวกตนแน่ ๆ
เกี๊ยวน้อยพูดพลางยืดอกเชิดหน้าขึ้นจนสูง
“ข้ารู้นะว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อจะระบายความแค้นแทนผู้หญิงชั่วคนนั้น แต่นางเป็นฝ่ายเข้ามายั่วยุท่านแม่ก่อน บอกว่าเจ้าดีกับนางอย่างนั้นอย่างนี้ ท่านแม่ไม่เคยได้รับความโปรดปรานเลย โดยเฉพาะข้าเห็นกับตาชัด ๆ เลยว่าเป็นนางที่วิ่งออกไปเอง แล้วแกล้งทำเป็นล้มเพื่อใส่ร้ายท่านแม่!”
“นางชั่วมาก ๆ ข้าเลยโกรธจนทนไม่ได้ ถึงได้ลงโทษนาง!”
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ นางเจตนาทำแบบนี้ อีกทั้งยังไม่กลัวว่าจะถูกลงโทษด้วย ในเมื่อหนานหว่านเยียนถูกรังแก นางก็จะช่วยหนานหว่านเยียนแก้แค้นเอง!
เมื่อมีเกี๊ยวน้อยเป็นผู้นำ ซาลาเปาน้อยก็ไม่รู้สึกกลัวเท่าไหร่แล้ว เดินออกมาจากด้านหลังของพี่สาว แล้วมองไปที่กู้โม่หาน ด้วยสายตาที่เกลียดชังความชั่วจนไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้
“อาจารย์หลินบอกว่า การชำระแค้นด้วยคุณธรรมถือเป็นสุภาพชน ท่านแม่ไม่เพียงไม่โทษเจ้า แต่กลับช่วยเจ้าทำอะไรตั้งหลายอย่าง พวกเจ้ากลับรังแกนางแบบนี้ พี่สาวทำได้ถูกต้องแล้ว! เรื่องนี้ข้าเองก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน เพราะพวกเราไม่ชอบคนที่เอาแต่รังแกท่านแม่อย่างพวกเจ้า!”
ในดวงตาของนางยังมีน้ำตาเอ่อคลอน้อย ๆ กัดริมฝีปากล่างราวกับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
กู้โม่หานถูกสองหนูน้อยชี้หน้าด่าประณาม ที่ทรวงอกพลันรู้สึกแน่นตื้อขึ้นมาทันที ถึงขั้นทำให้เขารู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเลยทีเดียว
เขามองไปที่พวกนาง “ข้าไม่เคยคิดว่า……”
เขาไม่เคยคิดจะโทษว่าเป็นความผิดของพวกนาง ที่เขามา แค่เพราะอยากจะมาทำการยืนยันผลชี้ชัดความเป็นพ่อลูกกับพวกนางสองพี่น้องก็เท่านั้น
แต่เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ ล่ากับปู๋ล่าก็พุ่งตรงเข้ามาหาเขา วิ่งวนรอบ ๆ ตัวพลางส่งเสียงเห่าดังสนั่น แยกเขี้ยวยิงฟันขู่ไม่หยุด ทำท่าเหมือนอยากระบายความไม่พอใจด้วย
เขากำกระดาษทดสอบในมือจนแน่นอีกครั้ง เลี่ยงสุนัขสองตัวนั้นไป แล้วเดินตรงไปหาพวกนาง
“ข้าไม่เคยคิดจะมาสร้างปัญหาอะไรให้กับพวกเจ้า เรื่องนี้ข้าจะไม่ติดตามถามไถ่ใด ๆ อีก แต่ว่ากันตามจริงแม่ของพวกเจ้าก็มีความผิด…..”
“ไม่ใช่!” สองพี่น้องตัดบทคำพูดของเขาอย่างพร้อมเพรียง สองมือกำเป็นหมัดแน่นพลางโบกไปมา ใบหน้าอ่อนเยาว์ของทั้งคู่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและโกรธเคือง
พูดจบ เกี๊ยวน้อยก็ล้วงหยิบลูกกวาดออกมาจากอกเสื้อ แล้วขว้างมันใส่กู้โม่หานด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี “ท่านแม่ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย ! คนที่ผิดมาตลอดคือพวกเจ้าต่างหาก!”
การโจมตีของเกี๊ยวน้อยนุ่มนิ่มอย่างยิ่ง ทั้งที่เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแรงปะทะนั้นไม่ได้ส่งผลให้ร่างกายเจ็บปวดแต่อย่างใด แต่หัวใจของกู้โม่หานกลับรู้สึกเจ็บแปลบ คิ้วตาหลุบต่ำ ความคาดหวังที่จะได้สานสัมพันธ์ชิดใกล้ หลังจากถูกเข้าใจผิดก็ถึงกับลมหายใจสะดุดไปนั้น มันทำให้เขารู้สึกผิดหวังขึ้นมาหลายส่วน
เขาไม่ได้เห็นกับตาว่าหยุนอี่ว์โหรว “ยั่วยุ” อย่างไร แต่จากที่ได้เห็นท่าทางการแสดงออกของทุกคนที่มีต่อนาง เขาก็พอจะเดาได้คร่าว ๆ แล้วว่าแท้ที่จริงมันเกิดอะไรขึ้น
แต่ว่าหยุนอี่ว์โหรวเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะ บางทีนางอาจเกิดความหึงหวง หรืออาจมีบ้างที่พูดจาไม่ค่อยน่าฟัง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นทำร้ายใคร หนานหว่านเยียนแค่ด่ากลับไปสักสองสามประโยคให้สาแก่ใจก็จบแล้ว นี่ถึงกับถีบนางตกทะเลสาบ ไม่รู้สึกว่ามากเกินไปหน่อยรึ?
ซาลาเปาน้อยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ นางเห็นว่าด้านหลังของกู้โม่หานจนถึงตอนนี้ไม่มีใครมาปรากฏตัวเลยสักคน จู่ ๆ ก็คล้ายว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา รีบล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ขยุ้มมันจนเป็นก้อนกลม แล้วขว้างเข้าไปที่หน้าอกของกู้โม่หาน
“เจ้าคนชั่ว นี่เจ้ารังแกท่านแม่อีกแล้วใช่หรือไม่? เอาท่านแม่คืนมาให้พวกเราเดี๋ยวนี้นะ!”
ว่ากันตามเหตุผล ปกติถ้าหนานหว่านเยียนพบว่ากู้โม่หานมา มันเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะไม่มาปรากฏตัว แต่ตอนนี้ทั้งที่กู้โม่หานมาอยู่ตามลำพังกับพวกตนนานขนาดนี้แล้วแท้ ๆ ก็ยังไม่เห็นหนานหว่านเยียนแม้แต่เงา ดังนั้นย่อมแปลได้ว่านางถูกคนชั่วคนนี้จับตัวไปแล้วแน่ ๆ
เกี๊ยวน้อยก็มีปฏิกิริยาทันทีเหมือนกัน ชั่วอึดใจนั้นนางก็โกรธจนเดือดปุด ยกมือน้อย ๆ ขึ้นพลางพุ่งทะยานเข้าไป กอดขาของกู้โม่หานแล้วกัดลงไปอย่างแรง เขี้ยวน้อย ๆ ขาวจนส่องเป็นประกายวิ้งวับ ปากก็พูดด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เจ้าคนชั่ว เจ้าทำอะไอ (ไร) อั้น(ท่าน) แอ้ (แม่)!”
กู้โม่หานถูกกัดแบบไม่ทันตั้งตัว แต่เพราะเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง ต่อให้นางจะกัดแรงกว่านี้สักแค่ไหน สำหรับเขาแล้วก็แค่รู้สึกจั๊กกะจี้นิดหน่อยเท่านั้น
เขาปล่อยให้เกี๊ยวน้อยกัด เมื่อเกี๊ยวน้อยเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีตอบสนองอะไรเลย ก็กัดให้แรงยิ่งขึ้น เพียงไม่นาน ก็มีรอยฟันเรียงเด่นเป็นแถวปรากฏขึ้นบนขากางเกงของกู้โม่หาน
ตัวนางเองก็พลอยแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับไปชั่วขณะ
แต่กู้โม่หานกลับไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย ก้มตัวลงเก็บลูกอมกับผ้าเช็ดหน้าบนพื้น ยื่นส่งให้นาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่โกรธแล้วรึ? เก็บของให้เรียบร้อย อย่าขว้างของไม่เป็นที่เป็นทางเข้าใจหรือไม่ หืม?”
เกี๊ยวน้อยตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าเขาถูกกัดแล้วกลับไม่ร้องว่าเจ็บหรือโกรธเคืองอะไรเลย นั่นกลับทำให้นางรับมือไม่ทันขึ้นมานิดหน่อย
ชั่วขณะที่นางกำลังจะยื่นมือไปรับ จู่ ๆ ก็รู้สึกตัวลอยวูบโหวง นางถูกกู้โม่หานใช้มือข้างเดียวคว้าเข้าที่เอวแล้วอุ้มขึ้นมา เพียงพริบตาเดียวก็ตกเข้าสู่อ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา
ตัวของนางหนุนอยู่บนแขนของกู้โม่หาน ยังมีอาการตอบสนองไม่ทันอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็เห็นความอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งขรึมของกู้โม่หาน
นางยิ่งตะลึงอึ้งค้างขึ้นกว่าเดิมแล้ว หรือว่าเจ้าพ่อชั่วคนนี้ไม่ได้มาเพื่อสร้างปัญหาให้นางจริง ๆ?
ซาลาเปาน้อยที่ยืนอยู่บนพื้นเงยหน้ามองขึ้นไป รู้สึกว่ากู้โม่หานตัวสูงใหญ่ทั้งยังงามสง่า เหมือนรูปสลักของเทพเจ้าแห่งสงครามเลยทีเดียว
แม้ว่าเจ้าพ่อชั่วคนนี้จะมีนิสัยที่ย่ำแย่มาก แต่หน้าตาของเขากลับหล่อเหลานัก ในแง่นี้เขาเหมาะที่ท่านแม่จะเลือกมาเป็นสามี แต่เขานิสัยชั่วช้าเกินไป ไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อของพวกนาง!
“เจ้า… เจ้าอย่าคิดนะว่าแค่ช่วยข้าเก็บของ หรือแค่อุ้มข้าแล้วข้าจะยอมยกโทษให้เจ้า!” เกี๊ยวน้อยหันหน้าเมินหนีไปอีกทาง แค่นเสียง “ฮึ” ในลำคอเบา ๆ ด้วยความโกรธ
กู้โม่หานมองดูแม่หนูน้อยในอ้อมแขนที่โกรธจนแก้มพองลม รู้สึกว่าช่างเป็นภาพที่น่ารักเหลือเกิน หัวใจก็ยิ่งอ่อนยวบลงไปหลายส่วน
เขาลูบผมของนางด้วยความรู้สึกนึกเอ็นดู “แล้วต้องทำอย่างไรเจ้าถึงจะยอมยกโทษให้ข้าล่ะ? ข้าให้เจ้ากัดอีกสักครั้งดีหรือไม่?”
พูดพลาง เขาก็ยื่นมือซ้ายออกไปตรงหน้าของเกี๊ยวน้อยอย่างแน่วแน่และหนักแน่น
เกี๊ยวน้อยจ้องมองเขาด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
มันจะมีเรื่องดี ๆ แบบนี้อยู่ด้วยรึ?
ซาลาเปาน้อยรู้สึกว่าดูมีลับลมคมนัย จึงรีบวิ่งเข้าไปห้ามอย่างไม่คิดชีวิต “พี่สาว อย่ากัด! เขาต้องคิดจะเล่นลูกไม้ชั่ว ๆ อะไรบางอย่างอีกแล้วแน่ ๆ!”
คิดไม่ถึงว่าจะมีลูกกวาดเม็ดหนึ่งที่รอดสายตากลิ้งมาอยู่ใต้เท้าของนาง ซาลาเปาเผลอเหยียบเข้าอย่างไม่ทันระวัง ใต้ฝ่าเท้าลื่นไถลทำท่าจะล้มลงไป
“อ๊า……”
แววตาของกู้โม่หานเปลี่ยนไปทันที รีบพุ่งไปข้างหน้า ยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกไปคว้าตัวซาลาเปาน้อย ช่วยประคองนางให้ยืนได้มั่นคง แต่กลับพบว่าที่ริมฝีปากของนางมีรอยแตกเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่ไปโขกโดนนิ้วของเขาเข้า จนมีจุดเลือดสีแดงเข้มไหลรินออกมา
รูม่านตาของกู้โม่หานพลันหดเกร็งแน่น บนใบหน้าแทบจะมีคำว่าเป็นห่วงเขียนแปะไว้กลางหน้าผากอยู่แล้ว เขาอุ้มซาลาเปาน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนด้วยท่าทางคล้ายปกป้อง “ซาลาเปาน้อย เจ็บหรือไม่?”
เมื่อครู่นี้ตอนที่ซาลาเปาน้อยลื่นล้ม บังเอิญไปสัมผัสโดนกระดาษทดสอบที่กู้โม่หานซ่อนอยู่ในมือเข้าพอดี ช่างเป็นความบังเอิญดั่งสวรรค์บันดาล น้ำลายของนางไปสัมผัสโดนกระดาษทดสอบ เพียงไม่นานกระดาษก็เปียกชุ่ม
ชั่วขณะนั้นเขาไม่ทันสังเกตเห็น ส่วนสองพี่น้องต่างนิ่งอึ้งอยู่ในอ้อมแขนของกู้โม่หานอย่างสงบเสงี่ยม ดูท่าทางเซ่อซ่าเหม่อลอย คล้ายไม่รู้ตัวไปชั่วขณะ
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดอื่นที่ไม่ใช่ของแม่ อ้อมกอดแบบนี้ ไม่เหมือนอ้อมกอดที่นุ่มนวลและอ่อนหวานของหนานหว่านเยียน ที่มากไปกว่ากันก็คือความแข็งกร้าวและเงอะงะ…..
นี่คือสิ่งที่อาจารย์หลินบอกว่า มันคือความรักของพ่ออย่างนั้นรึ?
ในขณะที่กู้โม่หานกำลังนึกกล่าวโทษตัวเอง หางตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษทดสอบที่ถูกน้ำลายจนเปียกชุ่ม แววยินดีปรากฏวาบผ่านดวงตาของเขา ในหัวใจของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความคาดหวังและตื่นเต้นขึ้นมาทันที
แถบทดสอบบนกระดาษเริ่มทำการทดสอบแล้ว!
แม้ว่าที่ผ่านมา เขาจะไม่เคยมีส่วนร่วมในกระบวนการเติบโตของเด็กน้อยทั้งสองมาก่อน แต่อีกไม่นาน เขาก็จะสามารถพิสูจน์ความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ แล้วมอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้กับพวกนางได้แล้ว…..