ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 214 หรือว่าเขาจะบ้าไปแล้ว
หยุนอี่ว์โหรวให้ความสนใจอาการของหยีเฟยอย่างละเอียด เมื่อรู้ว่ากู้โม่หานและหนานหว่านเยียนจะกลับวัง ดังนั้นจึงจัดแจงทุกอย่าง ทำเลือดปลอมเพื่อดึงดูดความสนใจจากกู้โม่หาน จัดเตรียมนักฆ่า เพื่อรอสังหารหนานหว่านเยียน!
นางข่มจิตใจไว้ มองไปยังกู้โม่หานน้ำตาไหลอาบใบหน้าอันงดงาม “ท่านอ๋องอย่าโกรธเลย โหรวเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร เชี่ยนปี้แค่เป็นห่วงข้าเท่านั้น ท่านอย่าโกรธนางเลย โหรวเอ๋อร์หายดีเมื่อไร จะอบรมเชี่ยนปี้ให้ดี”
กู้โม่หานสีหน้าเคร่งขรึม อารมณ์ไม่ดี
หากเชี่ยนปี้ไม่ใช่คนของหยุนอี่ว์โหรวล่ะก็ เขาจะไม่ปล่อยนางไว้แน่!
แค่เห็นใบหน้าของหยุนอี่ว์โหรวซีดเผือด เขาก็ไม่พูดอะไรมาก แค่บอกว่า
“เรื่องของหนานหว่านเยียนกับเจ้า ข้ารู้รายละเอียดดี นางอารมณ์รุนแรง เจ้าพยายามอยู่ห่างจากนางเข้าไว้ อย่าสู้รบกับนางอีกเลย หมอหลวงกำลังมาถึงแล้ว เจ้าอดทนรออีกนิด”
หยุนอี่ว์โหรวได้ยินดังนั้น หัวใจก็บีบรัดโดยพลัน
กู้โม่หานเปลี่ยนไปแล้ว พูดจากับหนานหว่านเยียนแล้ว! แล้วยังให้นางหลีกเลี่ยงหนานหว่านเยียนอีก!
แม้ว่านางจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ระดูมาไม่หยุด ปวดจนไม่อาจทนไหวนั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งเกิดจากการกระทำของหนานหว่านเยียน!
หยุนอี่ว์โหรวเกลียดชังหนานหว่านเยียนจนถึงขีดสุด แต่ก็ไม่ได้ยุยงให้กู้โม่หานและหนานหว่านเยียนเกิดความร้าวฉานกัน เพราะถึงอย่างไรตอนนี้กู้โม่หานก็อยู่กับหนานหว่านเยียน พูดมากไปจะไม่ดี
นางร้องไห้สะอึกสะอื้นซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของกู้โม่หาน ใบหน้าไร้สีเลือดดูซีดเซียวมาก
“ท่านอ๋อง โหรวเอ๋อร์ไม่เคยกล่าวโทษพระชายา รู้ด้วยว่าไม่ใช่ความผิดของพระชายา ตอนนี้โหรวเอ๋อร์แค่รู้สึกปวดท้องมากจริงๆ…”
“ถ้าวันนี้ท่านไม่รีบกลับมา โหรวเอ๋อร์เกรงว่าจะ…จะไม่ได้เห็นหน้าท่านอีกแล้ว…”
กู้โม่หานขมวดคิ้วแน่น ปลอบประโลมหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล “เจ้านี่พูดจาเหลวไหล ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรหรอก”
เขาเคยสัญญากับนาง นางเคยช่วยชีวิตเขาไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับนาง!
“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง…” หยุนอี่ว์โหรวฝังใบหน้าเอาไว้ในอ้อมแขนของกู้โม่หานอย่างอ่อนแรง รอยยิ้มแปลกๆ ยากแก่การสังเกตวาดขึ้นที่มุมปากของนาง
เชี่ยนปี้คุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น ไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะถอยออกไปอย่างเงียบๆ
เมื่อลองคำนวณเวลาดู ทางด้านหนานหว่านเยียนน่าจะมีแนวโน้มไปทางร้ายมากกว่าดีแล้วใช่ไหม?
ไม่รู้ว่าคราวนี้แผนการของคุณหนูจะใช้ได้ผลหรือไม่
แต่สิ่งที่คนอื่นไม่รู้ก็คือ แม้ว่าในเวลานี้กู้โม่หานจะปลอบโยนหยุนอี่ว์โหรวอยู่ แต่เขาก็อดคิดถึงหนานหว่านเยียนไม่ได้
เขากลับมาโดยที่ไม่พูดอะไรแบบนี้ พอหนานหว่านเยียนกลับมา นางจะต้องด่าเขายับเยินแน่นอน
ไหนจะเด็กหญิงทั้งสองอีก ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว เมื่อครู่ตอนที่เขาเข้าไปในจวน ทำไมเขาไม่รู้จักถามไถ่สักหน่อย…
ทันใดนั้น หัวใจของกู้โม่หานก็เต้นรัว
ที่ผ่านมาหากหยุนอี่ว์โหรวได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย เขาจะไม่ใจลอยคิดถึงเรื่องอื่นแบบเมื่อครู่
เมื่อครู่ในหัวของเขาเต็มไปด้วยหนานหว่านเยียนและเด็กหญิงทั้งสอง…
หรือว่าเขาจะบ้าไปแล้ว?!
…
เวลานี้ ในตรอกเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล
ในขณะนี้หนานหว่านเยียนถือเข็มเงินและขวดยาไว้ในมือ หอบแฮ่กๆ ต่อสู้หนึ่งต่อยี่สิบ แต่ก็ยังไม่เสียเปรียบ
คนชุดดำมองคนทั้งเจ็ดนอนดิ้นทุรนทุรายกระอักเลือดอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
ก่อนที่พวกเขาจะได้รับคำสั่งให้ฆ่าหนานหว่านเยียน บุคคลนั้นบอกว่านางเป็นสตรีที่ไร้เรี่ยวแรง บางทีอาจมีอารมณ์รุนแรงบ้าง แต่ก็เป็นสตรีผู้อ่อนแออย่างแน่นอน!
บัดซบ ผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า ใช้ชุดเข็มเงินได้อย่างยอดเยี่ยม จะเรียกว่าเป็นผู้หญิงอ่อนแอได้อย่างไร?! นางเป็นนังอสรพิษชัดๆ!
หนานหว่านเยียนกวาดตามองคนทั้งห้าที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเย็นชา กัดฟันถามเสียงขรึม “หยุนอี่ว์โหรวส่งพวกเจ้ามาหรือ?”
แม่ดอกบัวขาวนั่นเกิดเรื่อง พอเรียกตัวกู้โม่หานไปได้ไม่นาน ก็มีคนมากมายมาลอบสังหารนาง ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ให้ตัดหัวกู้โม่หานมานางก็ไม่เชื่อ!
ผู้นำคนชุดดำขมวดคิ้วไม่ตอบคำถาม เขาทำท่าส่งสัญญาณให้คนอื่นๆ จากนั้น ทั้งห้าคนก็กระจายตัว คอยระแวดระวังหนานหว่านเยียนอยู่รอบๆ
หนานหว่านเยียนยิ้มเย้ยหยัน “ไม่พูดก็ได้ ข้ามีวิธีง้างปากของพวกเจ้า”
นางไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ แต่หลังจากเรียนรู้วิชาฝังเข็มมานานหลายปี ความแม่นยำในการหาจุดฝังเข็มบนร่างกายไม่ได้อ่อนด้อยเลย!
ยิ่งไปกว่านั้นปลายเข็มเงินของนางนั้นเคลือบยาพิษอยู่ ขอเพียงแทงถูกจุดฝังเข็ม มันจะสามารถสร้างความเสียหายแก่อวัยวะภายในของผู้คนจนถึงแก่ชีวิตในเวลาไม่นาน
เพียงแต่ว่าพิษชนิดนี้สกัดยาก หากวันนี้ไม่ใช่เพื่อปกป้องชีวิต นางจะไม่ใช้มันเด็ดขาด!
หนานหว่านเยียนลงมืออย่างฉับพลัน แทงเข้าที่จุดฝังเข็มของทั้งสอง
ทั้งสองไม่ทันตั้งตัว ถึงแก่ชีวิตทันที
อีกสามคนที่เหลือเตรียมป้องกันอย่างแน่นหนาทันที ใช้ใบมีดคมฟาดฟันเข้าใส่หนานหว่านเยียน หนานหว่านเยียนสาดขวดยาที่อยู่ในมือใส่คนชุดดำที่อยู่ตรงหน้า
วินาทีต่อมา คนชุดดำกุมใบหน้าด้วยความเจ็บปวด ตะโกนให้ล่าถอย “โอ๊ย เจ็บฉิบหายเลย…”
แต่คนชุดดำอีกคนหนึ่งได้ฉวยโอกาสจากช่องว่างนี้ ใช้ดาบโค้งฟันเข้าที่ท่อนแขนของหนานหว่านเยียน
หนานหว่านเยียนตั้งตัวไม่ทัน ความเจ็บปวดส่งมาจากท่อนแขนอย่างฉับพลัน รอยเลือดอันน่าสยดสยองปรากฏขึ้นภายในชั่วพริบตา เลือดสดๆ ไหลหยดลงไปที่พื้น
หนานหว่านเยียนสาดผงพิษใส่เขาทันที คนชุดดำกรีดร้องล้มลงกับพื้น
ท่อนแขนเจ็บปวดอย่างรุนแรง สีหน้าของหนานหว่านเยียนซีดเผือด เจตนาฆ่าฮึกเหิมอยู่ในดวงตาอันงดงาม!
หยุนอี่ว์โหรวมุ่งมั่นปลิดชีวิตนางอย่างเด็ดเดี่ยว!
นางเหลือบมองคนชุดดำคนสุดท้าย เขาดูหวาดกลัว “แม่นาง แม่นางโปรดไว้ชีวิตด้วย! พวกเรา พวกเราทำตามคำสั่งเท่านั้น!”
หนานหว่านเยียนใช้ปลายเท้าเกี่ยวตวัดดาบยาวบนพื้นขึ้นมาถือไว้ในมือ ปลายดาบจ่อตรงไปที่ลำคอของคนผู้นั้น “บอกมา! ใครเป็นคนสั่งการพวกเจ้า?!”
ความดุร้ายแผ่ซ่านไปทั้งตัว บรรยากาศอันหนาวเหน็บทำให้คนชุดดำผู้นั้นตัวสั่นเทิ้ม “คือ คือ…”
“หากเจ้าพูด ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่เช่นนั้น ข้าจะสับเจ้าเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น!”
คนชุดดำเงียบกริบ แล้วรีบพูดว่า “คือ คือหยุนโม่หราน บุตรชายสายรองแห่งจวนแม่ทัพ! เขาให้พวกเรามาฆ่าท่าน! ได้โปรด ไว้ชีวิตข้าเถอะ!”
หยุนโม่หราน? พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของหยุนอี่ว์โหรว!
ในดวงตาอันงดงามของหนานหว่านเยียนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ครั้งสุดท้ายที่งานเลี้ยงเสกสมรส นางเคยทะเลาะกับหยุนโม่หรานที่ไร้ความรู้ความสามารถผู้นี้มาก่อน
เอาล่ะ สองพี่น้องร่วมมือกันกำจัดนาง นางก็จะทำให้พวกเขาเอาเลือดมาล้างด้วยเลือด!
คนชุดดำเห็นนางไม่ได้ฆ่าเขา ก็เอื้อมมือไปด้านหลัง ค่อยๆ ดึงกริชแวววับออกมาจากแขนเสื้อ
“พระชายาระวัง…”
เสิ่นอี่ว์ลงแส้ควบม้าเร็วรีบรุดมาถึงและเห็นภาพนี้พอดี เขาไม่มีเวลาพูดอะไรมาก กระโดดลงจากหลังม้า ใช้วิชาตัวเบาเหาะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยกขาเตะคนชุดดำที่ต้นคอ
“แคว่ก” ชายผู้นั้นศีรษะกับลำตัวขาดออกจากกันทันที
หนานหว่านเยียนเหลือบมองคนชุดดำโดยปราศจากความเมตตา
หลังจากที่เสิ่นอี่ว์ฆ่าเขาแล้ว จึงพบว่ายังมีศพอยู่บนพื้นอีกหลายศพ นอกจากคนเมื่อครู่แล้ว ทั้งหมดต่างกระอักเลือดตายอย่างน่าสังเวช
เขาสะดุ้งตกใจไม่อยากจะเชื่อสายตา
ทั้ง…ทั้งหมดนี้พระชายาเป็นคนฆ่าหรือ?
ฆ่านักฆ่ามากมายขนาดนี้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง!
เขามองไปที่หนานหว่านเยียนทันที เห็นรอยเลือดสีแดงเข้มยังเปรอะเปื้อนอยู่บนแก้มและท่อนแขนของหนานหว่านเยียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาดแผลจากดาบบนแขน
“พระชายา ท่านได้รับบาดเจ็บแล้ว!”
หนานหว่านเยียนมองไปทางเสิ่นอี่ว์ด้วยสายตาเยือกเย็น
รัศมีรอบตัวนางทำให้เสิ่นอี่ว์หนาวเหน็บไปทั้งตัว เหมือนย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่ติดตามกู้โม่หานไปสนามรบ
เขาใจหายวาบ รีบคุกเข่าลงกล่าวว่า “พระชายา ท่านอ๋องไม่ได้ทอดทิ้งท่าน เขาให้กระหม่อมมารับท่าน! แต่กระหม่อมมาช้าไป พระชายาโปรดประทานอภัย”
ไฟโทสะของหนานหว่านเยียนกำลังลุกโหม นางหยิบขวดยาออกมาโรยลงบนแผลเพื่อห้ามเลือด เหลือบมองเสิ่นอี่ว์อย่างเย็นชา “มันไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เขาจะเร็วหรือมาช้า คนเหล่านี้ก็ต้องการมาฆ่านาง
เสิ่นอี่ว์มองไปทางหนานหว่านเยียนพลางนึกโทษตัวเอง “พระชายา บาดแผลของท่านเลือดไหลไม่หยุด กระหม่อมจะช่วยทำแผลให้ท่านก่อน”
“ไม่ต้องหรอก” บาดแผลของนางเลือดหยุดแล้ว พันแผลช้าไปสักหน่อยก็ไม่เป็นไร หนานหว่านเยียนกวาดสายตามองซากศพเกลื่อนพื้น โกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ ความอาฆาตแค้นซึมเข้ากระดูก “กลับจวนก่อน!”
นางต้องการให้หยุนอี่ว์โหรวที่แกว่งเท้าหาเสี้ยน รู้ว่านรกบนดินเป็นอย่างไร…