ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่230 หนานหว่านเยียน เจ้าบังอาจนัก
เซียงเหลียนยืนอยู่ใกล้มาก จนสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาของเขา
นางรีบพูดต่อว่า “แต่พระชายาให้บ่าวส่งโม่เซียนเซิงกลับไปที่ห้องแล้ว”
“พวกเขาคุยกันปกติ พระชายาน่าจะพูดเรื่องอาการป่วยกับโม่เซียนเซิง บ่าวก็ไม่ทราบได้ สามวันหลังจากนี้ พระชายาจะผ่า……”
กู้โม่หานพูดเสียงเข้ม “ผ่าตัด”
ถึงแม้จะไม่เข้าใจศัพท์ทางการแพทย์ของหนานหว่านเยียน แต่กู้โม่หานอยู่กับนางมานาน ก็พอจะรู้แล้วบ้าง
อีกอย่าง ครั้งก่อนตอนที่เขาไปรักษาเสด็จแม่กับหนานหว่านเยียน ก็เรียนรู้มาบ้างเล็กน้อย
จะผ่าตัดให้น้าชายที่คิดไม่ซื่อเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ นางเป็นห่วงคนอื่นมากเลยสินะ แต่กลับทำร้ายเขาได้ลงคอ
กู้โม่หานลูบบาดแผลบนใบหน้าของตัวเอง สายตาเย็นยะเยือกมากขึ้น
“เจ้าค่ะ พระชายาน่าจะอยากรักษาขาให้โม่เซียนเซิง” เซียงเหลียนรีบพูดอย่างเคารพ “ท่านอ๋อง ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว บ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
กู้โม่หานเงียบไปนาน เซียงเหลียนก็ถอยออกไปเงียบๆ
หลังจากปิดประตู นางก็ถอนหายใจ
ท่านอ๋องทำท่าเหมือนหึงมาก เกรงว่าอีกนานกว่าจะหาย
เซียงเหลียนเดาไม่ผิดเลย
กู้โม่หานที่อยู่ในเรือนยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ
วันนี้เขาโดนหนานหว่านเยียนดูถูกขนาดนั้น แถมยังโดนนางทำร้ายจนได้แผลอีก แต่หนานหว่านเยียนกลับคิดแต่เรื่องรักษาโม่หวิ่นหมิง
พวกเขาอยู่ห้องเดียวกัน เด็กสองคนยังเล่นสนุกกับโม่หวิ่นหมิงอีก
นึกถึงตรงนี้ กู้โม่หานก็มีภาพแปลกๆลอยขึ้นมาในสมอง——
ภายในห้องที่มีแสงเทียนส่องสะท้อน หนานหว่านเยียนสวมชุดสีแดง หว่านเสน่ห์ซบไปที่ตัวของโม่หวิ่นหมิง นางยิ้มเบิกบาน สายตาเต็มไปด้วยความสุข
ทั้งสองดูเหมาะสมกันมาก เด็กสองคนก็กระโจนเข้าอ้อมกอดของโม่หวิ่นหมิงอย่างดีใจ แล้วเรียกเขาว่าพ่อด้วยรอยยิ้ม……
“บังอาจ! ไม่มีทาง!” กู้โม่หานนัยน์ตาดำขลับ โกรธจนสีหน้าซีดเซียว ตบไปที่โต๊ะหินอ่อนอย่างแรง โต๊ะหินอ่อนแตกร้าวในทันที
ชายหญิงอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง ผิดกฎจารีตประเพณี!
เหล้าวางอยู่ข้างๆหลายไห กู้โม่หานยกเหล้าขึ้นแล้วดื่มจนหมด
แก้มของเขาแดงระเรื่อ ใบหน้าหล่อเหลายังคงเปื้อนไปด้วยความโกรธ คิ้วรูปดาบขมวดเข้าหากัน และดูหดหู่เป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นเขาก็เดินไปข้างนอก พูดพึมพำว่า: “หนานหว่านเยียน เจ้าบังอาจนัก……”
บังอาจชักสีหน้าให้เขา
บังอาจทำร้ายเขา
บังอาจดีกับโม่หวิ่นหมิง
เมื่อก่อน นางไม่ชอบเขาไม่ใช่เหรอ
เขาเมามาก โกรธจนขึ้นสมอง เดินไปที่เรือนเซียงหลิน แต่เดินไปถึงครึ่งทาง ลมเย็นหนาวเข้ากระดูก บาดจนใบหน้าของเขาแสบ
จนเตือนกู้โม่หานกับสิ่งที่หนานหว่านเยียนทำกับเขาในวันนี้
เขาหยุดเดิน กัดฟันกรอด “ทำไมข้าต้องไปหานางด้วย? ทั้งที่เป็นความผิดของหนานหว่านเยียน!”
โม่หวิ่นหมิงเป็นพวกผู้ชายเล่ห์เหลี่ยม หลอกหนานหว่านเยียนให้เชื่อ ยังให้นางปกป้องเขาจากใจจริงอีก
เขาจะไม่ไปหาหนานหว่านเยียนก่อนแน่นอน ถ้าเขาไป ก็พิสูจน์ว่าเขาเป็นฝ่ายผิด และไม่ใช่ความผิดของโม่หวิ่นหมิง
เขาจะรอให้หนานหว่านเยียนรู้ธาตุแท้ของโม่หวิ่นหมิง จากนั้นก็มาขอโทษเขาเอง!
มุมมืด หลังออกมาจากเรือนเซียงหลิน เสิ่นอี่ว์ที่เป็นห่วงกู้โม่หาน เดินออกมาจากภูเขาจำลอง
เขามองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของกู้โม่หาน ขมวดคิ้วเป็นปม
จะช่วยท่านอ๋องยังไงดีนะ ท่านอ๋องกับพระชายาถึงจะคืนดีกันได้?
เช้าวันต่อมา แสงอาทิตย์สาดส่อง
หนานหว่านเยียนตื่นขึ้นมาตอนเช้า นางห่มผ้าหนาๆ เดินเข้าไปในเรือน
หมอกสีขาวผสมกับไอน้ำกลั่นตัวเป็นน้ำแข็ง แต่ความเย็นยะเยือกก็ทำเอานางหนาวจนตัวสั่น
อวี๋เฟิงเห็นนางมา ก็รีบโน้มคำนับ “พระชายา ครั้งก่อนท่านสั่งให้ข้าน้อยไปสืบ ตอนนี้ได้ความแล้วขอรับ”
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้น สายตาเย็นยะเยือก
“ว่ามา สืบอะไรได้”
อวี๋เฟิงสีหน้าเข้มงวด
“ข้าน้อยสืบได้ว่า หยุนโม่หลานหยิ่งผยองจองหองมาก”
“ทั้งที่ติดหนี้สินก้อนโต แต่ก็ยังเที่ยวเล่นไปทั่ว ดังนั้นข้าน้อยเลยใช้ไม้ทุบให้เขาสลบ นำตัวเขาไปสอบสวนนอกเมือง ก็ถึงรู้ว่าพระชายารองหยุนแอบให้เงินเขาเป็นจำนวนมาก และยัง……สั่งให้เขาไปฆ่าคนอีก”
ที่จริงครั้งก่อนเรื่องที่คบชู้ ความคิดที่อวี๋เฟิงมีต่อหยุนอี่ร์โหรวก็เปลี่ยนไปแล้ว
เขาไม่เคยคิดเลยว่า พระชายารองที่ต่อหน้าใจดีและเป็นกุลสตรี จะทำทุกอย่างโดยไม่คำนึงว่าจะดีหรือไม่ดี
ครั้งนี้ ตอนที่อวี๋เฟิงสืบคนที่อยู่เบื้องหลังได้ ก็แอบเป็นห่วงหนานหว่านเยียนเหมือนกัน
หนานหว่านเยียนไม่แปลกใจเลย เพราะยังไงเรื่องนี้นางก็รู้ดีแก่ใจ แต่ที่นางคิดไม่ถึงก็คือ หยุนอี่ร์โหรวกับหยุนโม่หลานไม่ต้องให้นางชักจูงให้อยู่ด้วยกัน พวกเขาก็แอบวางแผนชั่วร้ายด้วยกันแล้ว
“ข้ารู้แล้ว จ้างคนมาฆ่า มาฆ่าข้าใช่ไหม หาหลักฐานได้ไหม?”
อวี๋เฟิงพยักหน้า “ข้าน้อยได้หลักฐานมาแล้วขอรับ”
“ทำได้ดีมาก” หนานหว่านเยียนยิ้มแล้วตบไหล่อวี๋เฟิง เสื้อคลุมสีเลือดดูแสบตามาก
“แต่ข้าสงสัยว่า หยุนอี่ร์โหรวให้เงินลูกพี่ลูกน้องของนางเท่าไหร่?”
อวี๋เฟิงพูดอย่างยากลำบาก: “รวมทั้งหมดห้าแสนตำลึง บวกกับโฉนดร้านขอรับ”
ห้าแสนตำลึง?!
ถึงหนานหว่านเยียนจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดไม่ได้ตกตะลึงอยู่ดี!
นางคิดไว้สองอย่าง
กู้โม่หานมีเงินเยอะจริงๆ
หยุนอี่ร์โหรวโลภมากจริงๆ
แอบยักยอกเงินไปเยอะขนาดนั้น ไม่แปลกใจที่หยุนอี่ร์โหรวกัดหน้าที่คุมบ้านไว้ไม่ปล่อย ที่แท้ก็ทำเพื่อยักยอกเงินนี่เอง
ดูแล้ววันนี้คงจะเป็นศึกครั้งใหญ่ แต่ไม่รู้ว่ากู้โม่หานเห็นธาตุแท้ของยัยตอแหลนั่นแล้ว จะทำหน้ายังไง
หนานหว่านเยียนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“จับตาดูไว้ให้ดี ถึงเวลาข้าออกโรงแล้ว——”