ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 248 มิทำตามหลักสตรี

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 248 มิทำตามหลักสตรี

เป็นเพียงประโยคยกยอปอปั้น เขาเห็นเป็นเรื่องจริงจังได้อย่างไร

กู้โม่หานมิสนใจกับคำเหล่านั้นของนาง ส่วนตัวเขารู้สึกดีขึ้นมาก

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนสนทนากันแล้ว เหล่าเสิ่นและรองแม่ทัพอวี๋ก็แอบปรบมือชื่นชมอยู่ในใจ

ความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องและพระชายาเป็นไปได้มิดีนัก แต่นั่นก็เป็นเพราะเหตุผลทางตระกูล เพราะเฉิงเซี่ยงมิค่อยดีนัก ทว่ามิเกี่ยวข้องอันใดกับพระชายา เพียงแค่ท่านอ๋องละทิ้งความเกลียดชังในใจลง แล้วใช้ชีวิตอยู่กับพระชายาอย่างมีความสุข ก็จะเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบยิ่ง

หนานหว่านเยียนมิรู้ว่าพวกเขาคิดสิ่งใดอยู่ นางจึงกล่าวขึ้นว่า “หมอทหารอยู่ที่ใด ข้าจะสนทนากับเขาถึงร่างกายของเหล่าเสิ่น และแนะนำในการฟื้นตัวให้เหล่าเสิ่น”

รองแม่ทัพอวี๋รีบสั่งให้พลทหารไปตามหมอทหารมา

จู่ๆ ดูเหมือนรองแม่ทัพอวี๋จะนึกอะไรขึ้นมาได้ รอยยิ้มนั้นจางหายไปทันทีแล้วกล่าวลังเลว่า “ท่านอ๋อง……”

สายตาของกู้โม่หานมองไปทางเหล่าเสิ่น ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็ดูจริงจังขึ้น “เหตุใดจึงทำท่าทีเช่นนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”

“ท่านเคยบอกเอาไว้ว่าต้องการลงจากตำแหน่ง ข้าน้อยก็มิกล้าจะรบกวน แต่ว่า……” สีหน้าของรองแม่ทัพอวี๋ดูหนักอึ้ง “แต่ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ที่ชายแดนมีรายงาน กล่าวว่าพวกโจรอันธพาลเข้ามาระราน ข้าน้อยคิดว่าคงจะเป็นพวกแคว้นจินที่บัดนี้ต้องการออกมาเคลื่อนไหว และใช้ อันธพาลมาทดสอบพวกเราก่อน……”

“แม้ว่าข้าน้อยจะเริ่มทำการฝึกเหล่าทหารแล้ว แต่ข้าน้อยก็หวังว่าท่านจะกลับมาฝึกร่วมกับพวกเรา ดังเมื่อห้าปีก่อน ห้าปีก่อนหน้านี้กองทัพ กองเกราะเสวียนของเราอยู่ยงคงกระพันมิเคยแพ้รบ และห้าปีจากนี้หากท่านยังคงนั่งอยู่ตำแหน่งนั้น จะมีใครกล้าเข้ามาลองเชิงพวกเรา”

คำพูดของรองแม่ทัพอวี๋เพิ่งจะจบลง จู่ๆ หนานหว่านเยียนก็รู้สึกว่าอากาศรอบข้างดูเยือกเย็น ความกดดันอันหนาวเหน็บแผ่ซ่านออกมาจากร่างของกู้โม่หาน

เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นมิได้โกรธหรือโมโหอะไร เขาเพียงยืนอยู่ที่นั่น มองไปด้วยความเย็นชาก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวแล้ว

สายตาของกู้โม่หานหรี่ลง น้ำเสียงกล่าวอย่างต่ำทุ้มทรงพลังว่า “พาข้าไปดูที่สนามฝึกซ้อม”

เรื่องของเสด็จแม่และการปกป้องประเทศกับประชาชนเป็นเรื่องที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด

“ขอรับ” รองแม่ทัพอวี๋รับคำสั่ง จากนั้นรีบพากู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนเดินตรงไปยังสนามฝึกฝน

แต่หนานหว่านเยียนมิได้เดินทางไปด้วย เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องราวสำคัญของแคว้น ต่อให้นางเดินทางไปก็ไร้ประโยชน์

นางต้องการจะรอหมอทหารอยู่ที่นี่ กำชับพวกเขาสองสามคำแล้วก็จะจากไป

แต่กู้โม่หานกลับคว้ามือของนางเอาไว้ลากนางไปกับเขาด้วย

หนานหว่านเยียนยังมิทันจะได้ต่อต้านใดๆ แน่นอนว่าบัดนี้นางต่อต้านก็ไร้ผล หนานหว่านเยียนจึงมิได้ทำเรื่องขายหน้าเช่นนั้น

พวกเขาทั้งหลายโดยตรงไปยังสนามฝึก

บัดนี้ภายในสนามฝึกซ้อมเต็มไปด้วยเสียงต่างๆ มากมาย กู้โม่หานและหนานหว่านเยียนได้ยินน้ำเสียงหนึ่งอันคุ้นเคยดังขึ้นมาว่า “มิได้กินข้าวกันหรือไร! น้ำหนักแค่นี้ก็รับไหวมิไหวหรือ?”

กู้โม่เฟิงอยู่ที่สนามฝึกด้วย เขามัดถุงทรายเอาไว้ที่แขนกับขาของบรรดาเหล่าทหาร แล้วกำลังฝึกท่าทางขั้นพื้นฐานบนหินก้อนใหญ่

แม้ว่าใบหน้าของทหารเหล่านั้นจะดูมิน่ามองนัก แต่พวกเขาก็ให้ความร่วมมือ

หนานหว่านเยียนเห็นได้ชัดว่าขาของทหารเหล่านั้นกำลังสั่นคลอน สิ่งที่วางไว้บนร่างกายของพวกเขาหนักเกินไป เกินขอบเขตที่พวกเขาจะรับไหว การกระทำที่เกินเหตุเช่นนี้อาจจะส่งผลกระทบย้อนกลับทำให้เอวของพวกเขาเกิดกล้ามเนื้ออักเสบได้

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

คิ้วอันได้รูปของกู้โม่หานขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากเรียวบางของเขาเม้มเข้าหากัน แววตาเฉียบคมดุจธนูมองไปยังทิศทางของกู้โม่เฟิง

กู้โม่หานฝึกฝนวิทยายุทธมาตั้งแต่เด็ก วิธีการที่กู้โม่เฟิงฝึกทหารเหล่านี้สร้างความลำบากปวดร้าวให้กับพวกเขาเพียงไร เขารู้ดีกว่าหนานหว่านเยียนเสียด้วยซ้ำ

ทันใดนั้นเอง ทหารสองสามคนที่อยู่บนแท่นก็มองเห็นกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียน ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายแวววาวขึ้นทันทีและรีบทำความคารวะทั้งสองคนด้วยความเคารพ

“คารวะท่านอ๋อง พระชายา”

จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังเหล่าทหารมากมายตะโกนว่า “พี่น้องทหาร อ๋องอี้และพระชายาอี้มา……”

แววตาของทหารเหล่านั้นเป็นประกายขึ้นทันทีแล้วมองไปทางกู้โม่หาน ความรู้สึกอบอุ่นยิ่งกว่าพบหน้าบิดามารดาเสียอีก

ชั่วพริบตาเดียว เสียงตะโกนโห่ร้องก็ดังขึ้นทั่วสนามฝึกฝน ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าโศกเศร้า บัดนี้กลับดูสดใสมีชีวิตชีวา “ท่านอ๋อง พระชายา!”

ในสายตาของพวกเขา กู้โม่หานช่างยิ่งใหญ่สง่างามเหลือเกิน คิ้วเย็นชา ร่างสูงใหญ่สวมชุดเกราะดุจดั่งเทพเจ้า ความสง่างามเช่นนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นล้วนหวาดกลัว

และสตรีข้างกายของเขาก็งดงามอ่อนช้อย รังสีที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของนางมิแพ้ท่านอ๋องของพวกเขาเลย

ท่านอ๋องและพระชายา ล้วนสง่างามทรงพลัง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเหลือเกิน

เดิมทีกู้โม่เฟิงก็รู้สึกหงุดหงิด เขาถูกตำหนิตอนอยู่ในพระราชวังยังมิเท่าไร แต่ละวันก็ถูกรบกวนตำหนิโดยหนานชิงชิงอีก บัดนี้ที่ชายแดนเริ่มเกิดความปั่นป่วน เขาจึงได้เดินทางมาที่ค่ายเสินเชื่อเพื่อทำการฝึกฝนเหล่าทหาร

แต่ก็คิดมิถึงว่าจะมิค่อยได้ผลนัก แต่ละคนทำสีหน้ามิน่ามอง แต่เมื่อกู้โม่หานเดินทางมา เหล่าทหารกลับร่วมมือร่วมใจกันมิต้องกล่าวถึง ทั้งยังทำสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ให้ความเคารพนับถือกู้โม่หานเป็นยิ่งนัก

เห็นได้ชัดว่าพวกเขามิเห็นอ๋องเฉิงอยู่ในสายตา

กู้โม่เฟิงรู้สึกโมโหมาก สีหน้าของเขาดูหม่นหมอง มองไปทางกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียน มิต้องบอกก็รู้ว่าสองสามีภรรยามาหาเรื่องแน่

รังสีอาฆาตแค้นแผ่ซ่านอกมาจากอ๋องเฉิง แทบจะปกคลุมไปทั่วทั้งสนามฝึก

เขาผลักกลุ่มทหารที่ยืนล้อมรอบอยู่ออกไป เมื่อเหลือบเห็นกู้โม่หานซึ่งสวมชุดเกราะอยู่ก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็กลับคืนสู่ความปกติอย่างรวดเร็ว แววตาเต็มไปด้วยความโมโห

“อ้าว เจ้ามิได้ชอบหดหัวอยู่ในจวนอ๋องหรอกหรือ ปกติแล้วจะมิเดินทางไปไหนมาไหน เหตุใดวันนี้จึงมาที่ค่ายทหารได้เล่า?” กล่าวจบสายตาของกู้โม่เฟิงก็เหลือบมองไปทางหนานหว่านเยียน “ทั้งยังเอาสตรีมาด้วย”

เหลิ่งหู่องครักษ์ข้างกายของกู้โม่เฟิงเข้ามาปกป้องกู้โม่เฟิงไว้อย่างแน่นหนา สายตามองไปทางกู้โม่หานและหนานหว่านเยียนอย่างมิเป็นมิตร

กู้โม่หานขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ชุดเกราะของเขาสะท้อนกับดวงตะวัน แผ่ซ่านความหนาวเย็นออกมา

“บัดนี้ที่ชายแดนมิค่อยสงบสุขนัก เดิมทีข้าก็เป็นแม่ทัพของที่นี่ ข้าเดินทางมาที่ค่ายมิได้หรือ ส่วนพระชายาเดินทางมาตรวจดูอาการให้เหล่าทหารที่บาดเจ็บ สมเหตุสมผล”

สายตาของหนานหว่านเยียนมองไปทางสองพี่น้อง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศดูตึงเครียดขึ้นทันใด

“เจ้าก็รู้ว่าที่ชายแดนบัดนี้มีพวกก่อความมิสงบ แต่กลับมิมาฝึกฝนทหารให้ดี ยังมีกระจิตกระใจพาหญิงสาวเดินเล่นทั่วค่ายทหารเสิ่นเชื่อ ช่างขายหน้าเสด็จพ่อเหลือเกิน!” กู้โม่เฟิงมิรู้จะไประบายที่ใด เนื่องจากในค่ายทหารนี้เขามิอาจแตะต้องกู้โม่หานได้ แต่คิดว่าเขามิอาจแตะต้องหนานหว่านเยียนได้ด้วยหรือ?

เขามองไปทางหนานหว่านเยียนแล้วกล่าวว่า “ส่วนเจ้า เป็นถึงพระชายาอี้ เหตุใดจึงมิอยู่ในจวนอ๋องให้สงบเสงี่ยม มาคลุกคลีอยู่กับเหล่าบุรุษมากมายเช่นนี้ ไร้จรรยาบรรณหญิง มิรู้จักขายหน้าหรือไร”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท