ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 249 หนานหว่านเยียนเป็นพระชายาของเขา
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกไป แววตาของเหล่าทหารทั้งหลายก็ดูมิพอใจ
พระชายาเป็นหมอที่มีจิตใจงดงาม เหตุใดเมื่อถูกอ๋องเฉิงกล่าวออกมาจึงกลายเป็นสตรีเหมือนแม่ค้าปากตลาดไปได้
หากต้องการจะตำหนิกู้โม่หานก็ตำหนิกู้โม่หานไป จะมุ่งเป้าหมายมาที่นางทำไม?
ดวงตาอันงดงามของหนานหว่านเยียนหรี่ลงเล็กน้อย นางกำลังจะโต้เถียงกลับ
แต่กู้โม่หานแย่งนางกล่าวขึ้นเสียก่อน น้ำเสียงของเขาดูเยือกเย็นยิ่งกว่าก่อนหน้า
“ข้าบอกแล้วว่าหนานหว่านเยียนเดินทางมาตรวจดูอาการเหล่าทหารที่นี่ นางสามารถรักษาผู้คนได้ เรื่องนี้เสด็จพ่อก็อนุญาต หากว่าอ๋องเฉิงยังพูดจาหยาบคายอีก ข้าก็จะมิเกรงใจเช่นกัน”
หนานหว่านเยียนเป็นพระชายาของเขา ต่อให้นางมิมีความเป็นกุลสตรีก็มีเขาคนเดียวที่จะมาตำหนิได้ ส่วนคนอื่นๆ มิมีคุณสมบัติพอ
หนานหว่านเยียนมองไปทางกู้โม่หานด้วยความประหลาดใจ คิดมิถึงว่าเขาจะก้าวออกมาปกป้องนาง
แต่ว่านางมิต้องการความปกป้องจากกู้โม่หานเช่นนี้หรอก
“อ๋องเฉิง ก่อนหน้านี้ที่เหล่าเสิ่นและคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บ เจ้ากลับมิสนใจไยดีในความเป็นความตายของพวกเขา บัดนี้เจ้าก็ปฏิบัติต่อเหล่าพี่น้องทหารเหมือนกับมดที่กำลังรนหาที่ตาย ให้พวกเขาฝึกปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม หากจะกล่าวถึงเรื่องความอัปยศอดสู คาดว่าเจ้าคงจะมิพ่ายแพ้ผู้ใด”
กู้โม่เฟิงมองมาทางหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานด้วยการเยาะเย้ย ทำเอาหนานหว่านเยียนแทบจะสำลัก
“หนานหว่านเยียน ข้ามิชื่นชอบที่สตรีเช่นเจ้ามาออกหน้าออกตาเช่นนี้ ดูเหมือนหากเจ้ามิได้พบกับผู้ชายก็จะเป็นจะตายเสียอย่างนั้น เจ้ามิต้องทำแสร้งเป็นคนดี ครั้งก่อนที่เหล่าเสิ่นและคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บ ต่อให้มิมีเจ้า ข้าก็จะหาคนมารักษาพวกเขาได้ให้หายเอง เพียงแต่เจ้านั้นโชคดีเข้ามาช่วยพวกเขาไว้ก่อนหน้าข้าก็เท่านั้นเอง เจ้าจะเย่อหยิ่งอะไรไป”
เขาเองก็พยายามดูแลค่ายเสิ่นเชื่อนี้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมานั้นก็คือมิมีใครสนใจเขา ห้าปีมานี้ทุกคนล้วนหันหน้าสรรเสริญเยินยอกู้โม่หาน ราวกับกู้โม่หานเป็นเเม่ทัพคนเดียวในค่ายเสิ่นเชื่อแห่งนี้
เหตุใดเขามิอาจจัดการกับเหล่าเสิ่นได้เล่า หากมิรีบกำจัดคนของกู้โม่หานไปเสีย แล้วเขาจะได้รับการยกย่องเชิดชูในค่ายทหารนี้ได้อย่างไร?
หนานหว่านเยียนเป็นเพียงแค่สตรีคนธรรมดา จะไปเข้าใจอะไร รู้แต่เพียงชี้นิ้วสั่ง
นางหยิ่งผยองงั้นหรือ?
กู้โม่เฟิงใช้ตาข้างไหนมองกัน ทุกครั้งที่นางทำการรักษาผู้คน ก็ล้วนใช้มนุษยธรรม ในตอนนั้นที่นางเข้าร่วมวิชาชีพหมอก็ได้ให้คำสาบานกับตนเองว่า เมื่อช่วยผู้คนแล้วนางจะมิมีวันร้องขอให้ผู้ที่ถูกนางช่วย มอบหรือช่วยเหลือสิ่งใดตอบแทน แล้วเหตุใดจึงกลายเป็นว่านางหยิ่งผยอง
เขาตาบอดหรืออย่างไร
หนานหว่านเยียนมองไปทางกู้โม่เฟิงแล้วกล่าวว่า “อ๋องเฉิง ในเมื่อจะคิดบัญชีเก่า เช่นนั้นสิ่งที่เจ้าเคยสัญญาไว้กับข้า บอกว่าหากข้าสามารถช่วยเหล่าเสิ่นได้ เจ้าก็จะคุกเข่าลงต่อหน้าข้า และเอ่ยขอโทษเหล่าพี่น้องทั้งหลาย มิว่าข้าจะโชคดีหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้เจ้าเป็นคนให้คำสัญญากับข้าเอง เช่นนั้นเจ้าก็ทำตามที่เคยสัญญาไว้เถิด”
เหลิ่งหู่องครักษ์ข้างกายของกู้โม่เฟิงขมวดคิ้วขึ้นทันที “พระชายา กล่าวสิ่งใดโปรดระมัดระวังด้วย ท่านอ๋องของเรามีตัวตนผู้อันสูงส่ง จะคุกเข่าต่อหน้าใครง่ายๆ ได้อย่างไร การที่ท่านกล่าวเช่นนี้ช่างหยาบคายเหลือเกิน ข้าน้อยจะ……”
“เจ้าจะทำอะไรนาง!” จู่ๆ แววตาของกู้โม่หานก็เย็นชาขึ้น เขาเหลือบมองไปทางเหลิ่งหู่ “หากเจ้ากล้าที่จะเอ่ยวาจาหยาบคายกับนางอีก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าออกเสียบัดนี้”
เหลิ่งหู่มิกล้าพูดมาก หน้าของเขาดูซีดเซียว ในค่ายทหารนี้มิมีใครที่มิกลัวกู้โม่หานเลย แม้แต่เขาก็เช่นกัน
ท่าทีของหนานหว่านเยียนดูประหลาดใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม นางมองไปทางกู้โม่หานอีกครั้ง
น่าประหลาดสิ้นดี วันนี้กู้โม่หานกินยาผิดขวดหรือ เขาก้าวมาปกป้องนางครั้งแล้วครั้งเล่า
สีหน้าของกู้โม่เฟิงดูมิน่ามอง ดวงตาคู่นั้นลุกเป็นไฟ หากจะตีหมาก็ต้องดูว่าเจ้าของเป็นใคร การที่กู้โม่หานจะตัดลิ้นของหลิงโม่นั้นก็เป็นการตักเตือนเขานี่เอง
“กู้โม่หาน เจ้า……”
ยังมิทันกล่าวจบก็ถูกกู้โม่หานขัดขึ้นด้วยความเย็นชาว่า “อ๋องเฉิง กษัตริย์ตรัสแล้วมิคืนคำ ในวันนั้นเจ้าได้เดิมพันกับพระชายาของข้าไว้ เมื่อเจ้าแพ้ก็ต้องยอมรับในความพ่ายแพ้ บัดนี้เหล่าทหารทุกคนล้วนกำลังฟังอยู่ หากเจ้าทำมิได้แม้แต่คำที่ให้สัญญาไว้ แล้วเจ้าจะออกคำสั่งกับนายทหารทั้งสามกองทัพได้อย่างไร เหล่าทหารทั้งหลายจะเชื่อฟังเจ้าหรือ?”
กู้โม่เฟิงทำให้เขารู้สึกผิดหวังเหลือเกิน เขามิเสียใจเลยที่ได้ทำร้ายเหล่าเสิ่นกับคนอื่นๆ และบัดนี้ก็ยังมาทำร้ายพี่น้องทหารคนอื่นอีก ทั้งยังกล่าววาจาดูถูกหนานหว่านเยียน เขากระทำการต่ำช้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ให้อภัยมิได้!
กู้โม่หานยืดกายตรง รังสีแห่งการบีบบังคับและกดดันแผ่ซ่านออกไปจากภายในสู่ภายนอก
เหล่าทหารทุกคนกำลังเฝ้ามอง ดวงตาของพวกเขาแดงเรื่ออย่างมิได้กะพริบตา ทำเอาเสียกู้โม่เฟิงทำตัวมิถูก แต่ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความโกรธ
สามีภรรยาคู่นี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหลือเกิน ต้องการที่จะให้เขาต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชนสินะ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกู้โม่หาน เขาเคยปฏิบัติดีต่อหนานหว่านเยียนเมื่อไรกัน แต่บัดนี้กลับก้าวออกมาปกป้องทุกวิถีทาง ปกป้องดุจดั่งไข่ในหิน เสแสร้งแกล้งทำ!
เขามิแสดงท่าทียอมแพ้ออกมา แต่กลับเข้าไปดึงคอเสื้อของกู้โม่หานเข้ามา แววตาของเขาดุจดั่งคมดาบที่จะทิ่มแทงชายผู้นี้ แล้วตะโกนออกไปว่า
“กู้โม่หาน ข้าจะมิยอมรับผิดแน่ และข้าจะมิมีวันก้มหัวให้เจ้า!”
“หากมิใช่เพราะเจ้าส่งคนมาลอบสังหารข้าก่อน ข้าจะ……”