ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่256 พระชายาเฉิงเป็นคนร้าย
หนานหว่านเยียนไม่มีเวลามองสีหน้าคนอื่นเลย นางตรวจสอบปากของหยีเฟย ลิ้มมีความเหลืองและหนืด และยังมีสารพิษบัวแปดหัวใจหลงเหลืออยู่ด้วย
นางขมวดคิ้วเป็นปม ใช้ผ้าขนหนูเช็ดสารพิษที่เหลือเบาๆ
จากนั้นก็สังเกตดูขวดยาที่เป็นหลักฐานชี้ผิดนาง เห็นว่าขวดยาทุกขวดมีสารพิษหลงเหลืออยู่ แต่สารพิษพวกนี้ยังแห้งไม่หมด พิสูจน์ได้ว่า คนที่ใส่ร้ายนาง เพิ่งวางยาพิษเมื่อคืน!
หนานหว่านเยียนแสยะยิ้มเย็นชา มีความคิดหนึ่งขึ้นมาทันที
หวางหมัวมัวตักน้ำร้อนกลับมา ก็รีบถามหนานหว่านเยียนทันทีว่าควรทำอะไรต่อ
ที่จริงนางก็รู้ดีแก่ใจ ความริษยาเกลียดชังในวังไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเลย และครั้งก่อนหนานหว่านเยียนก็รักษาหยีเฟยเต็มที่ นางก็เก็บไว้ในใจเสมอ
นางค่อนข้างเชื่อใจหนานหว่านเยียนทีเดียว
หนานหว่านเยียนบิดผ้าให้แห้งแล้ววางไว้ตรงข้อต่อของหยีเฟย และสั่งหวางหมัวมัวว่า “ถ้าเย็นแล้วก็เปลี่ยนนะ บัวแปดหัวใจไม่ได้เป็นเพียงแค่ยาพิษเท่านั้น แถมยังเย็นมากด้วย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อข้อต่อได้ง่าย”
หวางหมัวมัวพยักหน้าอย่างหนักแน่น น้ำตารื้นเต็มขอบตา
ตอนนี้เอง กู้โม่เฟิงก็กลับมา เผ้าผมเสื้อผ้ายุ่งเหยิงหมด เห็นได้ชัดว่าวิ่งไปที่สำนักหมอหลวงมา
“สำนักหมอหลวงเริ่มต้มยาแล้ว บอกว่าเดี๋ยวจะส่งมาให้”
กู้โม่หานขมวดคิ้วมองเขา สายตาเต็มไปด้วยความสับสน “ขอบใจมาก”
กู้โม่เฟิงทำท่าไม่พอใจ แล้วกลับหลังหันไปหาหนานชิงชิง
หยีเฟยกินยาแล้วสักพัก ก็เริ่มหยุดกระตุก หมอหลวงเจียงได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ ก็เริ่มวัดชีพจรให้หยีเฟย
สีหน้าของเขาตกตะลึงมาก มองหนานหว่านเยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ชีพจรของหยีเฟย เป็นปกติแล้ว! พระชายาถอนยาพิษได้สำเร็จ!”
“พระชายาอี้เก่งมากจริงๆ! กระหม่อมขอนับถือจากใจจริง!”
พอพูดแบบนี้ออกไป ทุกคนก็ตกตะลึงมากกว่าเดิม
ถอนได้จริงงั้นเหรอ?!
บัวแปดหัวใจเป็นยาพิษที่ไม่มีใครถอนมันได้เลยนะ!
วิชาแพทย์ของหนานหว่านเยียนแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันนะ?!
กู้โม่หานก็ถึงวางใจได้ ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็เริ่มตั้งสติได้ เขาไม่รู้ว่า ถ้าเสด็จแม่ตายไป เขาควรจะทำยังไง……
อย่างน้อย เขาจะต้องล้างมลทินให้จวนเฉิงเซี่ยงให้ได้!
สายตาของฮ่องเต้เต็มไปด้วยเลศนัย สีหน้าผ่อนคลาย
“พระชายาอี้เก่งจริงๆเลยนะ ช่วยหยีเฟยไว้ได้ก็ดี ข้าจะคิดว่าเจ้าไม่ใช่คนร้าย แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับเจ้า เจ้าจะต้องหาคำอธิบายให้ข้าให้ได้”
ที่จริงหนานหว่านเยียนก็พอจะเดาได้แล้ว คนที่อยากฆ่าหยีเฟยมีเยอะมาก แต่คนที่อยากฆ่าหยีเฟยแล้วใส่ร้ายนาง นอกจากหนานชิงชิงแล้ว เกรงว่าจะไม่มีคนอื่นอีก
เมื่อกี้ไม่ได้พูด เพราะกังวลว่านางยังล้างมลทินไม่ได้และอาจจะโดนห้ามได้ง่าย แทนที่จะก่อเรื่องแบบนั้น เอาเวลานั้นไปช่วยหยีเฟยจะดีกว่า
แต่ตอนนี้ อาการของหยีเฟยเริ่มทรงตัวได้แล้ว นางมีเวลาตอบโต้แล้วล่ะ!
หนานหว่านเยียนเงยหน้ามองฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ คนร้ายตอนนี้อาจจะยังอยู่ในวัง ตอนนี้ลูกจะลากตัวมันออกมาให้เองเพคะ!”
สายตาของทุกคนเปลี่ยนไป ว่าไงนะ? คนร้ายอยู่ในวังเหรอ?!
และ หนานหว่านเยียนยังจะลากตัวคนร้ายออกมาอีก?!
สถานการณ์พลิกผันแบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
กู้โม่หานก็มองหนานหว่านเยียนอย่างแปลกใจ ไม่รู้ว่านางพูดจริงหรือหลอก
สีหน้าของฮ่องเต้ตึงเครียด “อนุญาต”
หนานหว่านเยียนมองไปยังหวางหมัวมัว “หวางหมัวมัว ขอถามหน่อย ในตำหนักมีไป่จื่อเซียงไหม?”
หวางหมัวมัวรีบตอบว่า “มีเจ้าค่ะ หยีเฟยชอบใช้ไป่จื่อเซียงมาก! ในตู้นั้นมีเจ้าค่ะ”
“เอามาให้ข้าที”
หนานชิงชิงมองการกระทำของหนานหว่านเยียน หัวใจก็เต้นตึกตักขึ้นมา ความรู้สึกไม่สบายใจครอบงำจิตใจของนาง
หนานหว่านเยียนคิดจะทำอะไรกันแน่?
สีหน้าของหมอหลวงหลี่แปลกๆ
ตอนนี้เอง หมอหลวงเจียงก็นึกขึ้นได้ “ใช่สิ ไป่จื่อเซียงเป็นศัตรูของบัวแปดหัวใจ หากคนที่แตะต้องพิษบัวแปดหัวใจ ถ้าโดนรมควันจากไป่จื่อเซียง ก็จะมีสีตกค้าง สีที่แตกต่างกันหมายถึงเวลาที่แตกต่างกัน และร่องรอยนี้ก็ไม่อาจล้างให้สะอาดได้ในระยะเวลาสั้นๆ”
“หนึ่งวันจะเป็นสีดำ สองวันจะเป็นสีม่วง สามวันขึ้นไปก็จะเป็นสีส้ม กระหม่อมลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย สมแล้วที่เป็นพระชายา คิดได้รอบคอบมากเลยขอรับ”
ทุกคนฮือฮากันใหญ่ แปลกใจกับหนานหว่านเยียนอีกครั้ง
มีเพียงหมอหลวงหลี่กับหนานชิงชิงที่สีหน้าเสียหมด
โดยเฉพาะหมอหลวงหลี่ เหงื่อแตกพลั่กทั้งหัว มองหนานหว่านเยียนอย่างรู้สึกผิด
หวางหมัวมัวหยิบไป่จื่อเซียงออกมา หนานหว่านเยียนรับมาแล้วจุด รมควันที่ตัวเองก่อน มีแค่สีดำอ่อนๆ
“เมื่อกี้ข้าเพิ่งแตะต้องสารพิษนั้น ดังนั้นสีจึงอ่อนมาก นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าข้าไม่เคยแตะต้องยาพิษนั้น”
ต่อมา หนานหว่านเยียนก็เดินไปตรงหน้าหมอหลวงหลี่ มองเขาด้วยสายตาที่เฉียบคม
“หมอหลวงหลี่ วันนี้ท่านเจอสารพิษก่อน งั้นก็เริ่มตรวจจากท่านแล้วกัน?”
หมอหลวงหลี่ตกใจ ถูกหนานหว่านเยียนกดดันจนทำตัวไม่ถูก สายตาหลบเลี่ยง
“หรือว่าพระชายาจะไม่เชื่อกระหม่อม?”
นางไม่เชื่อคนที่คิดใส่ร้ายนาง นางรู้สึกว่าต้องเป็นผู้ต้องสงสัยแน่นอน
นางกับหมอหลวงไม่มีเรื่องบาดหมางกันหรอก แต่ยากที่จะรับรองได้ว่าพวกเขาไม่โดนคนอื่นหลอกใช้
หนานหว่านเยียนเห็นมือของหมอหลวงหลี่สะอาดมาก หันไปจุดไอ๋จื่อเซียง รมควันไปที่ฝ่ามือของเขา
“หมอหลวงหลี่อย่าตื่นเต้นสิ ถ้าวันนี้หาคนร้ายในตำหนักอู๋ขู่ไม่เจอ งั้นก็ต้องตรวจสอบทุกคนในวัง นอกจากพวกเขาไม่มีมือ ไม่งั้นก็ตรวจสอบอะไรไม่ได้”
ว่าแล้ว นางก็เอาไป่จื่อเซียงออกจากมือของหมอหลวงหลี่ ทันใดนั้นก็มีรอยสีม่วงปรากฏขึ้น
หนานหว่านเยียนแสยะยิ้มเย็นชา “หมอหลวงหลี่ ดูแล้ว เมื่อวานท่านคงจะเคยแตะต้องยาพิษนี้นะ”
ทุกคนตกใจกันมาก ต่างก็มองหมอหลวงหลี่ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
หนานชิงชิงกำแขนเสื้อไว้แน่น หัวใจเต้นตึกตักจนแทบจะกระเด็นออกมา
หมอหลวงหลี่ตะโกนแตกตื่น “ไม่ใช่ฝีมือของข้านะ นี่ นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ!”
สายตาของหมอหลวงเจียงผิดหวังมาก “หมอหลวงหลี่ ก่อนที่เจ้ากับข้าจะเข้าสำนักหมอหลวง เราได้เรียนรู้เภสัชวิทยาพื้นฐานว่าไป่จื่อเซียงสามารถแยกแยะพิษได้หลายร้อยชนิด เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง!”
หมอหลวงหลี่เสียใจมาก เขาเดินแล้วสะดุดล้มกับของเล็กๆข้างหน้า เขาสูญเสียการทรงตัว สายตาเหม่อลอยไม่มีสติ
กู้โม่หานเตะไปยังหมอหลวงหลี่ รอบกายแผ่ซ่านไปด้วยแรงอาฆาต “บอกมา ใครสั่งการเจ้า?!”
หมอหลวงหลี่ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง ล้มจนไม่ได้สติ ตกใจกับกู้โม่หานจนฉี่แตก
“ท่านอ๋อง กระหม่อม กระหม่อมไม่ได้รับคำสั่งจากใครทั้งนั้น กระหม่อมแค่เจอเร็วกว่า ดังนั้นก็เลย……”
ถ้าเขาพูดออกมา เขาคงได้ตายอย่างอนาถแน่
เขาจะพูดออกไปแบบนั้นไม่ได้!
กู้โม่หานเห็นหลักฐานที่ชัดเจน หมอหลวงหลี่กลับไม่พูดความจริง เขาจึงโกรธขึ้นมาทันที
“หมอหลวงหลี่ ถ้าเจ้ายอมพูด ข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้า อย่าพูดไร้สาระกับข้า ไม่งั้นข้าจะฟันหัวของเจ้าซะ!”
หนานหว่านเยียนมองไปยังหนานชิงชิงที่ถือผ้าไว้แน่น บีบบังคับหมอหลวงหลี่
“หมอหลวงหลี่ ข้ารู้ว่าท่านกับหยีเฟยไม่ได้มีความแค้นต่อกัน ที่ท่านวางยาพิษหยีเฟย จะต้องมีคนบังคับแน่ ขอแค่ท่านยอมบอกคนที่อยู่เบื้องหลังมา เสด็จพ่ออาจจะยอมไว้ชีวิตท่านก็ได้นะ”
หมอหลวงหลี่มองดูสีหน้าที่เย็นชาของฮ่องเต้ เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป คุกเข่าลงด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนก
“พระชายา ฝ่าบาท อ๋องเฉิงกับพระชายาเฉิงสั่งให้กระหม่อมวางยาพิษหยีเฟยพ่ะย่ะค่ะ……”