ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ #บทที่ 263 กู้โม่หานเป็นตายไม่แน่ชัด
เดิมทีสีผิวของกู้โม่หานก็ขาวอยู่แล้ว ณ เวลานี้เสียเลือดมากเกินไปจนผิวหนังแทบไม่มีสี ซีดจนเกือบจะโปร่งแสงแล้ว
“กู้โม่หาน กู้โม่หาน?”หนานหว่านเยียนตะโกนเรียกเขาไปพลาง ถอดเสื้อของกู้โม่หานไปพลาง จนเผยให้เห็นบาดแผลที่น่าตกใจบริเวณหน้าอกซ้ายของเขา
บาดแผลจากดาบที่ยาวประมาณห้าเซนติเมตร พร้อมเลือดที่ไหลโกรกออกมา หนานหว่านเยียนหยิบผ้าพันหนึ่งม้วนแผลและผงห้ามเลือดออกมาจากห้วงเวลา
นางโรยผงยาลงบนบาดแผลของกู้โม่หานก่อน จากนั้นกัดฟันนำผ้าพันแผลพันแผลให้แน่น
กู้โม่หานเรียนศิลปะการต่อสู้ ร่างกายแข็งแรง นางใช้กำลังไปไม่น้อย ทำอย่างใจจดใจจ่อ และร้องเรียกชื่อกู้โม่หานไปด้วย
“กู้โม่หานเจ้าอย่าหลับไปนะ ครั้งนี้หากหมดสติไป เจ้าอาจจะจากไปตลอดชีวิตเลยนะ!”
“กู้โม่หาน เจ้าจะตายไม่ได้เด็ดขาด!”
หากกู้โม่หานตายแล้ว เรื่องการลอบสังหารก็จะไม่มีความชัดเจน และเป็นไปได้สูงที่ในภายหลังนางจะต้องรับผิดชอบ
และนางไม่อยากติดค้างกู้โม่หานแม้แต่น้อย อย่างไรเสียนางต้องการที่จะอย่ากับกู้โม่หาน
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้แคว้นจินมีโจรพเนจรเกิดความไม่สงบ กู้โม่หานอย่างไรก็เป็นเทพสงคราม หากไม่มีเขา กองทัพจะวุ่นวาย แคว้นก็จะเกิดผลกระทบไปด้วย ต่อให้นางจะหนีไป นางและลูกๆ ของนางก็จะต้องร่อนเร่พเนจร
ทว่าไม่ว่าหนานหว่านเยียนจะร้องเรียกอย่าง กู้โม่หานไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ นางเปิดเปลือกตาของกู้โม่หานดู จากนั้นใช้มือจับชีพจรของชายหนุ่ม
ไม่ได้ เขาเสียเลือกมากเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ตอนนี้หนานหว่านเยียนไม่มีกระจิดกระใจไปสนใจเรื่องมือสังหาร ตอนนี้เวลากระชั้นชิด หากนางลากกู้โม่หานกลับไป คนผู้นี้หนักขนาดนี้ แถมได้รับบาดเจ็บเจียนตาย ระหว่างทางก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก ยิ่งอันตรายกว่าเดิม
เรื่องด่วนที่ต้องจัดการในตอนนี้ จะต้องหาวิธีเคลื่อนย้าย พยายามหาหลีกเลี่ยงวิธีที่เขาอาจจะได้รับบาดเจ็บอีกครั้งหนึ่ง
หนานหว่านเยียนลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นก็รู้สึกเวียนหัวตาลายขึ้นมา การทำงานต่อเนื่องยาวนานและไม่ได้รับประทานอาหารทำให้น้ำตาลตกเล็กน้อย นางฉีดกลูโคสให้กับตัวเองก่อน ใช้เวลาประมาณหนึ่งนาทีก็ค่อยๆ ดีขึ้นมา
กู้โม่หานในสภาพที่ไม่มีสติ จู่ๆ ก็ดึงแขนหนานหว่านเยียนไว้ ทว่าร่างกายอ่อนแอเกินไป มือเขากำลังจะตกลงไป
หนานหว่านเยียนก้มตัวลง ได้ยินเพียงเสียงเม้มริมฝีปากของชายหนุ่ม ใบหน้าที่เดิมทีดุร้ายเคร่งขรึม ตอนนี้ดูเหมือนแกะที่อ่อนปวกเปียก ไม่มีแรงโต้ตอบใดๆ
หนานหว่านเยียนร้อนใจอย่างมาก รีบวิ่งไปยังข้างรถม้า มองดูว่ามีสิ่งใดใช้ได้บ้าง
โชคดีที่มีเพียงหลังคาและด้านข้างของรถม้าได้รับความเสียหายหนัก พื้นไม้ด้านล่างสุดที่เชื่อมต่อกับล้อรถยังมีไม้แผ่นหนึ่งที่ไม่ได้รับความเสียหาย
หนานหว่านเยียนนำรถม้าส่วนนั้นที่ยังสมบูรณ์อยู่ลากออกมา มันรูปร่างเหมือนรถเข็นพอดี สามารถวางกู้โม่หานลงไปคนหนึ่งได้แบบถูๆ ไถๆ
นางถอนหายใจออกยาวๆ และรีบเข็นรถไปไว้ข้างกายกู้โม่หาน ในขณะที่พยายามทำให้แผลของเขาไม่ฉีกขาด เคลื่อนย้ายเขาไปไว้ไปรถม้าอย่างระมัดระวัง“กู้โม่หาน…หนักมากจริงๆ!”
“หากเจ้าไม่ตาย ข้าจะต้องให้เจ้าชดใช้เรื่องในวันนี้ทั้งหมดแน่นอน!”
ดูเหมือนไม่ใช่คนที่หนักอะไร สรุปคือเป็นคนที่ดูผอมเวลาใส่เสื้อ แต่เวลาถอดเสื้อกลับซ่อนรูปมีกล้ามเนื้อ หนักจะตายอยู่แล้ว
การกระทำทั้งหมดนี้ หนานหว่านเยียนออกแรงจนเหงื่อท่วมตัว ทว่ากลับไม่มีเวลาเหนื่อย สองมือจับขอบไม้ไว้แล้วดันไปด้านหน้าอย่างสุดแรง
กู้โม่หานกล่าวไว้ไม่มีผิด ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะมีมือสังหารอีกกลุ่มเข้ามาโจมตีหรือไม่ นางทำได้เพียงแข่งกับเวลาพากู้โม่หานกลับจวนเพื่อทำการผ่าตัด……
ยามบ่าย คนในจวนอ๋องรู้ว่าท่านอ๋องและพระชายาเสด็จเข้าไปในวัง
ทว่าจวบจนพระจันทร์ลอยอยู่เหนือท้องว่าแล้วก็ยังไม่กลับจวน พ่อบ้านกาวและคนของเรือนเซียงหลินต่างก็กระวนกระวายใจ โดยเฉพาะเสิ่นอี่ว์ ยังมีจดหมายที่ค้นออกมารอให้กู้โม่หานกลับมาอ่านอยู่
ตามหลักแล้ว หากค้างในวัง ท่านอ๋องจะต้องส่งคนมาแจ้งเสมอ จะไม่หายไปแบบไม่มีข่าวคราวเลยแม้แต่น้อย
ยามที่ทุกคนกำลังร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง เซียงเหลียนตาไว มองเห็นเงาจากไกลๆ และยังมีเสียงล้อรถที่ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ“นั่นพระชายาใช่หรือไม่?!”
พ่อบ้านกาวมองไปตามเสียง สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที“พระชายา?!”
เสิ่นอี่ว์ไม่แม้แต่จะคิด ใช้วิชาตัวเบาวิ่งเข้าไปหาหนานหว่านเยียน
ภาพตรงหน้าทำให้เขาตกใจจนหน้าถอดสี
หนานหว่านเยียนเข็นรถเข็นมา สองมือที่เรียวเล็กชาและแดงจากความเย็น เข็นไม้นานจนผิวหนังหลุดลอก มีรอยเลือดไหลออกมาไม่หยุด และกู้โม่หานที่ทั้งตัวมีแต่เลือด ผ้าพันแผลบริเวณหน้าอกก็ชุ่มไปด้วยเลือด น่าสยดสยองอย่างมาก!
“ท่านอ๋อง!พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงได้รับบาดเจ็บ?!ผู้ใดทำร้ายท่านอ๋อง!”
พ่อบ้านกาวและเซียงอวี้ก็ตกใจมากจนหน้าถอดสีเช่นกัน
ที่แท้ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ?!
คาดไม่ถึงว่าเทพสงครามจะได้รับบาดเจ็บแล้ว เรื่องนี้ไม่ควรแพร่ออกไป?!
หนานหว่านเยียนเห็นเสิ่นอี่ว์ ราวกับเห็นความหวังสุดท้าย“เสิ่นอี่ว์!เจ้านำเขาส่งกลับไปที่ห้อง ข้าจะผ่าตัดให้เขา!ต้องรีบแล้ว!”
“ขอรับ!”เสิ่นอี่ว์และองครักษ์เฝ้าประตูกระวนกระวายใจช่วยกันแบกกู้โม่หานเข้าไป
ทุกคนตามอยู่ด้านหลังติดๆ
เสิ่นอี่ว์เพิ่งจะนำกู้โม่หานมาวางไว้ในห้อง
หลังจากที่หนานหว่านเยียนและคนอื่นๆ เข้าไปในห้อง เสิ่นอี่ว์ก็รีบเข้าไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ณ เวลานี้พ่อบ้านกาวทั้งกังวลทั้งหวาดกลัว จนอกสั่นขวัญแขวน“พระชายา ตกลงว่านี่คือ…… ”
หนานหว่านเยียนเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ได้ยินมาว่าน่าหวาดกลัว
“อย่างที่เห็น ทางกลับบ้าน พวกเราถูกลอบสังหาร
เมื่อได้เช่นนี้ ใบหน้าของทุกคนแทบไม่อยากเชื่อ เสียวสันหลังวาบจนพูดอะไรไม่ออก
ท่านอ๋องและพระชายาถูกลอบสังหารงั้นหรือ?!ทั่วทั้งปฐพีนี้ผู้ใดกันที่กล้าลอบสังหรณ์อ๋องอี้ คนผู้นี้มีภูมิหลังเป็นอย่างไรกันแน่?!
สีหน้าของเสิ่นอี่ว์มืดลงในทันที ความโกรธของเขาระเบิดออกราวกับเปลวไฟที่โพยพุ่ง
เขาใช้ฝ่ามือทุบลูกกรงบนหน้าต่าง จนลูกกรงสั่นสะเทือนส่งเสียงดังหึ่งๆ
“มีอย่างที่ไหนกัน!คาดไม่ถึงว่าจะกล้าลอบสังหารท่านอ๋อง!หากท่านอ๋องและพระชายาเป็นอะไรไป ข้าจะเอาพวกมันให้ตายไปข้างหนึ่ง!”
พ่อบ้านกาวก็เกิดความรู้สึกแค้นเช่นเดียวกัน“จะต้องนำเรื่องนี้ไปกราบทูลฮ่องเต้!ลงโทษมันผู้นั้นให้สาสม!”
เมื่อพ่อบ้านกาวพูดจบ หางตาของหนานหว่านเยียนก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
อันที่จริงนางไม่อยากนำเรื่องนี้ไปกราบทูลให้ฮ่องเต้กังวลพระทัยอีก ทว่าอ๋องอี้ถูกลอบสังหารเรื่องใหญ่เช่นนี้ อยากจะปิดฟ้าข้ามทะเลปิดบังเช่นไรก็ปิดไม่มิด
“กราบทูลให้ฮ่องเต้ทรงทราบ ทว่าไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น พูดเพียงเรื่องที่ท่านอ๋องถูกลอบสังหารก็พอ”
พ่อบ้านกาวมองหนานหว่านเยียน“ขอรับ บ่าวเข้าใจแล้ว”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินอย่างรีบร้อนออกจากลานบ้านไป
หนานหว่านเยียนหยุดมองดู คนสามคนที่ไว้ใจได้ครู่หนึ่ง
“เสิ่นอี่ว์ เจ้าส่งคนออกไปแอบสืบข่าวคราวของมือสังหารพวกนั้นหน่อย ข้ารีบกลับมา ไม่ทันได้ดู อยู่ในป่าตรงเนินเขาชานเมือง
หากคนเหล่านี้เป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมาจริงๆ พระองค์จะต้องสั่งให้คนมาทำลายหลักฐานเป็นแน่ หากไม่ใช่ จะต้องพบเบาะแสอื่นจากบนตัวศพเหล่านั้นแน่นอน
เสิ่นอี่ว์ฟื้นคืนสติ ขานรับด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“ขอรับ พระชายา!”
เรื่องนี้ ต่อให้หนานหว่านเยียนไม่เอ่ยอะไร เขาก็จะทำ
ภายในห้องมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วห้อง พวกเซียงอวี้มองไปยังหนานหว่านเยียนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“พระชายา มีเรื่องใดที่พวกบ่าวสามารถช่วยได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“มี พวกเจ้ารอเดี๋ยว”หนานหว่านเยียนหยิบเซรุ่มA、Bออกมาจากห้วงเวลา นำมันหยดลงไปในกระดาษทดสอบ และเจาะเลือดจากตัวกู้โม่หานออกมาสองสามหยด จากนั้นหยดลงไปบนกระดาษทดสอบ
แม้ว่าเซียงอวี้และเซียงเหลียนจะไม่เข้าใจว่าหนานหว่านเยียนกำลังทำอะไร ทว่าสองพี่น้องก็ไม่กล้าส่งเสียง เกรงว่าจะรบกวนหนานหว่านเยียน
สักพักหนึ่ง บนกระดาษทดลองสองแผ่นนั้นเลือดและเซรุ่มผสมกันอย่างรวดเร็ว และแข็งตัวอีกด้วย
จากสถานการณ์ในตอนนี้ สีหน้าของหนานหว่านเยียนก็ขรึมลงในทันใด