ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 267 ท่านอ๋องต้องการข้า
“จนถึงตอนนี้เขายังคงไม่แสดงทีท่าว่าจะฟื้นคืนสติ อีกทั้งอาการของเขาในตอนนี้ยังไม่มั่นคง…โดยรวมสถานการณ์ยังไม่ถือว่าดี ข้ายังต้องติดตามดูเขาอีกสักพัก”
หลังจากที่หนานหว่านเยียนพูดจบ ทุกคนดูเหมือนดั่งได้ยินข่าวที่ร้ายแรงมาก นัยน์ตามืดลงทันที
เห็นเช่นนี้ หนานหว่านเยียนยังนึกถึงตอนที่แจ้งครอบครัวผู้ป่วยวิกฤต ในตอนที่ยังอยู่ในยุคปัจจุบัน
กดดัน อึดอัด กังวลใจไม่หยุด อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล…
เสิ่นอี่ว์เป็นกังวลเจียนตาย เขาเดินไปหน้าหนานหว่านเยียน ดวงตาแดงก่ำ เสียงสะอึกสะอื้น
“พระชายา สรุปแล้วท่านอ๋อง…คนเหล่านั้นในคืนนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ขอรับ!”
คนที่เขาส่งไปตรวจสอบยังไม่กลับมา ขณะนี้ได้เพียงหวังว่าหนานหว่านเยียนจะสามารถจำเอกลักษณ์ของมือสังหารเหล่านั้นได้ เขาจะต้องชำระแค้นให้แก่กู้โม่หานอย่างแน่นอน!
หนานหว่านเยียนมองไปยังดวงตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นคู่นั้นของเสิ่นอี่ว์“เจ้าอย่าเพิ่งกังวลไป ที่กู้โม่หานไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ในขณะนี้ เป็นเพราะเขาสูญเสียเลือดมากจนหมดสติไป ข้ายังต้องติดตามดูอาการเขาอีกครั้ง”
“ส่วนมือสังหารเหล่านั้น…พวกเขาเหล่านั้นมีดาบสันโค้งที่ทำเป็นพิเศษของจวนอ๋องเฉิงทุกคน ทว่าข้าและกู้โม่หานคิดเหมือนกันว่า ไม่ใช่อ๋องเฉิง และเขาก็คงไม่มีเวลาคิดเรื่องเช่นนี้ น่าจะเป็นการใส่ความ ดังนั้นต้องให้ทางเจ้าช่วยเรื่องการตามหามือสังหารแล้วล่ะ”
เรื่องนี้นางไม่จําเป็นต้องพูดอะไร ทว่าคนเหล่านี้มีหน้าที่ต้องค้นหาความจริง
พูดจบ ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก ตกใจจนทำอะไรมาถูก
คนจากจวนอ๋องเฉิงงั้นหรือ?
แม้ว่าหนานหว่านเยียนจะพูดเช่นนั้น ทว่าหลายกลับคนรู้สึกว่า ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่กู้โม่เฟิงจะทำเรื่องเช่นนี้
เป็นเวลาหลายปีที่ กู้โม่หานยอมอดทนต่อความอัปยศอดสูเพื่อหน้าที่ ใครจะรู้ว่ากู้โม่เฟิงจะเป็นหมาจนตรอกไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้อง
อย่างไรเสียก็ทีกรณีตัวอย่างที่สังหารบิดา สังหารพี่น้องเพื่อแย่งชิงกันเองในราชสำนักอยู่ไม่น้อย ไม่มีใครรับประกันได้ว่ากู้โม่เฟิงไม่ได้เสแสร้ง
ในที่ที่ไม่มีใครสังเกต พ่อบ้านกาวขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น สายตาแสดงออกถึงความเย็นชาเล็กน้อย
ที่ประตูเรือนซีเฟิง ฝูงชนเดินขวักไขว่ กระซิบกระซาบกัน อีกด้านหนึ่ง หยุนอี่ว์โหรวได้ยินว่ากู้โม่หานได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ฉวยโอกาสขณะที่ไม่มีคนเฝ้าอยู่ หนีออกมาจากเรือนจู๋หลานโดยไม่ได้รับอนุญาต
เชี่ยนปี้หลังจากถูกโบยหนึ่งร้อยครั้ง แม้ว่าจะไม่ถึงแก่ชีวิต ทว่าตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาย หมดสติไม่ฟื้น ทั้งหมดเป็นเพราะหมอรักษาช่วยยื้อชีวิตนางไว้
หยุนอี่ว์โหรวไม่สนใจอีกแล้ว เชี่ยนปี้เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่นางใช้เพื่อหยั่งเชิงกู้โม่หานเพียงเท่านั้น จะตายก็ตายไป เพียงแค่รอนางรักษาสักระยะ ค่อยดึงคนมาจากจวนแม่ทัพอีก ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับนางแม้แต่น้อย
ทว่าอย่างไรก็ตามการที่นางเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้ภายในร่างกายของนางเกิดความเปลี่ยนแปลง แม้ว่าวันหนึ่งจะกินยาวันละสามครั้ง แต่ก็ยังคงกลัวหนาวสั่นกว่าเดิม ทำได้เพียงทำได้เพียงเพิ่มความอุ่นตลอดทั้งวันด้วยเตามือ ไม่มีกำลัง ท่าทางซีดเซียว
วันนี้นางได้ยินว่ากู้โม่หานได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ตื่นตกใจ ยังไงก็จะออกจากเรือนจู๋หลานไปดูเขาให้ไป
นางรักกู้โม่หาน เป็นธรรมดาที่ไม่อยากให้เขาเกิดเรื่องอะไร อีกทั้งเขาก็ที่พึ่งพาเดียวของนางในจวนอ๋องแห่งนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเขานางจะทำอย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีมาก เพียงทำให้กู้โม่หานลืมตาขึ้นมาเห็นนางเป็นคนแรกที่ดูแลเขา แสดงความเอาใจใส่ต่อหน้าเขา การที่นางจะได้รับความชื่นชอบจากเขาอีกครั้งก็จะยิ่งง่ายขึ้น
และเรื่องเช่นนี้ ต้องไม่ปล่อยให้นังหนานหว่านเยียนแย่งไปได้เด็ดขาด!
จากระยะไกลๆ หยุนอี่ว์โหรวก็เห็นหนานหว่านเยียนและเซียงอวี้กำลังรอใครบางคนอยู่ ทันใดนั้นนางก็ตะโกนออกมาอย่างทันที:“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องอยู่ที่ใดกัน?! ข้าต้องการพบท่านอ๋อง!”
เซียงอวี้เห็นหยุนอี่ว์โหรวที่ร้องไห้ในฝูงชน นางขมวดคิ้วทันที
“พระชายารองหยุนหรือ?เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ท่านอ๋องเคยบอกว่าเจ้าต้องถูกกักบริเวณ!”
พ่อบ้านกาวมองไปยังหยุนอี่ว์โหรว เห็นนางกําลังบีบเบียดเข้ามาอย่างสุดชีวิต จึงรีบขวางนางไว้ “พระชายารองหยุน ไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง ท่านไม่สามารถออกจากเรือนจู๋หลานได้ โปรดกลับไปเถิด”
พระชายารองหยุนเพิกเฉยต่อคำห้ามปรามของพ่อบ้านกาว บุกเข้าไปอย่างสุดกำลัง
“พ่อบ้านกาวเจ้าอย่าขวางข้า!ตอนนี้ท่านอ๋องเป็นตายยังไม่รู้ชะตากรรม กฎไม่มีชีวิต คนมีชีวิต เรื่องมาจนถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังไม่ให้ข้าพบเขาอีกหรือ?
“ตอนนี้ท่าอ๋องอาการไม่ค่อยดี เกิดเรื่องกับเขา ข้าก็จะต้องรีบมาอยู่ข้างกายเพื่อดูแลเขา!เจ้ารีบออกไป!”
หนานหว่านเยียนมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวที่ดูอ่อนแอราวกับลมพัดมาก็จะล้มลงไปเช่นนั้น ไม่เอ่ยปากพูดสิ่งใด
แม้แต่ตนเองก็ไม่สามารถดูแลได้ ตอนนี้ยังอยากมาแสดงต่อหน้าอีกงั้นหรือ?
ใบหน้าของพ่อบ้านกาวลำบากใจ “นี่…เป็นสิ่งที่ท่านอ๋องได้ออกคำสั่งไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้พระชายายังทำการรักษาท่านอ๋องอยู่ ตอนนี้ท่านอ๋องยังไม่ฟื้นคืนสติ ท่านกลับไปก่อนเถิด”
หยุนอี่ว์โหรวยังคงดื้อดึง นางสะบัดมือพ่อบ้านกาวออก แต่เป็นเพราะนางผอมแห้งไร้เรี่ยวแรง จึงล้มลงไปบนพื้น
ใบหน้าอัดอั้นของนางมองไปยังหนานหว่านเยียน นางเศร้าโศกเสียใจร่ำไห้น้ำหูน้ำตาไหล
“พระชายา ถือซะว่าข้าขอร้องท่าน ให้ข้าไปดูท่านอ๋องเถิด ข้ารู้ว่าท่านรังเกียจข้า ทว่าถึงที่สุดแล้วท่านกับท่านอ๋องก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ข้าจึงจะเป็นผู้ที่อยู่ในดวงใจของท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ไม่ว่าท่านและข้ามีความเข้าใจผิดอันใดกัน เจ้าก็ไม่ควรขัดขวางไม่ให้ข้าพบท่านอ๋อง!”
“ถึงตอนนี้ข้างกายข้าแม้แต่คนที่จะพูดคุยกับข้ายังไม่มี พระชายาท่านยังไม่พอใจอีกหรือ?ยามที่ท่านอ๋องต้องการข้าที่สุดท่านจะทำให้ท่านอ๋องเจอข้าไม่ได้หรือ?”
หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าหยุนอี่ว์โหรวพูดนั้นสมเหตุสมผล นางก็รู้สึกว่าในขณะนี้กู้โม่หานต้องการคนรักมาปลุกเขาให้ตื่น พูดคุยกับเขาเยอะๆ
หยุนอี่ว์โหรวเป็นรักที่ฝังใจของกู้โม่หาน ไม่มีสิ่งใดผิด
ทว่า…
หนานหว่านเยียนส่ายหัว สายตาที่เย็นชามองไปยังหยุนอี่ว์โหรว
“ความจริงแล้ว ด้วยฐานะของเจ้าควรไปจะไปพบท่านอ๋องจริงๆ ทว่าข้าไม่อนุญาต เรื่องชั่วร้ายที่เจ้าทำทั้งหมด ขายความสมเพชน่าสงสารขอความเห็นใจต่อหน้ากู้โม่หาน เขาตาบอด เขาให้อภัยเจ้า ทว่าเรื่องอะไรข้าจะต้องให้ทำให้เจ้าสมปรารถนาด้วยเล่า?”
“ใครก็ได้! ส่งพระชายารองหยุน กลับเรือนจู๋หลาน และดูแลอย่างเข้มงวด! หากทำให้นางหนีออกมาได้อีก ข้าจะลงโทษพวกเจ้าอย่างหนัก!”
หยุนอี่ว์โหรวใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข นางจึงจะอยู่ได้อย่างสบายใจ
อวี๋เฟิง และเสิ่นอี่ว์กําลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อควบคุมตัว หยุนอี่ว์โหรวกัดฟันและตะโกนเสียงดังว่า “อย่าแตะต้องตัวข้า! ข้าเป็นชายารองหยุนของจวนอี้อ๋อง หากท่านอ๋องฟื้นขึ้นมาและรู้ว่าพวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ จะต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่นอน!”
กล่าวจบ สายตาของนางเหมือนดั่งคมดาบบาดไปยังหนานหว่านเยียน
“พระชายา! เจ้าคิดว่าเจ้าบีบบังคับข้าเช่นนี้ ข้าจะกลัวเจ้างั้นหรือ?ท่านอ๋องต้องการข้า ความรู้สึกที่ท่านอ๋องมีต่อข้าสวรรค์ก็รับรู้ เจ้าไม่ควรขัดขวางข้า ไม่ให้ข้าพบเขา!”
หนานหว่านเยียนยิ้มเยาะ ยั่วยุเย้ยหยันหยุนอี่ว์โหรว
“พูดราวกับว่าเจ้ามีความสามารถมาก เจ้าเป็นหมอเทวดาหรือเป็นพระพุทธเจ้า?สามารถรักษาเขาได้หรือสามารถเป็นแสงส่องสว่างภายในจิตใจเพื่อต่อชีวิตให้เขาได้ เลิกโหวกเหวกโวยวายได้แล้ว วันนี้กู้โม่หานนอนอยู่บนเตียงขยับไม่ได้ หากเจ้ายังไม่หยุดพูดจายั่วยุข้า ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้วไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอก”
ดวงตาทั้งสองของหยุนอี่ว์โหรวแดงก่ำ อารมณ์ที่เกือบจะดุร้ายจ้องมองหนานหว่านเยียน
อาการปวดท้องของนาง เทียบไม่ได้กับความเคียดแค้นที่มีต่อหนานหว่านเยียนในขณะนี้
นางเกลียด เกลียดภาพความเย่อหยิ่งที่ไม่มีผู้ใดในสายตาของหนานหว่านเยียน และยิ่งเกลียดท่าทางหยิ่งผยองที่คิดว่าตัวเองถูกไปหมดของหนานหว่านเยียน
หยุนอี่ว์โหรวฝืนระงับความโกรธไว้ และจ้องมองไปยังหนานหว่านเยียน
“ที่พระชายาขัดขวางไม่ให้หม่อมฉันพบท่านอ๋อง ก็เพียงเพราะอยากจะโจมตีหม่อมฉันก็เท่านั้น หม่อมฉันไม่เข้าใจ ท่านอ๋องเป็นเทพสงครามที่เกรียงไกรที่สุดในใต้หล้า ไม่มีศึกคราใดที่ไม่ได้รับชัยชนะ ไม่มีการโจมตีครั้งไหนที่ไม่สามารถพิชิตได้สักครา คนธรรมดาทั่วไปทำร้ายพระองค์ไม่ได้หรอก”
“วันนี้เขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพระชายาเป็นตัวถ่วงท่านอ๋อง ท่านอ๋องจึงได้รับบาดเจ็บเพราะปกป้องท่าน หรือ…บาดแผลของท่านอ๋อง ที่แท้ก็เป็นท่านเองที่ลอบสังหาร?!”
เมื่อคําพูดนี้จบลง ทันใดนั้นบรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นทันที…