ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 268 เจ้ากำลังร้องไห้ไว้ทุกข์หรือ
ทุกคนตกใจ และไม่เคยคิดว่าหยุนอี่ว์โหรวจะพูดออกมาเช่นนี้
และคําพูดนี้ของนางเป็นการก็โยนความผิดให้หนานหว่านเยียน ทำให้ทุกคนคิดว่าการที่กู้โม่หานถูกลอบสังหาร ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มิฉะนั้น เป็นถึงเทพสงคราม เหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บอย่างง่ายดาย?
ใบหน้าของหยุนอี่ว์โหรวซีดเผือด กัดฟันจ้องมองหนานหว่านเยียนที่หยิ่งผยอง
“เหตุใดพระชายาไม่พูดเล่า หรือว่าข้าพูดแทงใจพระชายางั้นหรือ? ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บอย่างแปลกประหลาดพระชายากลับปลอดภัยหายห่วง เรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยหลายอย่าง”
การทิ้งระเบิดครั้งนี้ของนางรุนแรงมาก แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือหนานหว่านเยียน ทว่าพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังหนานหว่านเยียน
แม้แต่พ่อบ้านกาวก็อดคิดไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บสาหัส หากคนในค่ายทหารรู้ จะต้องเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาต้องหาความรับผิดชอบจากใคร ก็ยังไม่ทราบ
ดวงตาที่สดใสของหนานหว่านเยียนเย็นชาดุจน้ำแข็ง เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดแสดงพลังงานบางอย่าง และความโกรธที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
อวี๋เฟิงกับเสิ่นอี่ว์และคนอื่นๆ เชื่อหนานหว่านเยียนอย่างแน่นอน อวี๋เฟิงอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับหนานหว่านเยียนพูดเพียงเท่านั้น
“หยุนอี่ว์โหรว ข้าว่าเจ้าน่ะเป็นหมาที่เลิกกินขี้ไม่ได้จริงๆ เรื่องยุแยงคนอื่นเจ้านี่ถนัดที่สุด เพิ่งจะมีปัญหาภายนอกเจ้าก็อยากจะก่อความวุ่นวายภายใน ข้าว่าเจ้ามากกว่าที่ทำตัวเหมือนสายลับ หากไม่ใช่เพราะข้ายื่นมือเข้าช่วยเหลือ กู้โม่หานจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้หรือ?”
บ่าวหลายคนรู้สึกได้ทันทีว่าสมเหตุสมผล และพวกเขาพากันมองไปที่ หยุนอี่ว์โหรว มีหลายคนไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีจวนอ๋องอี้ก็มีคนตื่นตระหนกมากพอแล้ว พระชายารองยังมาใส่ร้ายพระชายาถึงที่นี่ ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเสียจริง
ใบหน้าของหยุนอี่ว์โหรวเซื่องซึมลง เมื่อต้องการจะโต้แย้ง“ข้าไม่ได้… ”
“ไม่ได้อะไรงั้นหรือ?” สีหน้าที่เย็นชาของหนานหว่านเยียน ดวงตาทั้งสองของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ตอนนี้เจ้ากําลังร้องไห้อยู่ที่หน้าประตูจวนของกู้โม่หาน ตะโกนบอกว่าเขาจะตายต้องพบหน้าเขาให้ได้ นี่เจ้าจะรีบร้องไห้ไว้ทุกข์ให้เขาล่วงหน้าอย่างนั้นหรือ?ตอนนี้เจอไม่ได้ต่อไปก็เจออีกไม่ได้อย่างนั้นหรือ?รีบไสหัวไป อย่ามาขวางหูขวางตาข้า”
ใบหน้าของนางยิ่งเปลี่ยนไปจากเดิมอีก นางไม่กล้าแม้แต่จะหลั่งน้ำตา “พระชายา ข้าเพียงแค่เป็นห่วงท่านอ๋อง… ”
ทุกคนไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาเป็นห่วงกู้โม่หาน สวดภาวนาอย่างต่อเนื่องขอให้กู้โม่หานสามารถผ่านพ้นไป จะให้มีคนมาพูดคำพูดอัปมงคล ทำเรื่องอัปมงคล ต่อหน้าได้อย่างไร
ท่าทางของหยุนอี่ว์โหรวเป็นการร้องไห้ไว้ทุกข์ เสิ่นอี่ว์มองไปยังหยุนอี่ว์โหรวด้วยใบหน้าที่จริงจัง “พระชายารอง โปรดกลับไปเถิด”
จิตใจของหยุนอี่ว์โหรวนิ่งลงทันที เจ็บปวดราวกับถูกมีดหั่นเป็นชิ้นๆ
ฝีปากหนานหว่านเยียนคมคายจริงๆ คําพูดเพียงไม่กี่คําสามารถทําให้สถานการณ์กลับตาลปัตรได้
เห็นได้ชัดว่านางต้องการทำให้หนานหว่านเยียนถูกรังเกียจ ได้รับความอับอาย คาดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดเป็นนางที่ถูกรังเกียจเสียเอง
ทว่าหยุนอี่ว์โหรวไม่ยอมจากไป กัดฟันยกกระโปรงคุกเข่าลงอย่างรุนแรง สายตาทั้งสองของนางจ้องมองไปยังประตู
“พระชายา ข้ารักท่านอ๋องท่านที่สุด ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายท่านอ๋องอย่างแน่นอน ไม่ว่าท่านจะพูดอะไรเพื่อใส่ร้ายข้า วันนี้ไม่ได้พบเขา ข้าก็จะไม่ไปไหน!”
ในสายตาของทุกคน มองไปแล้วรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทว่ากลับไม่กล้าเข้าไปขัดขวาง ถึงอย่างไรก็เป็นถึงพระชายารอง แม้ว่าท่านอ๋องจะผิดหวังในตัวนางอยู่บ้าง ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็เป็นถึงพระชายารอง ใครจะกล้าดูหมิ่นนางกัน?
ใบหน้าอันงดงามของหนานหว่านเยียนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา “งั้นก็คุกเข่าไปเถิด หากคุกเข่าจนตายแล้ว ส่งไปที่สุสาน หากไม่ตาย ใครก็ห้ามให้นางลุกขึ้นมาเด็ดขาด!”
ในเมื่อหยุนอี่ว์โหรวอยากคุกเข่า อยากเป็นที่สนใจของชาวบ้าน อย่างนั้นก็ช่วยให้นางสมปรารถนา ข้าไม่ถือสาที่จะสร้างโอกาสให้กับดอกบัวขาวน้อย (*ภายนอกดูบริสุทธิ์ แต่ความจริงกร้านโลก) หรอก
กล่าวจบ นางจึงหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน ติดตามอาการของกู้โม่หาน
นางยังไม่กล้าจากไปในตอนนี้ กู้โม่หานยังไม่ผ่านช่วงวิกฤต หากนางกลับไปกลับไปเรือนเซียงหลิน ถ้าเกิดวิกฤติอะไรขึ้นมาแล้วค่อยกลับมาช่วยชีวิตเขา มันจะสายเกินไป
หากนางคุกเข่าจนตายไป ก็ส่งนางไปที่สุสานหรือ?!
หยุนอี่ว์โหรวโกรธมาก นางมองไปรอบๆ ทว่าไม่มีใครออกเสียงโต้แย้ง และยิ่งไม่มีใครไม่เชื่อฟังหนานหว่านเยียน
ริมฝีปากสีขาวของนางสั่นระริก นิ้วทั้งสิบของนางฝังเข้าไปในเนื้อ และความเจ็บปวดในใจของนาง ดวงตาสีแดงเข้มของนางจ้องไปยังด้านหลังของหนานหว่านเยียน
ฝากไว้ก่อนเถิด รอนางพลิกสถานการณ์กลับมาได้เมื่อไหร่ นางจะต้องทำให้หนานหว่านเยียนตายอย่าน่าสมเพช! ตายไปพร้อมกับนังลูกนอกคอกนั่น!
เสิ่นอี่ว์ตามหนานหว่านเยียนเข้าไปในจวน เขาเห็นกู้โม่หานที่อยู่บนเตียงกำลังให้น้ำเหลือ บาดแผลบริเวณหน้าอกหนานหว่านเยียนจัดการเรียบร้อยแล้ว
ทว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของชายผู้นั้นซีดเซียวและอ่อนแรง ดวงตาที่สวยงามเรียวยาวคู่หนึ่งปิดสนิท แลดูอ่อนแอมาก
เสิ่นอี่ว์ทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เหตุใดท่านอ๋องจึงต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้?!
อยากจะนำตัวมือสังหารมาลงเสียโทษจริงๆ !
หนานหว่านเยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ นางขยี้หัวของตัวเอง“มัวแต่ยุ่งอยู่นาน ยังไม่ได้ถามเลยว่าตอนนี้เด็กน้อยสองคนนั้นของท่านอยู่ที่ไหนกัน? ท่านน้าของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตั้งแต่กลับมาถึงจวนนางยุ่งหัวหมุนไปหมด ไม่มีเวลาไปดูสองคนพี่น้องนั่น ไปดูอาการโม่หวิ่นหมิงยิ่งไม่มีเวลาเลย
และนางก็รู้ดีว่า หลังจากที่เรื่องนี้แพร่ออกไป คนในวังก็น่าจะใกล้มาถึงในเร็วๆ นี้
แต่ก่อนที่นางสามารถปกปิดเรื่องเด็กๆ ได้ ประการแรกคือจวนอ๋องไม่เคยมีคนในวังเข้ามา ประการที่สองคือต่อให้หยุนอี่ว์โหรวรู้ นางก็จะไม่พูดอะไรมาก ต่อให้พูดออกไปก็จะไม่เป็นผลดีต่อตัวนางนัก
ทว่าคนจากในวังมีความคิดมากมาย โดยเฉพาะที่ช่วงนี้ที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หากถูกราชสำนักรู้ถึงการมีอยู่ของสองคนพี่น้องนี้เข้า แบบนั้นนางก็จบเห่
ความคิดของเสิ่นอี่ว์ถูกดึงกลับมาเป็นใบหน้าที่จริงจัง
“ตอนนี้คุณหนูทั้งสองอยู่ที่บ้านท่านน้าของท่าน ไม่ได้ออกไปที่ไหน พระชายาวางใจได้ คุณหนูทั้งสองก็รู้เรื่องอาการบาดเจ็บขอรับ”
“เดิมทีคุณหนูทั้งสองเกรงว่าท่านจะรับบาดเจ็บ และอยากมาดูกัน ทว่าต่อมาทราบว่าท่านปลอดภัยหายห่วง ก็ไม่ได้เป็นกังวลอะไรอีกขอรับ”
หนานหว่านเยียนถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก ก็ถือว่าหินในหัวใจของนางได้ตกลงมาแล้ว
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยอยู่กับโม่หวิ่นหมิง น่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว
“ส่งคนไปดูแทนข้าหน่อย อย่าปล่อยให้เด็กทั้งสองคนออกจากบ้าน”
ทันทีที่นางพูดจบ ก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านกาวเคาะประตูอย่างรีบร้อนดังมาจากนอกห้อง “พระชายา องครักษ์เสิ่น เฟิ่งกงกงมาแล้วขอรับ… ”