ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 280 หนานหว่านเยียน เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า
เฟิ่งจงฉวนรีบคุกเข่าลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยอยู่”
“สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง? ประชาชนที่จราจลมีประมาณกี่คน?”
เฟิ่งจงฉวนเหงื่อซึม นับจากที่มีประชาชนจราจล ฮ่องเต้ก็ถามตัวเลขนี้อยู่ตลอด จึงพูดตอบว่า “เรียนฝ่าบาท ไม่นับในค่ายทหาร ประชาชนที่ชุมนุมอยู่หน้าประตูวัง….มีมากกว่าหมื่นคนแล้ว”
มากกว่าหมื่น?
“เมื่อเช้าบอกว่าแค่สองพันกว่าคนไม่ใช่หรือ?” ฮ่องเต้ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ากู้โม่หานได้ใจประชาชนไปมากมายขนาดนั้น ภายในเวลาอันสั้น มีคนกดดันเพื่อเขามากมายขนาดนี้
เฟิ่งกงกงพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนกหวาดกลัวว่า “ฝ่าบาท เรื่อง เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่รู้”
หากปล่อยแบบนี้ต่อไปคงกู้สถานการณ์กลับคืนมาไม่ได้แล้ว รอไม่ถึงพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ คืนนี้ประชาชนเมืองหลวงนับหมื่นก็จะสามารถล้อมรอบทั่วทั้งพระราชวัง
สีหน้าฮ่องเต้ย่ำแย่มาก ในที่สุดก็ร้อนรนขึ้นมา
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ให้หนานหว่านเยียนช่วยชีวิตอ๋องอี้ไว้ให้ได้ ส่วนป้ายสั่งการทหาร ยังไม่ต้องพูดถึง”
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้” สีหน้าเฟิ่งกงกงเปลี่ยนไปเล็กน้อย กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบจัดการออกจากวังไปทันที
รอเมื่อเฟิ่งกงกงมายังจวนอ๋องอี้อีกครั้ง กู้โม่หานก็เริ่มแกล้งตายอีก
สายตาเฟิ่งกงกงมองดูกู้โม่หานที่นอนไม่ฟื้นอยู่บนเตียงอย่างเฉียบคม และก็ไม่พูดอ้อมค้อมกับหนานหว่านเยียน พูดขึ้นมาตรงๆว่า “พระชายา ฝ่าบาทให้ข้ามาวันนี้ เพราะอยากบอกกับท่านว่า เรื่องป้ายสั่งการทหาร ฮ่องเต้ให้ท่านพักไว้ก่อน”
ผลเป็นไปตามที่หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานคาดไว้ ภายใต้ความกดดันของไทเฮากับการจราจลของประชาชน การโจมตีทั้งสองฝ่ายทำให้กู้จิ่งซานต้องครุ่นคิดใหม่
หนานหว่านเยียนกลับแสดงสีหน้าค่อนข้างตกตะลึง
“เสด็จพ่อไม่เอาแล้วก็ง่ายหน่อย ยังไงเดิมป้ายสั่งการทหารก็ไม่อยู่กับข้า ข้าก็ไม่ต้องลงมือแล้ว”
“แต่เฟิ่งกงกง เสด็จพ่อคงไม่ได้ให้ท่านมาบอกเพียงแค่นี้มั้ง?”
เฟิ่งจงฉวนมองดูหนานหว่านเยียน ดวงตาที่เฉียบคมเป็นประกาย
เขากระซิบเสียงต่ำ น้ำเสียงค่อนข้างแข็งกร้าว
“ข้าชอบคบหากับคนฉลาดอย่างพระชายา ฮ่องเต้ยังพูดว่า พระชายาต้องรักษาอ๋องอี้ให้หาย ต้องทำให้เขาฟื้นคืนกลับมาให้ได้”
หนานหว่านเยียนกะพริบตา กลับมองเห็นกู้โม่หานที่อยู่บนเตียงถอนหายใจ
“ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรงๆ เฟิ่งกงกง ท่านเองก็เห็น สถานการณ์ท่านอ๋องตอนนี้ ไม่เพียงบาดเจ็บไปถึงหัวใจ ยังส่งผลกระทบไปถึงประสาททั้งหมด บางทีสมองอาจได้รับผลกระทบสาหัส”
“และตอนนั้นเขาเสียเลือดมาก ถึงตอนนั้นข้าจะพยายามช่วยชีวิตไว้ แต่ยังไงสองวันนี้ก็ไม่กล้ารักษาเขาอีก ทำให้จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ฟื้น ต่อให้ข้าชำนาญการแพทย์แค่ไหน ก็อาจจะไม่มีทางช่วย…”
กู้โม่หานรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา หนานหว่านเยียนคิดจะทำอะไร?
เฟิ่งจงฉวนร้อนใจขึ้นมาทันที
“ไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้อ๋องอี้ห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด พระชายาจะต้องช่วยกลับมาให้ได้”
“ใช่ว่าข้าไม่อยาก ฮ่องเต้เปลี่ยนใจไปมา เดิมอ๋องอี้ก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่ช่วยเขา ข้าก็ไม่ได้มีความมั่นใจ ตอนนี้ยื้ออาการไว้จนยิ่งสาหัส ไม่แน่ใจจริงๆว่าจะสามารถช่วยได้……”
เฟิ่งจงฉวนร้อนใจขึ้นมาอย่างที่สุด
“ข้าเข้าใจแล้วว่าพระชายาต้องลำบากแค่ไหน ฮ่องเต้มีรับสั่ง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ต้องช่วยคนไว้ รอเมื่อพระชายาช่วยอ๋องอี้ฟื้นกลับมาแล้ว หากมีความต้องการอะไรก็พูดออกมาได้เลย หากสมเหตุสมผล ข้าเชื่อว่า ฮ่องเต้ต้องยอมตกลงให้ท่านแน่”
หนานหว่านเยียนพอใจขึ้นมาทันที กลับยังพูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด….ตั้งใจช่วยรักษาท่านอ๋อง”
ตั้งใจพวกประโยคพวกนั้น นางมีความคิดเป็นของตนเอง บนเรื่องที่กู้โม่หานบาดเจ็บสาหัส นางถูกจำกัดอย่างมากมาย ยังไงก็ต้องได้ผลตอบแทนคืนกลับมาบ้าง
ที่ผ่านมาฮ่องเต้ไม่ให้นางหย่า แต่ครั้งนี้ นางจะให้ฮ่องเต้ยอมตกลงด้วยตนเอง
ปกติฮ่องเต้อาจจะไม่สนใจ แต่ตอนนี้เขาขี่หลังเสือแล้วลงยาก เขาจะยอมรับเงื่อนไขของนางอย่างแน่นอน
รอเมื่อนางหย่ากับกู้โม่หาน ก็จะจากไปให้ไกลที่สุด
หนานหว่านเยียนไม่รู้ว่า ต่อไปนางจะสมหวังดั่งปรารถนาไหม ที่จะได้หย่ากับกู้โม่หานอย่างราบรื่น….
เห็นหนานหว่านเยียนตอบตกลง ท่าทีเฟิ่งจงฉวนค่อยอ่อนโยนลง
“งั้นข้าก็จะกลับไปเรียนฮ่องเต้ รอข่าวดีของพระชายา พยายามช่วยให้ท่านอ๋องฟื้นขึ้นมา”
พูดเสร็จ เฟิ่งกงกงหันไปโค้งคำนับหนานหว่านเยียน แล้วรีบเดินออกไป
“เฟิ่งกงกงเดินทางกลับโดยปลอดภัย” หนานหว่านเยียนไปส่งเขาถึงหน้าประตู แล้วกลับเข้ามาอย่างเหม่อลอย
นางเพิ่งปิดประตู นางก็สัมผัสได้ถึงสายตาแห่งความโกรธพร้อมควบแน่นไปด้วยความรุนแรง
กู้โม่หานแทบไม่สามารถระงับความต้องการที่จะลุกขึ้นมา เวลานี้เขายิ่งอยากลงจากเตียง พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดตรงหัวใจไว้ คว้าดึงหนานหว่านเยียนมาเผชิญหน้ากับตน
“หนานหว่านเยียน เจ้าตั้งใจจะทำอะไร?”
“ใช้ประโยชน์จากข้าแลกเปลี่ยนกับเสด็จพ่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังเล่นอยู่กับความตาย?”
เริ่มเมื่อกี้ จู่ๆหนานหว่านเยียนก็พูดสร้างความลำบากใจให้กับเฟิ่งกงกง ในใจกู้โม่หานรู้สึกไม่เป็นสุขขึ้นมา
หนานหว่านเยียนมองดูรอยเลือดซึมบนหน้าอกของเขา ขมวดคิ้วสะบัดแขนกู้โม่หาน พร้อมพูดขึ้นว่า “มีอะไรต้องหยั่งเชิง ตอนนี้เสด็จพ่อของเจ้าต้องพึ่งข้า ข้าก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก แค่อยากหย่ากับเจ้า”
หย่า?
เขารู้อยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่นิ่งดูดาย มีโอกาสก็คิดหนี
กู้โม่หานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ บาดแผลในใจเหมือนถูกมดนับพันกัดกิน กลับไม่ใช่เพราะบาดแผล แต่เป็นอย่างอื่น
เขาโกรธจัด เอื้อมมือดึงหนานหว่านเยียนมากอดแนบอก ต่อให้ร่างกายเจ็บปวดแค่ไหน แต่สมรรถภาพทางกายของเขาที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มายาวนาน ทำให้เขามีพละกำลังอย่างไม่ธรรมดา ฉุดหนานหว่านเยียนมาโยนลงบนเตียง
หนานหว่านเยียนล้มเข้าไปในผ้าห่ม ตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าทำอะไร?”
นางจะลุกขึ้นมา ไหล่กลับถูกกดทับไว้ แล้วผลักกลับไปบนเตียง ผู้ชายสวมทับอยู่ข้างบน มองดูอยู่อย่างโกรธจัด
“หนานหว่านเยียน เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ทำไมถึงคิดแต่ร้อนใจอยากจะหย่า ข้า…..”