ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่286 ท่านอ๋องมีคำสั่ง พระชายาห้ามออกไปข้างนอก
หลังจากนั้น ค่อยฆ่าลูกของหนานหว่านเยียน!
หยุนอี่ร์โหรวยิ้มหน้าบาน ความรู้สึกเศร้าหมองในช่วงนี้ ในที่สุดก็สลายหายไปในทันที……
ข่าวที่กู้โม่หานฟื้นแล้ว ไม่เพียงแต่กระจายไปทั่วทั้งจวน ยังกระจายไปทั่วทั้งเมืองอีก พวกชาวบ้านต่างก็คิดว่าคำขอพรเป็นดั่งหวังแล้ว ก็ไม่ก่อจลาจลอีก ต่างก็แยกย้ายกันไป
และพวกทหารของค่ายเสินเชื่อต่างก็รู้ดีแก่ใจ จะต้องเป็นฝีมือของหนานหว่านเยียนแน่ ช่วยชีวิตของกู้โม่หานไว้ได้ ในเมื่อเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลโศกเศร้าต่อไป หันหลังไปฝึกซ้อมกันต่อ
ฮ่องเต้กู้จิ่งซานก็ต้องได้ข่าวอยู่แล้ว
เขาถอนหายใจยาวๆ แต่ใบหน้ากลับเย็นชามาก สายตากลับแฝงไปด้วยเลศนัย
เฟิ่งจงฉวนยืนอยู่ข้างๆ ช่วยฮ่องเต้เทน้ำชา หลังจากที่เขาคุยกับหนานหว่านเยียนเสร็จ ก็รีบกลับเข้าวังหลวง รายงานฮ่องเต้ เกี่ยวกับสถานการณ์ของกู้โม่หาน
อาการของกู้โม่หานไม่ค่อยดีนัก แต่หนานหว่านเยียนก็ช่วยเต็มที่ แต่นางบอกเงื่อนไขว่า หลังจากที่ช่วยคนได้แล้วขฌ นางจะเข้าวังมาบอกกับฮ่องเต้เอง
ฮ่องเต้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่รอข่าวที่กู้โม่หานฟื้นมาตลอด
ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว กู้โม่หานก็ฟื้นได้สักที
“ฝ่าบาท ตอนนี้อ๋องอี้ฟื้นแล้ว ชาวบ้านและทหารที่ประท้วงเมื่อวาน ต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตัวเองแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ควบคุมได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่เฟิ่งกงกงก็รู้ดีแก่ใจ ถ้ากู้โม่หานยังไม่ฟื้น ทั้งเมืองและค่ายทหารก็คงก่อจลาจลกันจนไม่สงบแน่
และหลังจากวันนั้นที่ไทเฮาเตือนกู้จิ่งซาน ก็เห็นแล้วว่ากู้โม่หานไม่ธรรมดาเลย
เป็นแค่อ๋องอี้ แต่กลับได้ใจของประชาชนและทหาร พอเขาเกิดเรื่องขึ้น ทุกคนก็กังวลกันไปหมด
เขาแสยะยิ้มเย็นชาขภ “เฟิ่งจงฉวน ข้ามีลูกชายที่ดีจริงๆนะ”
“มีความกล้าหาญไม่พอ ยังได้รับความชื่นชอบจากประชาชนและทหาร ถ้าข้ายังเป็นแบบนี้อีก สละตำแหน่งให้เขาเลยดีไหม? ไม่ต้องกังวลอะไรอีก และไม่ต้องวุ่นวายกับอะไรอีก!”
คนอื่นได้ยินแล้ว อาจจะคิดว่าพ่อมีเมตตาลูกกตัญญู แต่เฟิ่งจงฉวนกลับฟังออกว่า ฮ่องเต้หมายความอย่างอื่น จะต้องระวังกู้โม่หานคนแบบนี้ไว้ให้ดี
ไม่งั้น บัลลังก์ของกู้จิ่งซานคงจะต้องสละให้ลูกชายของเขาแล้ว
เขารีบพูดประจบทันที “ฝ่าบาทพูดอะไรกัน? ท่านยังแข็งแรงขนาดนี้ ชีวิตนี้ยังอีกยาวไกลนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้แสยะยิ้มเย็นชา สายตาประกายไปด้วยแรงอาฆาต
“ข้าไม่ควรใจอ่อนเลย ในเมื่อคนพวกนั้นแยกย้ายกันหมดแล้ว งั้นก็ค่อยคิดบัญชีทีหลังแล้วกัน!”
เฟิ่งจงฉวนตกตะลึง “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ยังไงก็เป็นจักรพรรดิ จะยอมเสียเปรียบขนาดนี้ได้ยังไง
อ๋องอี้ ขอให้โชคดีแล้วกัน……
ตอนที่หนานหว่านเยียนตื่นก็เช้าแล้ว
นางเหนื่อยมาก นอนไปทั้งวันทั้งคืน
แต่ตอนนี้พักผ่อนพอแล้ว ตื่นมาก็สดชื่นมาก เพิ่งเปิดประตูสูดอากาศ
เซียงอวี้กลับเฝ้าอยู่หน้าประตูตลอด พอเห็นหนานหว่านเยียน ก็รีบพึ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น
“พระชายา! ท่านอ๋องฟื้นแล้วเจ้าค่ะ! ท่านเป็นหมอเทพจริงๆ ช่วยชีวิตของท่านอ๋องได้!”
หนานหว่านเยียนไม่ตกใจ ใบหน้างามนั้นเรียบเฉย
ในเมื่อฮ่องเต้ไม่ถามเรื่องอำนาจทหารของกู้โม่หาน กู้โม่หานฟื้นแล้ว สำหรับประชาชนและทหารเป็นเรื่องที่ดี
เพราะยังไง การก่อจลาจลต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี กู้โม่หานมองสถานการณ์ออก ถึงเวลาหยุดก็หยุด ไม่ยื้อเวลาแน่นอน
เซียงอวี้ยังสงสัยว่าทำไมหนานหว่านเยียนถึงใจเย็นขนาดนี้ เหมือนเดาได้นานแล้ว ด้านหลังมีเสียงออดอ้อนดังขึ้น
“ท่านแม่!” ซาลาเปากับเกี๊ยวน้อยตื่นเช้ามาก ทั้งสองกินข้าวเช้ามาแล้ว ท้องกลมป่องเลย แก้มแดงระเรื่อดูน่ารักน่าชัง รีบวิ่งมาหาหนานหว่านเยียน
หนานหว่านเยียนใจอ่อนระทวย นั่งลงไปบีบแก้มของพวกนางเล่น “วิ่งเร็วขนาดนี้ ระวังจะอ้วกของที่กินเข้าไปแล้วออกมานะ”
เกี๊ยวน้อยยิ้มหน้าบาน “ไม่เป็นไร! ข้ากับซาลาเปายังกินไม่อิ่มเลย ใช่สิท่านแม่ คนเลวนั่นฟื้นแล้ว ท่านแม่รู้ไหม?”
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้น เหมือนไม่คิดว่าเกี๊ยวน้อยจะถามแบบนี้
แล้วมองไปยังซาลาเปา สีหน้าลำบากใจ เหมือนกำลังปกปิดอะไรนางอยู่
“อืม ข้ารู้ พวกเจ้าไปเจอมาแล้ว?” หนานหว่านเยียนก็ไม่เดา แล้ว ถามไปตรงๆ
เกี๊ยวน้อยอึ้ง ไม่คิดว่าหนานหว่านเยียนจะไหวพริบเร็วขนาดนี้ นางแลบลิ้นอย่างอึดอัด ดึงหนานหว่านเยียนไปข้างๆ หลบสายตาของเซียงอวี้
สองพี่น้องยืนตรงหน้านาง ตื่นเต้นจนถูมือ
เกี๊ยวน้อยพูด: “พวกเราใช้โอกาสตอนที่ท่านแม่นอนอยู่ แอบไปเยี่ยมเขา”
“แต่ท่านแม่วางใจได้! พวกเราไปเพราะเขาช่วยท่านแม่ไว้ ไม่มีความคิดอื่นแน่นอน!”
ซาลาเปาพยักหน้า นัยน์ตาดำขลับกลมโตนั้นกะพริบตาไม่หยุด “อืมๆ! จากนั้นพวกเราก็เห็นว่าเขาไม่เป็นไรมาก ก็เลยกลับมา ไม่ได้วิ่งเล่นเลย!”
หนานหว่านเยียนไม่ได้โกรธพวกนางหรอก แค่เป็นห่วง กลัวว่าจะมีคนคิดไม่ซื่อเข้าใกล้พวกนาง และรู้ตัวตนของพวกนาง จะทำยังไงล่ะ
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้แสดงออกมา ช่วยนางจัดผมของพวกนางอย่างอ่อนโยน
“แม่ไม่โทษพวกเจ้าหรอก เขาพูดอะไรกับพวกเจ้าบ้างเหรอ?”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปานึกถึงความลับระหว่างพวกนางกับกู้โม่หาน คิดแล้วก็เลือกที่จะไม่บอกกับหนานหว่านเยียน
“เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ว่า” เกี๊ยวน้อยพูดอย่างได้ใจ: “ท่านแม่ คนเลวนั่นรังแกง่ายจริงๆ เมื่อวานข้ากับซาลาเปาบอกว่าจะแต่งหน้าให้เขา เขาก็ยังยอมให้แต่งด้วย”
ซาลาเปาดูตื่นเต้นมาก แสดงภาพเมื่อวานให้หนานหว่านเยียนดู
“ท่านแม่ ข้ากับพี่สาวใช้น้ำมันหอมระเหยวาดไปบนใบหน้าของเขา! จากนั้น จากนั้นก็……”
หนานหว่านเยียนเห็นสองพี่น้องดีอกดีใจ ก็รู้สึกตกตะลึงมาก ใบหน้าขาวเนียนนั้นก็เข้มงวด รู้สึกได้ถึงความอันตราย
ไม่คิดว่ากู้โม่หานยังมีความสามารถในการเอาใจคนญด ลูกสาวของนางจะโดนเขาหลอกไปแล้ว ถึงแม้จะเรียกเขาว่าคนลุง แต่เห็นได้ชัดว่าพวกนางเป็นห่วง……
“ท่านแม่?” ซาลาเปาโบกมือตรงหน้าหนานหว่านเยียน “ท่านแม่กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”
หนานหว่านเยียนก็ถึงได้สติ เก็บความคิดในใจไว้ นางจับมือสองพี่น้อง ใบหน้างามนั้นจริงจังมากขึ้น
“ไม่มีอะไร แต่ครั้งหน้าพวกเจ้าอย่าแอบวิ่งออกไปอีกนะ แม่เป็นห่วง รู้ไหม?”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาพยักหน้า “ได้ พวกเราจะฟังท่านแม่เจ้าค่ะ”
“อืม” หนานหว่านเยียนพยักหน้า “ตอนนี้ไปเรียนกับหมัวมัวกับพี่เซียงอวี้เถอะ?”
สองพี่น้องจุ๊บแก้มของหนานหว่านเยียน แล้วตามเซียงอวี้ไปเรียน
พวกนางไปแล้วจท สีหน้าของหนานหว่านเยียนก็มืดมนลง
นางขมวดคิ้ว กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ก็เรียกอวี๋เฟิงเดินไปที่หน้าประตูจวน
อวี๋เฟิงถามหนานหว่านเยียนอย่างสงสัย “พระชายา พวกเรารีบเดินขนาดนี้ จะไปไหนเหรอขอรับ?”
หนานหว่านเยียนสีหน้าไร้อารมณ์ ในเมื่อกู้โม่หานให้ทุกคนรู้แล้วว่าเขาฟื้นแล้ว งั้นนางก็จะเข้าวังไปบอกเงื่อนไขกับฮ่องเต้
“เข้าวัง”
อวี๋เฟิงเห็นนางสีหน้าไม่ดี ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
ทั้งสองเพิ่งเดินไปหน้าประตู กลับโดนทหารสองคนขวางทางไว้ “พระชายา ห้ามออกไปขอรับ”
หนานหว่านเยียนชะงักฝีเท้า รอบกายแผ่ซ่านไปด้วยแรงอำมหิต
“ทำไม ข้าจะออกไป พวกเจ้าก็กล้าขวางงั้นเรอะ?”
“ข้าน้อยมิบังอาจขอรับ” ทหารสองนายยกมือคารวะ พูดอย่างลำบากใจว่า: “ทหารมีคำสั่งว่า ห้ามให้พระชายาออกนอกจวนขอรับ”
ให้ตายสิ!
หนานหว่านเยียนโมโห “กู้โม่หานเจ้าบ้านั่น กล้าถีบหัวส่งนางงั้นเหรอ……”