ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 287 หนานหว่านเยียน เจ้าเป็นห่วงข้าเหรอ

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่287 หนานหว่านเยียน เจ้าเป็นห่วงข้าเหรอ?

ทหารสองนายเหงื่อแตกพลั่ก “พวกเราไม่ได้อยากขวางพระชายาหรอก ท่านอ๋องบอกว่า นี่เป็นช่วงอันตราย ตอนนี้ห้ามให้ทุกคนออกจากจวนขอรับ……”

อวี๋เฟิงพูดด้วยสีหน้ากังวล “พระชายา นี่เป็นเรื่องจริงขอรับ ท่านอ๋องออกคำสั่งนานแล้ว ไม่ได้จะห้ามท่านคนเดียวนะขอรับ”

แต่เขาคิดว่าพระชายายังไงก็เป็นพระชายา ไม่คิดว่าจะห้ามไม่ให้ออกไปด้วย

หนานหว่านเยียนมองขวางอวี๋เฟิง ดูอารมณ์เสียมาก

ดูท่าจะไม่ได้ห้ามนางคนเดียว แต่เห็นได้ชัดว่าออกคำสั่งเพราะนางคนเดียว

ตอนนี้เป็นช่วงอันตราย แต่ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ไหม?

แต่ในเมื่อออกไปไม่ได้ นางก็ต้องอดทนไว้ก่อน

ตอนแรกว่าจะรีบไปเอาใบหย่ามา จะได้สบายใจเร็วๆ แต่ถึงนางอยากหย่าแค่ไหน ขาของโม่หวิ่นหมิงยังไม่หายดี ตอนนี้ก็ยังเดินไปไหนไม่ได้ ไม่งั้นเดินทางไกลจะทำให้อาการแย่ลง ถึงจะเดินได้ แต่ก็คงเดินแบบขาเป๋ไปแล้ว

นางมีเวลายื้อกับกู้โม่หานอีกนาน

หนานหว่านเยียนเดินถอยหลัง สีหน้าไม่พอใจ อวี๋เฟิงเดินตามหลังนาง ทั้งสองเดินไปถึงครึ่งทาง ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่ขวางทางไว้

“พระชายา ท่านอ๋องเชิญท่านไป บอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนยาแล้วขอรับ”

เสิ่นอี่ร์พูดอย่างตื่นเต้น กะพริบตามองหนานหว่านเยียน

วันนี้ท่านอ๋องให้เขาไปประกาศเรื่องที่เขาฟื้นแล้ว ยังสั่งให้ทุกคนในเรือนห้ามออกไปอีก

ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก แต่เขากลับรู้สึกว่า เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับหนานหว่านเยียน

หนานหว่านเยียนสีหน้าเย็นชา

นางไม่ไปหากู้โม่หาน เขาก็มาหานางก่อนเลยนะ

“อืม”

นางให้อวี๋เฟิงกลับเรือนไปก่อน จากนั้นก็ตามเสิ่นอี่ร์ไป เดินไปทางเรือนซีเฟิง

เสิ่นอี่ร์ไม่ได้เข้าไป

หนานหว่านเยียนเดินเข้าไป ก็เห็นกู้โม่หานนั่งพิงอยู่บนเตียง ผมสีดำขลับนั้นสยายไปที่หลัง สายตาแหลมคมจ้องมองนาง ใบหน้าซีดเซียวเหมือนหิมะ ริมฝีปากซีดเผือด

เหอะ หน้าตาก็ดูเป็นผู้เป็นคน แต่ใจดำไปหน่อยนะ

นางเดินไปตรงหน้าเขา จ้องมองนางจากที่สูง “ทำไมเจ้าถึงไม่ให้คนเข้าออกจวนล่ะ?”

กู้โม่หานไม่ลนลานเลย เหมือนรู้ว่านางจะมาถามเขา ใบหน้าหล่อเหลานั้นมืดมนลง

“ก็บอกแล้วไง ช่วงนี้อันตราย ห้ามออกไป”

ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็มีเหตุผลส่วนตัวจริง ไม่อยากให้หนานหว่านเยียนไปพูดเรื่องหย่ากับกู้จิ่งซานเร็วขนาดนี้

กู้จิ่งซานไปไกลกว่าที่เขาคิด ตอนนี้ดูแล้ว เรื่องอนุญาตยอมให้หนานหว่านเยียนหย่า ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

แต่หนานหว่านเยียนเป็นผู้หญิงของเขา ทำไมถึงปล่อยนางไปด้วย ยังมีเด็กอีกสองคน เขาไม่อยากปล่อยมือไปเลย

นางแสยะยิ้มเย็นชา “ได้ ข้าจะฟังเจ้าพล่ามไร้สาระต่อแล้วกัน แต่ ‘ช่วงอันตราย’ ของเจ้าคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน ถึงข้าจะออกไปไม่ได้ ในวังก็ต้องมีคนเชิญข้าเข้าไปอยู่ดี อย่าทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ต่อไปเลย”

กู้โม่หานสีหน้าเปลี่ยนไป มองนางแล้วพูดว่า “เจ้าพูดเยอะขนาดนี้ ทายาให้ข้าได้หรือยัง”

หนานหว่านเยียนสีหน้าเย็นชา เอายาออกมาแล้ววางไว้ให้เขา

“นี่คือยา เจ้าให้เสิ่นอี่ร์ช่วยทาสิ ข้าจะกลับแล้ว”

“หยุด” กู้โม่หานสีหน้าเปลี่ยนไป “ข้าเป็นแบบนี้แล้ว เจ้าเป็นหมอ รับผิดชอบถึงที่สุดไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้โยนภาระให้เสิ่นอี่ร์ ถือว่าแก้แค้นส่วนตัวหรือเปล่า?”

หนานหว่านเยียนหันไปมองกู้โม่หาน หัวเราะออกมา “บอกว่าข้าแก้แค้นส่วนตัว งั้นเรื่องที่เจ้าใช้อำนาจโดยมิชอบล่ะ? พวกเราก็เหมือนกัน อย่าว่ากันเลย”

กู้โม่หานสีหน้าเปลี่ยนไป กำขวดยาไว้ในมือแน่น

“บอกแล้วว่าไม่ให้คนเข้าออกจวน ไม่ได้ห้ามเจ้าคนเดียว ก่อนหน้านี้เสิ่นอี่ร์บอกกับข้าว่า จลาจลในเมืองถึงแม้จะสงบลงแล้ว แต่ก็ยังมีคนก่อเรื่องอยู่ ป่าวประกาศไปทั่วว่าข้ามีพลังวิเศษ ดังนั้นก็ถึงรอดชีวิตมาได้”

“ตอนนี้นอกจวนอ๋องอี้ มีชาวบ้านบ้าคลั่งเต็มไปหมด ถ้าเจ้าออกไป ก็จะกลายเป็นที่จับตามอง”

นี่เป็นความจริง กู้โม่หานมีเหตุผลส่วนตัวก็จริง แต่ก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้

และดูแปลกๆ อาจจะมีคนอยู่เบื้องหลังก็ได้

“พลังวิเศษ?”

หนานหว่านเยียนหรี่ตา นางฉลาดมาก รู้สึกแปลกๆกับคำนี้ แต่ยังไงกู้โม่หานก็ห้ามนางไม่ได้อยู่ดี

กู้โม่หานเห็นนางไม่พูด ก็มีสีหน้ามืดมน: “คำพูดของข้ามีอะไรให้ไม่น่าเชื่อถืออีก ยังไงเจ้าก็ออกไปไม่ได้ ก็ทายาให้ข้าแล้วกัน รอข้าดีขึ้นแล้ว เจ้าอยากเข้าวังหรือไปไหน ข้าก็ไม่ห้ามเจ้าหรอก”

หนานหว่านเยียนกวาดตามองเขา ครุ่นคิดแล้ว ก็เอาขวดยามาเปิดฝา

“ถอดเสื้อออก”

กู้โม่หานกระตุกยิ้มมุมปาก ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เมื่อวานข้าให้เจ้าถอด เจ้าบอกข้าว่าโรคจิต”

“มือของข้าไม่สะดวก บนบ่ามีแผล เจ้าช่วยข้าหน่อยสิ”

หนานหว่าเยียนมองดูดวงตาที่ดำขลับของกู้โม่หาน ดูยังไงก็รู้สึกว่าคิดไม่ซื่อ “กู้โม่หาน เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอกนะ”

หมอทายาให้ได้ แต่ถ้าถอดเสื้อให้คนไข้ ดูจะแปลกเกินไปหน่อย

แปลกจริงๆ ช่วงนี้กู้โม่หานผิดปกติไปเยอะมาก มักจะพูดอะไรแปลกๆกับนางเสมอ

“ไม่มีความเป็นพระชายาเลย ถอดเสื้อแต่งตัวให้ข้าเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” กู้โม่หานพูดไปด้วย ถอดเสื้อผ้าไปด้วย คาดหวังกับหนานหว่านเยียนไม่ได้ เขาทำเองจะเร็วกว่า

ถึงแม้กู้โม่หานจะได้รับบาดเจ็บ แต่ต้องขอยอมรับว่าหุ่นของเขาดีมาก กล้ามเนื้อที่แขนเป็นมัด ดูแข็งแรงมาก

กล้ามท้องตรงเอวและหน้าท้องชัดเจน เต็มไปด้วยพละกำลัง

หนานหว่านเยียนแทบจะไม่ได้เห็นร่างกายของเขาเลย ห้าปีก่อนที่นางโดนบีบบังคับ ไม่เห็นอะไรเลย จวนเฉิงเซี่ยงครั้งนั้นเป็นอุบัติเหตุ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ดูอย่างตั้งใจ

ดูเสร็จแล้วก็อดไม่ได้ถอนหายใจ กล้ามพวกนี้อยู่บนตัวกู้โม่หาน น่าเสียดายจริงๆ

ผ้าพันแผลบนหน้าอกของชายหนุ่มนั้นปกคลุมไปด้วยเลือดที่น่าตกใจ

นางช่วยกู้โม่หานแก้มัดออก น้ำเสียงกลับดูเย็นชาขึ้นมาก

“บอกแล้วไงว่าห้ามขยับเยอะ นอนพักผ่อนดีๆ ถ้าแผลที่ข้าเย็บให้เจ้าปริออก ถ้าเจ้ายังไม่หายดี ข้าจะไม่รักษาให้แล้วนะ!”

หนานหว่านเยียนเป็นเพราะจรรยาบรรณ เจอคนไข้ที่ไม่เชื่อฟัง ก็จะพูดแบบนี้กันหมด

แต่กู้โม่หานได้ยินแล้วกลับมีความหมายที่เปลี่ยนไป

เขาตกตะลึง ดวงตาเฉียบคมจ้องมองหนานหว่านเยียน เหมือนจะมองทะลุร่างกายของนาง นิ้วมือเรียวยาวบีบคางของนางไว้

“เจ้าเป็นห่วงข้าเหรอ?”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท