ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 301 หนานหว่านเยียน
กู้โม่หานกะพริบสายตา พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าพูดมากแล้ว ทายาให้ข้า เจ็บ”
ภายในห้องมียาสำรองเตรียมไว้ เสิ่นอี่ว์เอามาให้แล้ว
หนานหว่านเยียนระงับความสงสัยกู้โม่หานไว้ ฝังเข็มห้ามเลือดให้เขาก่อนสำคัญกว่า แล้วพูดกับเสิ่นอี่ว์ว่า “บาดแผลของเขาต้องฆ่าเชื้อก่อน แล้วค่อยทายาพันแผล เจ้า….”
นางยังพูดไม่เสร็จ ก็ถูกกู้โม่หานพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า
“เจ้าเป็นหมอ ช่วยทำแผลให้ข้าไม่ได้หรือ?”
หนานหว่านเยียนมองตาขวางใส่กู้โม่หาน เขาลืมไปแล้วหรือเปล่า เมื่อเช้าพวกเขาเพิ่งทะเลาะกัน
“ข้าตรวจดูให้เจ้าแล้ว ถึงมีเลือดออกแต่สัญญาณชีพของเจ้ายังทรงตัวอยู่ แค่ค่อนข้างอ่อนแรง ข้าจ่ายยาให้เจ้ากินก็พอแล้ว ส่วนบาดแผลเสิ่นอี่ว์ทำแผลได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นข้า”
กู้โม่หานพูดขึ้นมาอย่างไม่แม้แต่จะคิดว่า “เขาเป็นผู้ชายร่างกายกำยำ ทำเรื่องพวกนี้ไม่เป็น”
เสิ่นอี่ว์พูดขึ้นว่า “…..ท่านอ๋อง ข้าสามารถทำได้”
หนานหว่านเยียนหันมองไปด้านนอกว่ามีสาวใช้ผ่านมาไหม พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นข้าให้….”
กู้โม่หานแสดงสีหน้าไม่พอใจ ดวงตาของเขาคมราวกับมีดจ้องมองมาที่นาง
“หนานหว่านเยียน ข้าจะให้เจ้าทายาให้ข้า….”
“และเจ้าอย่าลืมว่า หากข้าเป็นอะไรไป ข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเจ้ากับเสด็จพ่อก็จะเป็นไปไม่ได้”
เขาก็เหมือนกับดื้อรั้นขึ้นมา นางยิ่งไม่อยากช่วยเขา เขาก็ยิ่งบีบบังคับ
ความคิดของหนานหว่านเยียน กู้โม่หานรู้ทันแล้ว
“ได้ ข้าพันแผลให้กับเจ้า” นางกัดฟัน โกรธจนแก้มปูดอยากที่จะต่อยตีกู้โม่หานให้ตาย
นางหยิบยาออกมาเดินไปด้านข้างเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ชูยกมือขึ้นมา”
เสิ่นอี่ว์เห็นแล้ว ก็แอบถอยออกไป
กู้โม่หานเลิกคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
หนานหว่านเยียนกลับพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ยกมือขึ้นมา ห้ามเคลื่อนไหวมือไม้ไปเรื่อย”
กู้โม่หานยกมือ หนุนแขนที่ยาวและแข็งแรงไว้ด้านหลังศีรษะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่อยากแตะต้องเจ้าหรอก”
หนานหว่านเยียนถลึงตาใส่เขา ถอดเสื้อของเขาอย่างรุนแรง เผยให้เห็นกล้ามเนื้อกว้าง ครั้งที่แล้วนางดูจนพอใจแล้ว ครั้งนี้ยังคงรู้สึกว่ากล้ามเนื้อน่ามอง
ทำไมผู้ชายคนนี้ มีรูปร่างที่ดีขนาดนี้
ดูยังไงก็ไม่เบื่อ
ในขณะที่อดชื่นชมรูปร่างที่ดีไม่ได้ หนานหว่านเยียนก็ตั้งใจลงมือทำแผลให้เขา
เพราะกู้โม่หานพูดไม่ผิด ข้อตกลงระหว่างนางกับฮ่องเต้ ขึ้นอยู่กับการมีชีวิตอยู่ของกู้โม่หาน
หากผู้ชายคนนี้เป็นอะไรไป ต่อให้นางเข้าวังไป ก็จะถูกฮ่องเต้ใช้เหตุผลมากมายมาอ้าง ทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย
กู้โม่หานมองดูนางด้วยสายตาร้อนรุ่ม หนานหว่านเยียนผิวขาวมาก ตาคิ้วงดงาม รูปลักษณ์ธรรมชาติ สวยงดงามอย่างมาก เหมือนสุนัขจิ้งจอกที่เขียนไว้ในตำราเลย
บนโลกนี้มีคนแบบนี้ได้อย่างไร เมื่อห้าปีก่อนกับห้าปีหลัง รูปลักษณ์นิสัย ล้วนไม่เหมือนกัน
หนานหว่านเยียนเหมือนสังเกตเห็นสายตาของเขา เงยหน้ามามองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าจ้องมองดูข้าทำไม?”
กู้โม่หานอึ้ง จับพลัดจับผลูพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า “ดูเจ้าเหมือนปีศาจสาวเย้ายวน”
หนานหว่านเยียน “…..”
เจ้าสิเหมือนปีศาจเย้ายวน คนทั้งบ้านของเจ้าเหมือนปีศาจเย้ายวน….เดี๋ยวก่อน คนทั้งบ้านของเขารวมถึงนางกับลูกสาวสองคน
“ข้าไม่ถือสาเจ้า” นางหัวเราะเย้ย หยิบเข็มออกมา พร้อมทั้งทายาให้เขาจนเสร็จแล้ว
จากนั้น นางเอาผ้าพันแผลพันรอบตัวเขา
ผ้าพันแผลต้องพันไปถึงด้านหลัง แต่ครั้งนี้กู้โม่หานเพียงเอนพิงบนเตียง ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน
“นั่งตัวตรง”
“อ้อ” กู้โม่หานนั่งตัวตรง แล้วเสื้อคลุมก็ร่วงหล่นลง กล้ามเนื้อบนร่างกายเผยให้เห็นทั้งหมด
หนานหว่านเยียนยื่นมือไปด้านหลังกู้โม่หาน ทั้งร่างกายเหมือนกำลังโอบกอดเขา แล้วพันผ้าพันแผลให้เขา
ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมาก ปลายจมูกกู้โม่หานสัมผัสถูกหน้าหนานหว่านเยียน กลิ่นหอมยาจางๆบนตัวนาง น่าดมอย่างมาก
“มีลูกกับพระชายาสักคน….”
คำพูดของรองแม่ทัพอวี๋ ดังขึ้นอยู่ในหัวของเขา
กู้โม่หานกลืนน้ำลายลงคือ
เวลานี้ หนานหว่านเยียนพันแผลให้เขาเสร็จ มัดปมไว้ด้านหลังเขา แล้วพูดขึ้นว่า “สำเร็จ เจ้าระวังตัวหน่อย บาดแผลฉีกอีกข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ”
จนถึงตอนนี้แล้วนางก็ไม่อยากสนใจว่าเขาตั้งใจหรือไม่ ยังไงอย่าเกิดเหตุสุดวิสัยอีกก็พอ
กู้โม่หานถูกดึงสติกลับมา ใบหน้าหม่นหมองถูกย้อมด้วยสีแดงเข้มเป็นชั้นๆ
“ความเป็นห่วงที่เจ้ามีให้ข้ายังไม่พอ และก็ไม่เคยบอกว่าข้าว่าต้องระวังอะไรบ้าง เป็นความบกพร่องในฐานะที่เจ้าเป็นหมอ”
เขาเป็นแม่ทัพมาตั้งนานหลายปีขนาดนั้นแล้ว ไม่รู้หรือว่าเวลาบาดเจ็บต้องระวังอะไร?
หนานหว่านเยียนไม่เชื่อเขาหรอก เก็บข้าวของ พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าให้แผลโดนน้ำ อย่าออกกำลังกายรุนแรง เอาล่ะ ข้าไปละ”
พูดเสร็จ นางกำลังจะหันตัวไป กลับไม่เห็นว่าตรงปลายเตียงมีผ้าพันแผลที่นางโยนทิ้งไว้ กำลังพันขาทั้งคู่ของนางไว้พอดี
หนานหว่านเยียนไม่ทันตั้งตัว จึงล้มลงไปอยู่ในอ้อมอกกู้โม่หาน
นางหรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว มือทั้งคู่คว้าจับตัวเขาไว้ พยายามหลีกเลี่ยงบาดแผลของกู้โม่หาน
ด้วยความรีบร้อนหลีกเลี่ยง ใบหน้าด้านขวาของนางสัมผัสถูกริมฝีปากบางของกู้โม่หาน
ทั้งสองคนต่างนิ่งอึ้งทันที
ทันใดนั้น ทุกอย่างเงียบสงัด บรรยากาศภายในห้องแปลกประหลาด กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่น
“นั่นอะไร….ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หนานหว่านเยียนทันใดนั้นก็ค่อนข้างเก้อเขิน อยากลุกขึ้นมา
กู้โม่หานกลับกอดเอวของนางไว้แน่น แล้วโอบกอดนางแนบอก
“ใครจะไปรู้ว่าเจ้าตั้งใจหรือไม่ เมื่อก่อนเจ้าหลงรักข้าอย่างมาก จนแทบจะกลืนกินข้า”
นั่นคือเจ้าของร่างเดิม แต่นางไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย
แต่ความผิดปกติของกู้โม่หานในช่วงหลายวันมานี้ ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจและก็ค่อนข้างไม่สบายใจจริงๆ
นางไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ การคุกคามและการตอบโต้ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา ดูเหมือนเขาจะเสพติดมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอย่างกับคนบ้า ไม่ดีเท่าคนน่าขยะแขยงเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้น
หนานหว่านเยียนอดกลั้นไว้ไม่แกะมือใหญ่ตรงเอวออก มองดูเขาพร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มหวานว่า “ใช่ ข้าตั้งใจ ท่านอ๋อง ข้าเห็นว่าเจ้าหล่อมาก รูปร่างก็ดี ไม่ได้ทำอะไรบ้างก็น่าเสียดายแย่”
พูดเสร็จ นางยังขยับไปใกล้กู้โม่หานอีกนิด พร้อมพูดขึ้นว่า “อีกอย่าง ที่ผ่านมาท่านอ๋องชอบดึงเสื้อผ้าของข้า ตอนนี้ก็ดึงตัวข้าไว้ไม่ยอมปล่อย เป็นเพราะว่าคิดถึงข้าหรือเปล่า? หากเป็นความจริง ท่านอ๋องมีอะไรจะสารภาพกับข้าไหม”
กู้โม่หานมองเห็นนางขยับเข้ามาใกล้ หัวใจบีบรัดแน่น ลมหายใจเหมือนจะขาดห้วง
หากเป็นเมื่อก่อนเขาจะต้องโยนนางออกไปแน่ ตำหนินางว่าเป็นคางคกที่อยากกินเนื้อหงส์ แล้วจับนางขังไว้ แต่ตอนนี้เขากลับไม่รังเกียจอย่างบอกไม่ถูก และยังค่อนข้างรอคอย
“ในเมื่ออยากที่จะทำอะไรข้า งั้นข้าก็ให้เจ้าได้สมปรารถนา”
พูดเสร็จ เขาก็ไม่ให้นางได้มีโอกาสเสียใจ ก้มลง แล้วจูบริมฝีปากหนานหว่านเยียนอย่างหนัก….