ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 308 ข้าคือกู้เฮงซวย
ภายในห้อง หนานหว่านเยียนถูกกู้โม่หานนำไปวางบนเตียง มือไม้กลับอยู่ไม่เป็นสุข
นางพูดขึ้นอย่างไม่สบายว่า “ร้อนมากเลย เปิดแอร์ให้ข้าหน่อย”
นางเอื้อมมือดึงเสื้อผ้าตรงหน้าตนเอง กู้โม่หานตกใจ เบิกตาโตพร้อมรีบจับข้อมือเรียวยาวของนางไว้
“ที่นี่ไม่มีแอร์ ข้างนอกอากาศหนาวเย็นและก็ไม่ร้อน เจ้าอยู่อย่างสงบหน่อย ห้ามขยับ”
ดื่มเมาแล้วก็ถอดเสื้อผ้าไปเรื่อย นิสัยเสีย
หนานหว่านเยียนมองดูเขา กระตุกเม้นริมฝีปาก จากนั้นก็ตาแดง นางมองดูกู้โม่หานอยู่อย่างน่าสงสาร
“ดุขนาดนั้นทำไม เหมือนกู้โม่หานเลย รูปร่างหน้าตาดีขนาดนั้น กลับวันๆเอาแต่ด่าคน….”
ท่าทีอ่อนน้อมแบบนี้ ยากที่จะได้เห็นจริงๆ
กู้โม่หานรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจขึ้นมาทันที หัวใจเต้นแรงอย่างมาก ลูกกระเดือกอดขยับไม่ได้
“วันๆข้าเอาแต่ด่าคน? ไม่ใช่เจ้าหรือที่ด่าข้าทุกวัน?”
หนานหว่านเยียนอดไม่ได้ที่จะง่วงนอนอีก จึงหลับตาไม่พูดอะไรต่อ
กู้โม่หานถอดรองเท้าให้นาง ยังมีเสื้อตัวนอกของนาง
เขามองดูสภาพนางที่เมามาย แล้วก็คิดถึงเรื่องที่หยุนเหิงมาหาเรื่องหนานหว่านเยียน
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “หนานหว่านเยียน เจ้าดื่มเหล้าคลายเครียดหรือ? หยุนเหิงรังแกเจ้า ทำให้เจ้าไม่พอใจ? ทำไมทุกครั้งที่เกิดเรื่องกับเจ้า ล้วนไม่เคยบอกข้า บางทีข้าอาจจะแก้แค้นแทนเจ้า?”
เรื่องนี้ เขาเพิ่งรู้เมื่อเช้านี้ เมื่อวานหลังจากเขากับนางทะเลาะกันเรื่องลูก ก็เอาแต่อยู่ในค่าย
เช้านี้ เสิ่นอี่ว์เพิ่งรายงานเขาเรื่องที่หยุนอี่ว์โหรวฟื้นแล้ว พร้อมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
ได้ยินว่าเจ้าสิบกับน้องสะใภ้ช่วยนางไว้ แต่พวกเจ้าสิบปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาเลย
และวันนี้เขาถามหยุนอี่ว์โหรว….ค่อยรู้ว่าคำพูดของนางไม่มีความจริงเลย
หนานหว่านเยียนยิ่งปิดปากเงียบ ถูกคนอื่นรังแกก็ไม่เคยพูดอะไรเลย
หนานหว่านเยียนยังคงไม่พูดอะไร นางง่วงนอนแล้ว
กู้โม่หานก็ถามอีกรอบ นางขมวดคิ้วแน่น พูดตอบอย่างอู้อี้ว่า
“อย่ามาวุ่นวายกับข้า นี่มีอะไรน่าพูด ข้าเป็นราชินี ไม่พึ่งพาผู้ชาย ไม่ต้อง ไม่ต้องบอกกู้เฮงซวย…..”
นางเคยชินกับการที่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ก็จัดการด้วยตนเอง ไม่พึ่งพาคนอื่น
กู้…..กู้เฮงซวย?
สายตาที่อ่อนโยนของกู้โม่หานจางหายไป ตาคิ้วค่อนข้างเย็นชา
“ข้าคือกู้เฮงซวย? หมายความว่าอย่างไร?”
ฟังดูไม่เหมือนคำพูดที่ดีอะไร
หนานหว่านเยียนหลับตา ง่วงนอนอย่างมาก แต่ข้างหูยังมีเสียงดังก้องอยู่ข้างหู
“กู้เฮงซวยก็คือกู้เฮงซวย เป็นผู้ชายไม่ดี เฮงซวยอย่างมาก โลภมากไม่รู้จักพอ ยังจ้องมอง จับจ้องมอง…..”
คนมัวเมาในเรื่องทางเพศ?
สีหน้าเขาดำเหมือนอย่างก้นหม้อ หน้าตาบูดบึ้งขึ้นมาทันที
“ข้าเฮงซวยขนาดนั้นตรงไหน”
“เจ้า เจ้าไม่ต้องสนใจ ยังไงพวกผู้ชาย มีแต่ มีแต่จะส่งผลกระทบต่อความรวดเร็วในการชักดาบของข้าเท่านั้น…..”
นางใกล้จะนอนหลับแล้ว พูดขึ้นด้วยเสียงยิ่งอยู่ยิ่งเบาลงว่า “ต่อให้ ต่อให้ต้องเอาผู้ชายสักคน ก็ต้องเหมือนกับท่านน้าของข้า ดีกับลูกทั้งสองคนของข้า ทั้งหล่อ ยัง….”
หนานหว่านเยียนยังพูดไม่เสร็จ ก็ถูกกู้โม่หานบีบคางไว้ พร้อมจูบลงไป
เขาดูดอย่างรุนแรง ลึกซึ้งยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ความโกรธพลุ่งพล่านอยู่ในใจกู้โม่หาน ความหึงหวงที่ควบคุมไม่ได้ ต่อให้เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้โกรธโมโหขนาดนั้น ร่างกายก็ตอบสนองก่อนแล้ว
คนเมามักจะพูดความจริง
หนานหว่านเยียนคิดว่าเขาเฮงซวย
กลับรู้สึกว่าโม่หวิ่นหมิงดี
นิ้วมือเรียวยาวจับไหล่ของนางไว้แน่น ราวกับจะบีบนางให้แหลก
หนานหว่านเยียนเจ็บไหล่ คางก็เจ็บ ปากก็เจ็บ ในที่สุดนางก็ลืมตาขึ้น ต่อต้านอย่างรู้สึกไม่สบาย
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
และนางยิ่งต่อต้าน จูบก็ยิ่งรุนแรง เขายังตรึงมือของนางไว้ด้วย….
สถานการณ์ยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรง แทบจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้
จู่ๆ ข้างหูกู้โม่หานก็มีเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของนาง
เขารีบหยุดการกระทำ สะดุ้งลุกขึ้นมาเหมือนถูกไฟช็อต
มองดูรอบคอและไหปลาร้าของหนานหว่านเยียน ล้วนเต็มไปด้วยร่องรอยเล็กใหญ่ที่เขาทิ้งไว้
กู้โม่หานหูแดงไปหมด ในที่สุดก็ได้สติกลับมา พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่ข้าเป็นอะไร”
เขาไม่เคยฉวยโอกาสใครมาก่อน วันนี้เป็นอะไรไป?
คงเพราะถูกนางทำให้โกรธจนเสียสติ
หากไม่ใช่เพราะนางเปรียบเทียบระหว่างเขากับโม่หวิ่นหมิง และทั้งสองคนก็แตกต่างกันมาก เขาจึงโกรธโมโหขนาดนี้
และจะต้องมีสักวัน เขาจะทำให้หนานหว่านเยียนยอมรับด้วยตนเองว่า นางยินยอมยื่นข้างต้น นางต้องการให้เขาคอยปกป้อง ไม่เหมือนอย่างตอนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง ก็ไม่ยอมบอกเขา
พูดเสร็จ กู้โม่หานถลึงตาใส่หนานหว่านเยียนที่หลังจากก่อเรื่องแล้ว ก็นอนหลับอย่างสงบสบาย
เขาห่มผ้าให้นางอย่างโกรธโมโห
“ข้าจะล็อกห้องเก็บเหล้าไว้ ดูสิต่อไปเจ้าจะดื่มเหล้ายังไง”
พูดเสร็จ เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วก้าวเดินออกจากห้องไป
ภายในเรือน พวกบ่าวใช้ต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว มีเพียงเซียงอวี้ยังอยู่ โม่หวิ่นหมิงกับเด็กสองคนก็กำลังคุยกันอยู่
ได้ยินกู้โม่หานเดินออกมาจากห้อง โม่หวิ่นหมิงเงยหน้าหันไปมองด้วยสายตาเย็นชา
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยรีบวิ่งไปหากู้โม่หาน พร้อมถามขึ้นว่า “แม่เป็นอย่างไรบ้าง”
เดิมท่าทีกู้โม่หานดุร้าย มองเห็นลูกสองคน ท่าทีก็อ่อนโยน เขาคุกเข่าลง ลูบหัวพวกนางทั้งสอง พร้อมพูดขึ้นว่า
“นอนเหมือนอย่างหมูเลย พรุ่งนี้สายๆโน่นแหละถึงจะตื่น”
สองพี่น้องมองหน้ากัน แล้วพูดขึ้นว่า “งั้นก็ดี เจ้าไม่ได้ทำอะไรไม่ดีใช่ไหม?”
สิ่งที่พวกนางพูดหมายถึงการทุบตีรุนแรง คิดว่าน่าจะไม่ถึงขนาดนั้น ท่าทีการกระทำของกู้โม่หานในช่วงนี้ พวกนางล้วนเห็นกับตาตนเอง
แต่สิ่งที่กู้โม่หานคิดได้กลับเป็นอย่างอื่น
ท่าทีของเขาค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติ มือวางบนริมฝีปาก ไอขึ้นมาหนึ่งที แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ทำพฤติกรรมไม่ดีหรอก”
ถึงแม้….
แต่เขาก็ไม่ทำจริงๆ
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยมองดูเขาอย่างพิจารณา ยังอยากพูดอะไรอีก โม่หวิ่นหมิงกลับพูดแทรกขึ้นมาว่า “เอาล่ะ เวลาไม่เช้าแล้ว พวกเจ้าควรกลับห้องไปพักผ่อนได้แล้ว”
พูดเสร็จ เขาให้เซียงอวี้พาเด็กทั้งสองคนเข้าห้องไป พร้อมพูดขึ้นว่า “เข้าไปเถอะ”
“ได้ ราตรีสวัสดิ์ท่านปู่หมิง” เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเดินเข้าไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ พร้อมปิดประตูห้องเบาๆ
ภายในเรือน เงียบสงัดขึ้นมาทันที เหลือเพียงเสียงลมยามค่ำคืน
กู้โม่หานหรี่ตาลง มองดูโม่หวิ่นหมิงที่นั่งบนรถเข็นอย่างหยิ่งยโส สายตาเฉียบคมแฝงไปด้วยการเตือน พร้อมพูดขึ้นว่า
“ข้าขอเตือนเจ้าอย่าคิดอะไรกับหนานหว่านเยียน เจ้าควรรู้ว่าเจ้ามีสถานะอะไร”
โม่หวิ่นหมิงกระตุกมุมปากเย็นชา ความอ่อนโยนและความเย็นชาที่ขัดแย้งกันแต่กลมกลืนอยู่ในตัวเขา
“ประโยคนี้ คืนให้กับเจ้าทุกคำ”
“กู้โม่หาน เจ้าเอาตัวเองให้รอดยังเป็นเรื่องยาก อย่าเอาชีวิตของหว่านหว่านกับเด็กทั้งสองคนไปเสี่ยงด้วย ไม่อย่างนั้น ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
ดวงตาทั้งคู่เผชิญหน้ากัน หินทรายโบยบิน ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงมือ กลับกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
กู้โม่หานพูดขึ้นด้วยนัยน์ตาสีเข้มเย็นชาลึกล้ำ “หนานหว่านเยียนเป็นผู้หญิงของข้า ใครก็ห้ามสนใจ ต่อให้มีอันตราย ข้าก็สามารถปกป้องได้ ไม่ต้องการให้คนอื่นที่พิการมาเป็นห่วง”
กับโม่หวิ่นหมิง เขาไม่พอใจมานานแล้ว
หากไม่ใช่เพราะหนานหว่านเยียนคอยปกป้อง…
บนใบหน้าหล่อเหลาของโม่หวิ่นหมิงก็เฉียบคมเช่นกัน
“กู้โม่หาน สถานะของเจ้าไม่คู่ควรหว่านหว่าน วันนี้ข้าจะพูดตรงๆ หากเจ้าไม่ยอมหย่ากับหว่านหว่านดีๆ งั้นเราก็ใช้กำลังตัดสิน”
“หากหว่านหว่านเป็นอะไรไป เจ้า กับราชวงศ์ของเจ้า ต้องชดใช้ด้วยความตาย”