ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 309 กู้โม่หานรักนางอย่างลึกซึ้ง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 309 กู้โม่หานรักนางอย่างลึกซึ้ง

ตอนนี้ความทรงจำของเขากลับคืนมาแล้ว สถานะ ตำแหน่งของหว่านหว่านนั้นไม่ธรรมดา ถึงกู้โม่หานจะเป็นถึงท่านอ๋อง ก็ใช่ว่าจะคู่ควรกับนาง

ให้ราชวงศ์ชดใช้ด้วยความตาย?

เฮ้อ กล้าพูดออกไปมาได้

กู้โม่หานไม่สนใจคำพูดที่เย่อหยิ่งเช่นนี้อยู่แล้ว นัยน์ตาของเขาลึกซึ้ง แฝงไปด้วยแววสำรวจ ท่าทีกลับยิ่งน่ากลัวกว่าเมื่อกี้

“เจ้าบอกว่าสถานะของข้าไม่คู่ควรหนานหว่านเยียน แล้วเจ้ามีอะไรคู่ควร?”

เขาเดารู้ว่าโม่หวิ่นหมิงต้องการบีบบังคับให้เขารู้จักถอยเมื่อรู้ว่าสถานการณ์ยากลำบาก แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาด จะตกใจกับคำพูดไร้สาระแบบนี้หรือ

แต่คำพูดของโม่หวิ่นหมิงนั้นน่าคิด เขาเป็นถึงอ๋องอี้ เป็นเทพสงครามที่มีชื่อเสียง สถานะแบบนี้กลับไม่คู่ควรลูกสาวเฉิงเซี่ยง?

โม่หวิ่นหมิงจ้องมองดูเขา ด้วยท่าทีสง่างามสูงส่งและโดดเด่น พูดขึ้นอย่างเชื่องช้าเรียบเฉยว่า “ข้าคู่ควรกว่าเจ้า”

น้ำเสียงฟังดูสงบสุขุม แต่แฝงไปด้วยพลังอำนาจที่เป็นธรรมชาติ

กู้โม่หานเหมือนได้ยินคำพูดน่าขำ มองควักเขาแล้วพูดขึ้นว่า

“คุยโวโอ้อวด ข้าขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย อย่าคิดอะไรกับหนานหว่านเยียน หากกล้าแตะต้องนาง ข้า….จะฆ่าเจ้า”

พูดเสร็จ เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป วินาทีที่หันร่างไป ใบหน้าหล่อเหลาดุดันขึ้นมาทันที

ตอนนั้นหลังจากที่โม่หวิ่นหมิงกับโม่หวิ่นชิงมาถึงเมืองหลวง ก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มแรกเขายังไม่ค่อยใส่ใจ ตอนนี้ดูแล้ว สถานะโม่หวิ่นหมิงน่าจะไม่ธรรมดา

เฮ้อ เขาก็อยากดูว่า เบื้องหลังโม่หวิ่นหมิงมีพลังอำนาจแค่ไหน

ที่ทำให้เขามีความกล้าหาญขนาดนี้ กล้าเพ้อฝัน คิดแตะต้องผู้หญิงของเขา….

โม่หวิ่นหมิงหรี่ตาลง จับจ้องมองเงาหลังกู้โม่หาน คิดอยากที่จะมองให้ทะลุปรุโปร่ง

เมื่อกี้เขาเห็นชัดเจนแล้ว สถานที่นี้อยู่นานต่อไปไม่ได้แล้ว กู้โม่หานหลงรักหว่านหว่านอย่างลึกซึ้ง

หากพวกเขาอยากจากไป คงต้องมีคนมาช่วย ยังไงกู้โม่หานก็ไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ปล่อยคนไปง่ายๆแน่

นิ้วมือของเขาเคาะที่วางมือเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ออกมา”

เงาดำมาปรากฏด้านข้างเขาทันที คุกเข่าอยู่อย่างอ่อนน้อม พร้อมพูดขึ้นว่า “นายท่านมีอะไรรับสั่ง?”

บนใบหน้าหล่อเหลาดั่งหยกของโม่หวิ่นหมิง ฉายแววท่าทีเยือกเย็น พร้อมพูดสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“แจ้งพวกเขา ให้มารับข้าที่แคว้นซีเหย่”

“จับตาดูกู้โม่หาน หากเขาคิดทำอะไรหว่านหว่าน ก็จัดการเขาเลย”

เงาดำสะดุ้ง แต่ก็ตอบรับว่า “ขอรับ”

จากนั้น เงาร่างสีดำก็หายไปกับความมืด ราวกับไม่เคยปรากฏตัวขึ้น

ค่ำคืนนี้ จวนอ๋องอี้ไม่สงบสุข

ภายในวัง ยิ่งโกลาหลวุ่นวาย

ไฟในห้องทรงพระอักษรเปิดสว่างอยู่ตลอด กู้จิ่งซานนวดขมับ นัยน์ตาคมกริบเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ด้านข้างมือเต็มไปด้วยฎีกากองโต ล้วนฟ้องร้องจอหงวนบู๊

ชีกุ้ยเฟยยืนอยู่ด้านข้างเขา นิ้วเรียวบดขยี้เบาๆ สายตาเหลือบไปมองกองฎีกาอย่างไร้ร่องรอย

“ฝ่าบาท พระวรกายสำคัญกว่า พระองค์เหนื่อยแล้วก็ต้องพักผ่อน จะทำให้เสียสุขภาพไม่ได้”

“ข้าไม่โกรธ ข้าจะไม่โกรธโมโหได้อย่างไร” กู้จิ่งซานฟาดตบโต๊ะอย่างแรง สั่นสะเทือนจนน้ำหมึกกระเด็นออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ หกเลอะเทอะเต็มโต๊ะไปหมด

น้ำเสียงของเขาเย็นชาจนราวกับก่อตัวเป็นน้ำแข็ง พร้อมพูดขึ้นว่า “จอหงวนบู๊ที่ข้าส่งไปในค่าย เพื่อให้เขาไปฝึกทหาร เขากลับกระทำก่อเรื่องแบบนั้นขึ้นมา ตอนนี้ยิ่งดี ทุกคนต่างรู้แล้วว่าเขาเป็นคนขี้เหล้า หมกมุ่นเรื่องผู้หญิง ยังใช้อำนาจรังแกคน เป็นเศษสวะที่เกือบทำร้ายทหารจนตาย รับผิดชอบภารกิจใหญ่ไม่ได้”

“ตอนนี้เหล่าขุนนางมากมายต่างฟ้องร้องเขา เจ้าจะให้ข้าไม่โกรธโมโหได้อย่างไร?”

เดิมเขาอยากยึดอำนาจของกู้โม่หาน ในเมื่อต่อหน้าทำไม่ได้งั้นก็ทำลับหลัง เอาจอหงวนบู๊เข้าไปอยู่ในค่าย กลับคิดไม่ถึงว่าเวลาเพียงสองสามวัน ก็กระทำความผิดอย่างมากมายขนาดนี้แล้ว ตอนนี้แม้แต่ขุนนางบุ๋นกับคนในค่ายต่างก็ฟ้องร้อง ขอให้ปลดจอหงวนบู๊ออกจากตำแหน่ง บีบบังคับให้เขาต้องลงโทษจอหงวนบู๊สถานหนัก เสียโอกาสในการแทรกซึมเข้าไปในค่ายทหารอย่างเปล่าประโยชน์

แต่ในใจเขารู้ดี เรื่องราวกลายเป็นแบบนี้อย่างรวดเร็ว เบื้องหลังจะต้องมีคนค่อยทำอะไรแน่ ไม่อย่างนั้นจะไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ไวขนาดนี้

ชีกุ้ยเฟยเลิกคิ้วงดงาม หยุดชะงักมืออย่างว่าง่าย ตบบ่ากู้จิ่งซานเบาๆ พร้อมพูดปลอบด้วยเสียงอ่อนหวานว่า

“ฝ่าบาทอย่าโมโหไปเลย จอหงวนบู๊คนนั้นเดิมนิสัยสันดานก็มีปัญหา ปกติปกปิดซ่อนไว้ เสแสร้งทำเป็นคนดี ตอนนี้เปิดเผยออกมาแล้วก็ดี จะได้ไม่เป็นปัญหาในภายหลัง สร้างความเดือดร้อนให้กับฮ่องเต้”

“แต่หากตอนนี้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง ฮ่องเต้ต้องส่งแม่ทัพคนใหม่ไปยังค่ายเสินเชื่อ?”

แม่ทัพที่มีฝีมือมีมากมายเสียที่ไหน?

ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องเชื่อฟังจงรักภักดีต่อเขา

สีหน้ากู้จิ่งซานแอบแฝงไปด้วยแววสังหาร พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่ออ๋องอี้ฟื้นแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะส่งคนไปอีก”

ส่งไปยังค่ายเสินเชื่ออีกนั้นไม่คุ้มค่า คิดอยากกดดันกู้โม่หาน ต้องคิดวิธีอื่น

ยังไงกู้โม่หานก็มีนิสัยใจคอดื้อรั้น เขาเหมือนแม่ของเขา ทำให้โกรธโมโหก็จะแว้งกัดคน เรื่องในค่ายทหารดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ความจริงแล้วจะต้องอยู่ภายใต้ฝีมือของเขาแน่

เห็นได้ชัดว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เขาส่งคนไปอีก กู้โม่หานก็จะมีวิธีกำจัดทิ้ง

ชีกุ้ยเฟยมองครุ่นคิดพิจารณา พยายามคาดเดาความคิดของเขา

นางหรี่ตาลง กระตุกมุมปากอมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า

“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้แล้ว อ๋องอี้ฟื้นขึ้นมาถือเป็นเรื่องดี แบบนี้ก็จะสามารถรักษาขวัญกำลังใจของทหารให้มั่นคง วันนี้เจ้าสิบสองสามีภรรยาไปเยี่ยมที่จวนอ๋องอี้ แล้วกลับมาบอกหม่อมฉันว่า อ๋องอี้ฟื้นตัวได้ไม่เลว เชื่อว่าอีกไม่กี่วันก็สามารถกลับค่าย ไปฝึกฝนทหารได้แล้ว”

กู้จิ่งซานไม่พอใจ สีหน้ากลับไม่แสดงท่าทีใดออกมา เขาเพียงพูดตอบว่า “อืม” บ่งบอกให้ชีกุ้ยเฟยพูดต่อไป

ใบหน้าชีกุ้ยเฟยยิ่งยิ้มแย้ม แววตาอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย

“หม่อมฉันคิดว่า พรุ่งนี้เป็นวันเทศกาลดอกไม้พอดี ฝ่าบาทรับสั่งให้อ๋องอี้สองสามีภรรยาเข้าวังมาดีไหม”

“ยังไงก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้นกับพวกเขาสองสามีภรรยา ควรที่จะถามไถ่บ้าง ฝ่าบาทเห็นว่าอย่างไร?”

สายตากู้จิ่งซานประกายแวววาว ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

กู้โม่หานจำกัดคนของเขาไปแล้ว ตอนนี้มีความทะเยอทะยาน หรือต้องการความสงบ ไม่อยากแย่งชิงบัลลังก์ เขาลองหยั่งเชิงก็รู้…..

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท