ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 310 หนังสือหย่า
“สนมรักพูดถูก พรุ่งนี้ให้พวกเขาเข้าวัง ร่วมทานข้าวเย็นด้วยกัน”
ได้ยินแบบนี้ ใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีของชีกุ้ยเฟย เผยรอยยิ้มอย่างลึกซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เพคะ หม่อมฉันจะทำการรับสั่งของฝ่าบาท”
นางได้ยินข่าวมาว่า ที่ผ่านมาไทเฮาไปยังจวนอ๋องอี้ แล้วได้ยินเสียงของเด็กอยู่ที่นั่น
ทุกคนต่างก็รู้ หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานไม่ถูกกันมานานหลายปี แล้วจะมีลูกได้อย่างไร?
เจ้าสิบกับลูกสะใภ้ต่างก็บอกว่าไม่เห็น แต่ข่าวที่แพร่ออกมานั้นต้องมีมูลความจริง นางยอมเชื่อดีกว่าปล่อยไป หากเป็นความจริง ยังเป็นลูกสาว งั้นก็จะแย่
ดังนั้น นางจะฉวยโอกาสมีงานเลี้ยงในวัง ไปสืบเรื่องเด็กให้รู้เรื่อง…..
ไม่นานฟ้าก็สว่าง พระอาทิตย์ค่อยๆคืบคลานโผล่ออกมา
ภายในเรือนเซียงหลิน
หนานหว่านเยียนเมาทั้งคืน จึงปวดหัวอย่างมาก
นางจับข้างเตียงพยายามลุกขึ้นมา มือข้างหนึ่งกุมขมับที่แทบจะระเบิด คลื่นไส้อยากอาเจียนเป็นบางครั้ง
เมื่อคืนดื่มเยอะไปหน่อย ไม่เพียงดื่มจนตัวเองจำอะไรไม่ได้ ยังทุกข์ทรมานขนาดนี้
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยล้างหน้าแต่งตัวเสร็จแล้ว แก้มน้อยสองคนแดงระเรื่อ น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก
พวกนางวิ่งมาหาหนานหว่านเยียนอย่างดีใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ ท่านแม่ตื่นแล้วหรือ”
หนานหว่านเยียนหอมแก้มลูกน้อยทั้งสองคน พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม ลูกแม่ตัวหอมมากเลย”
“ท่านแม่ก็หอมมาก ท่านแม่ ท่านรู้ไหม เมื่อคืนท่านมีอารมณ์รัก”
เกี๊ยวน้อยตบหลังมือหนานหว่านเยียนอย่างจริงจัง ซาลาเปาน้อยมองดูหนานหว่านเยียน พร้อมผงกหัวเห็นด้วย
หนานหว่านเยียนแทบสำลัก พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ามีอารมณ์รัก?”
หนังสือพวกนั้น ให้เด็กทั้งสองคนนี้ดูอีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะได้ยินอะไรจากปากพวกเขาอีก
แต่นางค่อนข้างงุนงงกับคำว่ามีอารมณ์รัก พวกนางหมายความว่าอย่างไร
เซียงอวี้ยกน้ำแกงสร่างเมาเดินเข้ามาพอดี ได้ยินแล้วก็ตกใจจนถ้วยน้ำมือเกือบตก
นางรีบเดินมาพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “พระชายา นี่เป็นน้ำแกงสร่างเมา ท่านรีบดื่มตอนร้อนๆ”
บรรพบุรุษน้อยสองคนนี้ อะไรก็กล้าพูด
หนานหว่านเยียนมองดูเซียงอวี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เซียงอวี้ เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เซียงอวี้กลืนทำลายลงคออย่างลำบาก มองดูหนานหว่านเยียน พร้อมถามขึ้นอย่างระแวดระวังว่า “พระชายาท่าน….จำอะไรไม่ได้แล้ว?”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว นิ้วเรียวยาวแตะปลายคาง ในหัวสมองยังคงว่างเปล่า แล้วส่ายหัวเบาๆ
“ข้าจำได้เพียงว่าข้าทำเนื้อปิ้งย่างให้ลูกทั้งสองคน ร้องเพลงด้วยกัน ท่านน้าก็รำดาบอยู่ข้างๆ จากนั้นก็จำไม่ได้แล้ว”
เดิมนางไม่อยากดื่มเยอะขนาดนั้น แต่ต่อมามีความสุขอย่างมาก จึงควบคุมตนเองไม่ได้
ลืมไปว่าเจ้าของร่างเดิมดื่มเหล้าได้แย่มาก
“ท่านลืมไปแล้วหรือ ก็ดีนะ” เซียงอวี้ยกมือลูบอกอย่างค่อยโล่งใจ ไม่รู้ทำไมหน้าถึงได้แดงระเรื่อขึ้นมา หันไปอย่างเอียงอาย พร้อมพูดขึ้นว่า
“แต่ว่าเมื่อคืน…ท่านพูดจากับบ่าวแปลกๆ จากนั้น….”
เซียงอวี้พูดอธิบายอยู่อย่างอ้อมแอ้ม
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยกับอธิบายอย่างสมจริงสมจัง ให้หนานหว่านเยียนได้เห็นภาพนั้น
ท่าทีหนานหว่านเยียนจากเรียบเฉยไปจนถึงตกตะลึงตาค้าง จากตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
นางถึงขั้นฟาดเรียบทั้งชายและหญิง ยังพูดจาไม่สุภาพกับท่านน้า ภายหลังกู้โม่หานก็มา แล้วอุ้มนางกลับมาที่ห้อง….
หนานหว่านเยียนไม่รู้จะด่าตนเองก่อน หรือสำรวจร่างกายตนเองก่อน
นางไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร น่าจะไม่ได้ทำอะไรกู้โม่หาน
หนานหว่านเยียนมองดูเซียงอวี้อย่างรู้สึกผิด พร้อมพูดขอโทษอย่างจริงใจ
“ขอโทษนะเซียงอวี้ ข้าไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น เจ้าลืมไปเสียเถอะ ต่อไปข้าจะไม่ดื่มเหล้าแล้ว….”
ไม่เพียงห้ามดื่มเหล้าอีก ยังต้องขอโทษคนที่เมื่อวานถูกนางพูดจาแทะโลมพวกนั้นด้วย
เซียงอวี้กลับมองดูนางอย่างเอียงอาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ความจริงบ่าว ยินยอม….”
หนานหว่านเยียนสะดุ้งนิ่งอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เซียงอวี้ เจ้า…..”
และดูเหมือนเด็กน้อยทั้งสองจะค้นพบบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา พร้อมพูดขึ้นว่า “โอ้ว…”
เซียงอวี้เห็นว่าเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว รีบโบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ๆ ไม่ ไม่ได้หมายความแบบนั้น ไม่ว่าพระชายาจะไปที่ไหน บ่าวก็จะตามไปด้วย คอยดูแลปรนนิบัติท่าน”
พูดเสร็จ นางก็รู้สึกเหมือนอธิบายไม่ชัดเจน จึงร้องเสียงหลง ยกมือปิดหน้าวิ่งออกไปแล้ว
หนานหว่านเยียนขำหัวเราะ พอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
นางลุกขึ้นมาแต่งตัว ดื่มน้ำแกงสร่างเมา อาการปวดหัวค่อยดีขึ้นหน่อย หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็พาลูกน้อยไร้เดียงสาสองคนออกมาจากห้อง
เพิ่งออกมาก็เห็นอวี๋เฟิง ท่าทีหนานหว่านเยียนแข็งทื่อขึ้นมาทันที
ดูเหมือนเมื่อคืนนางก็แทะโลมอวี๋เฟิง…..กระทำสิ่งที่ไม่สมควร
“พระชายา” อวี๋เฟิงยกมือประสานทำความเคารพหนานหว่านเยียน มองดูเด็กน้อยสองคนอย่างค่อนข้างลำบากใจ
หนานหว่านเยียนเข้าใจขึ้นมาทันที หันไปพูดกับลูกน้อยสองคนว่า “พวกเจ้าไปรอแม่ที่ด้านข้างก่อน แม่กับพี่อวี๋เฟิงมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย ดีไหม?”
“ได้ค่ะ” เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยผงกหัว แล้ววิ่งไปอย่างว่าง่าย
หนานหว่านเยียนพูดขอโทษอวี๋เฟิงอย่างจริงจังก่อน รับผิดชอบกับการกระทำที่กระทำลงไปตอนเมา
อวี๋เฟิงนิ่งอึ้ง พร้อมรีบพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยไม่เป็นไร พระชายาเป็นนาย อย่าพูดว่าขอโทษข้าน้อยเด็ดขาด ข้าน้อยจะอายุสั้น”
และคนอื่นไม่เข้าใจหนานหว่านเยียน เขาจะไม่เข้าใจหรือ เป็นเพียงแค่คำพูดแทะโลม ไม่ได้จะทำแบบนั้นจริงๆ
แน่นอน ท่านอ๋องก็ไม่มีทางยอมให้นางทำอะไรไปเรื่อย
หนานหว่านเยียนลูบจมูกอย่างทำตัวไม่ถูก พร้อมเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นว่า “เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้า?”
อวี๋เฟิงค่อยพูดกับหนานหว่านเยียนว่า “พระชายา วันนี้ในวังส่งคนมาแต่เช้า เฟิ่งกงกงพาหมอหลวงเจียงมาดูอาการท่านอ๋อง บอกว่าอาการดีขึ้นมากแล้ว”
“เฟิ่งกงกงยังพูดว่า คืนนี้เป็นเทศกาลดอกไม้ ขอให้ท่านกับท่านอ๋องเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยง ทางด้านท่านอ๋องได้ตอบตกลงแล้ว”
เข้าวัง?
หนานหว่านเยียนยิ้มสดใสขึ้นมาทันที สมความตั้งใจของนางแล้ว
“ข้ารู้แล้ว”
เดิมนางคิดจะเข้าวังวันนี้ คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะมีรับสั่งให้นางเข้าวังไปเสียก่อนแล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากนางได้เข้าวัง ก็จะคุยเรื่องหย่ากับฮ่องเต้เป็นการส่วนตัว ขอเพียงฮ่องเต้รักษาคำพูด
นางก็จะได้หย่ากับกู้โม่หาน พาลูกสาวทั้งสองคนกับท่านน้า ไปจากสถานที่น่ากลัวแห่งนี้….