ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 321 พระชายาลืมตาขึ้นมาพูดไร้สาระ
หนานหว่านเยียนถอนมือออกจากฝ่ามือของกู้โม่หาน ก้มศีรษะลงกินของอย่างเชื่อฟัง
นางรู้ว่างานเลี้ยงในวังไม่มีเรื่องดีอะไรหรอก เดิมทีนางคิดจะไปรับหนังสือหย่าร้างแล้วออกมา คาดไม่ถึงว่าหนังสือหย่าร้างไม่ได้มา แถมยังต้องเข้าไปในวังวนของอำนาจอีกครั้งหนึ่ง
ทว่างานระฆังในงานเลี้ยงก็ปลุกให้นางได้สติ คนของวังหลังล้วนจับตามองทายาทของกู้โม่หาน เด็กน้อยสองคนนั้นยิ่งต้องซ่อนให้ดีๆ
เพียงแต่ สุดท้ายแล้วก็ไม่เหมือนห้าปีมานี้ที่ไม่มีคนถามไถ่ นางไม่รู้ว่ายังสามารถซ่อนเด็กสองคนนี้ได้นานแค่ไหน…
กู้โม่หานมองไปที่หนานหว่านเยียน เห็นนางใจลอย ดวงตาของเขาขยับไปมาเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
เนื่องจากเพลงบรรเลงตอนก่อนหน้า เมื่องานเลี้ยงดําเนินไปจนจบ บรรยากาศจึงมีความทื่อเล็กน้อย
จนกระทั่งก่อนงานเลิก จู่ๆ กู้จิ่งซานก็พูดกำชับฮองเฮาขึ้นมา
“ข้าได้รับปากเจ้าหกแล้วว่า ให้พวกเขาพาหยีเฟยกลับจวนอ๋อง อีกเดี๋ยวเจ้าก็ไปจัดการเถิด”
หยีเฟยจะไปจวนอ๋องงั้นหรือ?!
ทุกคนต่างตกตะลึง
สีหน้าบนใบหน้าที่งดงามชีกุ้ยเฟยชะงักในทันที นางมองไปที่ยังฮ่องเต้
สายตาที่คมกริบของนางแสดงออกถึงความเย็นชา มีความน่ากลัวเล็กน้อย
ฮ่องเต้ผู้ซึ่งสงสัยและคอยปกป้องมาโดยตลอด ถึงขั้นให้กู้โม่หานนำตัวเสด็จแม่กลับไปที่จวนอ๋องเลยหรือ?
ไทเฮาและฮองเฮาก็ตกใจเช่นกัน
จากนั้นฮองเฮามองไปยังฮ่องเต้ด้วยความประหลาดใจ
“ทําไมจู่ๆ ถึงต้องการนำหยีเฟยออกไป หรือว่าพระชายาอี้มีวิธีช่วยรักษาหยีเฟย สามารถทําให้หยีเฟยฟื้นขึ้นมาได้”
ศัตรูผู้นี้ของนาง นอนอยู่บนเตียงมาหลายปีแล้ว กลายเป็นคนผักก็จิตใจไม่สงบสุข
ตอนนี้หนานหว่านเยียนมีวิธีทำให้เขากลับสู่สภาพดังเดิมหรือ?
ไทเฮาก็รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยอยู่ด้านข้าง “เยียนเอ๋อร์ นี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่”
กู้โม่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหนานหว่านเยียน เพื่อรอฟังคำตอบของนาง
หนานหว่านเยียนลุกขึ้นยืน โค้งคำรับแล้วกล่าวว่า:“เรียนเสด็จย่า ฮองเฮา ลูกยังไม่มีวิธีที่จะทําเสด็จแม่ฟื้น ท่านอ๋องต้องการแสดงความกตัญญูต่อเสด็จแม่ เขาไม่สามารถอยู่ในวังได้ ก็เลยอยากจะรับเสด็จแม่ไปอยู่ในจวน เสด็จพ่อเห็นแก่ความกตัญญูนี้ จึงมีพระบรมราชานุญาตเป็นกรณีพิเศษ ให้นำเสด็จแม่ไปประทับที่จวนได้”
คำพูดนี้กล่าวได้สวยหรูยิ่งนัก แทบจะมิได้กล่าวโทษผู้ใดเลย และแทบไม่ได้เปิดเผยจุดประสงค์ใดๆ
กู้โม่หานเหลือบมองหนานหว่านเยียน คาดไม่ถึงว่าหนานหว่านเยียนจะพูดเรื่องไร้สาระ ใบหน้าของนางก็ไม่แดง
เขาลุกขึ้นและคล้อยตาม
“พระชายาพูดถูก ความเห็นแก่ตัวของลูกที่การอยู่เคียงข้างเสด็จแม่ เสด็จแม่ไม่ฟื้นขึ้นมาสิบกว่าปีแล้ว ในวันข้างหน้าหากพระชายามีวิธีทำให้เสด็จแม่ฟื้นขึ้นมา ลูกจะเข้าวังมารายงานในทันทีอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหนานหว่านเยียนก็มืดลงเล็กน้อย
นางยังจําสิ่งที่ฮ่องเต้เคยตรัสไว้ได้ จะทำให้หยีเฟยตื่นขึ้นมาไม่ได้
เรื่องนี้นางลืมบอกกู้โม่หาน
ตอนนี้นางได้แอบฉีกหน้ากากของฮ่องเต้แบบลับๆ ไปแล้ว ต้องการให้หยีเฟยฟื้นขึ้นมาหรือไม่ อยู่ที่ความสามารถของนาง ไม่จำเป็นต้องเอ่ยประเด็นนี้กับกู้โม่หานอีก
“พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะดูแลเสด็จแม่เป็นอย่างดี”
เดิมทีก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้เหมือนเคย…
สีหน้าของอ๋องเฉิงผิดหวังเล็กน้อย ชีกุ้ยเฟยก็ค่อยๆ เก็บสีหน้าไว้ นางก้มศีรษะลงคิดอะไรบางอย่าง
ไทเฮาตรัสเพียงสิ่งดีๆ ไม่กี่อย่าง ก็ไม่ได้ตรัสอะไรมาก
ฮองเฮาถอนหายใจเบาๆ“หม่อมฉันทรงทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะจัดการให้อย่างเรียบร้อยเหมาะสม ฮ่องเต้ทรงวางพระทัยได้เพคะ”
นางไม่รู้ซะที่ไหนว่า หากกหยีเฟยออกจากวัง สถานการณ์จะแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ในวังจะไม่มีผู้ใดที่สามารถรั้งกู้โม่หานไว้ได้อีกต่อไป
นี่คือวิกฤต หรือโอกาสกันแน่…ทว่าข้าก็ไม่สามารถบอกได้
ฮ่องเต้ทรงอุทานออกมาคำหนึ่ง และเหลือบมองไปยังกู้โม่หาน และหนานหว่านเยียน ด้วยสายตาที่เย็นชาเป็นอย่างมาก และจากไป
ทุกคนคุกเข่าลงคำนับ หมัวมัวก็ประคองไทเฮา ออกจากอุทยานหลวงไป
ฮ่องเต้และไทเฮาไปแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็ต่างแยกย้ายออกจากงาน
เพียงครู่เดียวในอุทยานหลวง เหลือเพียงฮองเฮา หนานหว่านเยียน และกู้โม่หานเพียงสามคน
ฮองเฮาทรงเรียกหมัวมัวข้างกาย“เจ้าไปจัดการหน่อย แจ้งตำหนักอู๋ขู่ ทําความสะอาด เก็บข้าวของออกเดินทางไปยังจวนอ๋องอี้”
“อย่าลืมจัดคนที่ร่างกายกำยำแข็งแกร่งมาช่วยหามหยีเฟย หากมีเรื่องอะไรกับหยีเฟย ข้าจะเอาเรื่องเจ้า”
“เพคะ ฮองเฮา”หมัวมัวรับคำสั่งแล้วจากไป
ฮองเฮาก็หันหลังจะจากไปเช่นกัน
กู้โม่หาน มองนางและกล่าวว่า:“รบกสนฮองเฮาแล้ว”
ฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมามองกู้โม่หาน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว“นี่เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องรับผิดชอบ ฮ่องเต้รับสั่งมา ข้าทำก็ ไม่เป็นการรบกวนหรอก”
“แต่เจ้าน่ะ ร่างกายกลับมาแข็งแรงไวดีเสียจริง?”
นางกล่าวสบายๆ หนานหว่านเยียน เลิกคิ้วขึ้น
พูดตามตรง ภาพจำของนางที่มีต่อฮองเฮานั้นไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้ที่ฮองเฮาทรงแสดงแสดงอำนาจต่อนาง เพื่อให้หนานชิงชิง และอ๋องเฉิงกลั่นแกล้งนาง ถึงขั้นไม่ให้เป็นหมอต่อ นางยังคงทำต่อไป
ทว่านางมักจะรู้สึกว่านางรู้สึกเสมอว่า ฮองเฮาและอ๋องเฉิงดูเหมือนจะมีทัศนคติที่นุ่มนวลกว่าหน่อยในเรื่องของหยีเฟย โดยเฉพาะตอนที่นางเคยรักษาหยีเฟยสองครั้ง ฮองเฮาก็ไม่ได้ถากถางเยาะเย้ยนางเหมือนแต่ก่อนอีก
สายตาที่เรียวยาวของกู้โม่หานแสดงความประหลาดใจออกมา และมองไปยังฮองเฮา:“ ลูกฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัว เลยฟื้นตัวอย่างรวดเร็วพ่ะย่ะค่ะ”
“โอ้ เจ้าดูแลสุขภาพด้วยล่ะ ข้าขอตัวก่อน” ฮองเฮาอาจจะรู้สึกอาจอึดอัดเล็กน้อย หลังจากไม่มีอะไรจะกล่าวต่อ จึงรีบจบการสนทนา และจากไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก
กู้โม่หานเฝ้ามองฮองเฮาเดินจากไป นัยน์ตาของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกที่คาดเดาไม่ได้
จากนั้น เขามองไปยังหนานหว่านเยียน“ไปดูเสด็จแม่กับข้า”
“ได้ ข้าจะถือโอกาสตรวจร่างกายเสด็จแม่ดูหน่อย เดินทางเหน็ดเหนื่อย มีหลายจุดที่ต้องระวัง” หนานหว่านเยียนก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งเดินพร้อมๆ กัน
หนานหว่านเยียนต้องการพูดคุยกับกู้โม่หาน อย่างไรก็ตามตอนนี้นางไม่ได้หนังสือหย่ามา ไปไหนไม่ได้ หลายเรื่องถูกทำให้ยุ่งเหยิงไปหมด
ตอนนี้นางมีแผนการใหม่แล้ว ทว่ายังต้องยังต้องหารือเรื่องการร่วมมือกันกับกู้โม่หาน น่าเสียดายที่คนในวังมีคนจำนวนมากกำลังจับตามองเรื่องนี้อยู่ จึงไม่ค่อยสะดวกที่จะพูดมากนัก
นางจึงอดทนไว้ และวางแผนที่จะพูดในระหว่างทางกลับจวน
ทันใดนั้น ขันทีผู้หนึ่งรีบร้อนเดินมาทางพวกเขา“อ๋องอี้ พระชายาอี้ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
ฝีเท้าทั้งสองจึงหยุดลง
หนานหว่านเยียนมองไปยังขันทีหนุ่มผู้นั้น และเอ่ยถาม“กงกงมีธุระอันใดหรือ?”
ขันทีหนุ่มผู้นั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก โค้งคำนับและกล่าวว่า“ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้พระชายาอี้เสด็จไปตำหนักหลวนเฟิ่งพ่ะ”
ไทเฮามีธุระกับนางงั้นหรือ?
ปกติแล้ว ไม่ใช่หลี่หมัวมัวที่เป็นคนมาส่งสารหรอกหรือ?
หนานหว่านเยียน ขมวดคิ้ว ทว่าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
งานเลี้ยงในวังเมื่อครู่วุ่นวายไม่น้อย ทุกคนมุ่งเป้าไปยังนางและกู้โม่หาน
ไทเฮาอาจมีบางอย่างจะพูด
นางมองไปยังกู้โม่หาน“ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับ เจ้าไปดูเสด็จแม่ก่อนเถิด”
กู้โม่หานเหลือบมองขันทีตัวน้อยหนุ่มผู้นั้น “อืม”
ขันทีหนุ่มผู้นั้นยิ้มตาหยี “พระชายาเชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หนานหว่านเยียนเดินตามขันทีหนุ่มผู้นั้นมุ่งหน้าไปยังตำหนักหลวนเฟิ่ง
ทว่านางไม่ได้สังเกต ในทันทีที่ขันทีหันหลังกลับรอยยิ้มของเขาก็หายไปในทันที นัยน์ตาของเขากลับแดงก่ำแฝงไปด้วยจิตสังหาร…