ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 388 ตายทั้งเป็น
พ่อบ้านกาวรีบถามว่า “พระชายา พระชายารองหยุนเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ตายหรอก” หนานหว่านเยียนพาร่างอันเย็นเยียบก้าวออกเรือนจู๋หลานโดยไม่ชายตามองพ่อบ้านกาว
พ่อบ้านกาวมองตามหลังหนานหว่านเยียนไป แล้วหันไปมองกู้โม่หานด้วยความลำบากใจ “ท่านอ๋อง เอ่อ…”
“อืม” กู้โม่หานขาอ่อน มือค้ำอยู่ที่กรอบประตู สีหน้าดูเจ็บปวดมาก มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก แต่สายตาของเขาจับจ้องไปยังทิศทางที่หนานหว่านเยียนจากไปโดยไม่ละสายตา
หนานหว่านเยียนโกรธจริงๆ
แต่เขาไม่ได้ตำหนินาง ใช่ว่าเขาจะไม่เคยสงสัยหยุนอี่ว์โหรว แต่วันนี้หยุนอี่ว์โหรวเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขา บวกกับที่เสิ่นอี่ว์เขียนไว้ในจดหมาย ผู้มีพระคุณที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ตอนเด็กคือหยุนอี่ว์โหรว
จนถึงตอนนี้ เขาติดหนี้นางถึงสองชีวิต จะให้มีอะไรพัวพันอีกไม่ได้ มิฉะนั้นหากยังติดหนี้หยุนอี่ว์โหรวต่อไป เขา…
พ่อบ้านกาวเห็นกู้โม่หานเป็นเช่นนี้ หัวใจก็แทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม รีบเข้าไปประคองเขาทันที “ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไป?”
กู้โม่หานบาดเจ็บหรือ?
กู้โม่หานดูแข็งแกร่งมาตลอด ระหว่างทางก็ไม่พบความผิดปกติ แม้ว่าจะเห็นรอยเลือดบนร่างกายของกู้โม่หาน ก็ยังคิดว่าเป็นของหยุนอี่ว์โหรว
กู้โม่หานสะบัดมือออก หลับตาสงบสติอารมณ์ “ข้าไม่เป็นอะไร”
จากนั้นเขาก็เรียกองครักษ์อีกคนหนึ่งที่ชื่อหลินเปิงเข้ามา แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ไปสืบหาคนที่ลอบสังหารข้ากับพระชายา รวมถึงเสิ่นอี่ว์ด้วยว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกันหรือไม่ หากไม่ใช่ สืบสาวให้ถึงแก่นแท้ถึงตัวตนและภูมิหลังของมือสังหารทั้งสองกลุ่ม ข้าอยากรู้ทุกอย่าง!”
พ่อบ้านกาวอยู่ในจวนอ๋องตลอดเวลา เขาเป็นหนึ่งในคนที่เขาใกล้ชิดและไว้วางใจมากที่สุด
แต่ครั้งนี้พ่อบ้านกาวพาหยุนอี่ว์โหรวออกไปข้างนอก เรื่องท้าทายเขาแบบนี้แม้ว่าเขาจะไม่ลงโทษหนักพ่อบ้านกาว แต่ในใจก็ยังรู้สึกแสลงใจอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องเสิ่นอี่ว์ เขาก็มีเรื่องราวสงสัยมากมาย ไม่อยากให้พ่อบ้านกาวเข้ามายุ่งเกี่ยวมากนัก
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง!” หลินเปิงตอบรับ แล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ในมุมมืด ความโหดร้ายฉายผ่านสายตาของพ่อบ้านกาว
ก่อนหน้านี้ในจวนอ๋อง หยุนอี่ว์โหรวได้กล่าวถึงองครักษ์ที่เสิ่นอี่ว์จับเข้าไปไว้ในคุกใต้ดิน เพื่อความปลอดภัย เขาจึงแอบฆ่าองครักษ์คนนั้นอย่างลับๆ ทำให้กลายเป็นเรื่องอุบัติเหตุ
แม้ว่าจะไม่รู้ว่ากู้โม่หานจะสืบสาวมาถึงตัวเขาหรือไม่ แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลนัก
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย กู้โม่หานก็สบายใจ ก้าวเข้าไปในห้อง
เขามองหยุนอี่ว์โหรว ใบหน้ายังคงซีดเซียว แต่บาดแผลถูกหนานหว่านเยียนพันเรียบร้อยแล้ว ไม่มีเลือดไหลอีก
กู้โม่หานหลุบตาลงครึ่งหนึ่ง หันไปมองพ่อบ้านกาวที่ประตูด้วยสีหน้าเย็นชา “พ่อบ้านเกา ท่านแน่ใจหรือว่าพวกมือสังหารในวันนี้พุ่งเป้ามาที่พระชายารองหยุน”
ตอนเขามาที่เรือนจู๋หลานก็ได้เห็นแล้ว เวรยามของหยุนอี่ว์โหรวนั้นอ่อนแอจริงๆ แต่จุดประสงค์ของนักฆ่าเหล่านั้นที่พุ่งเป้ามาหาพระชายารองคืออะไรกันแน่?
พ่อบ้านรีบคุกเข่าลง ไม่กล้ารีรอแม้แต่นิดเดียว “ทูลท่านอ๋อง บ่าวเองก็ไม่แน่ใจ เพราะตอนนั้นบ่าวคิดแต่จะรีบส่งจดหมายให้ท่าน…”
กู้โม่หานพิจารณาพ่อบ้านกาวอย่างละเอียด นึกถึงจดหมายฉบับนั้นจากเสิ่นอี่ว์และไม่พูดอะไรอีก
กำหมัดทั้งสองแน่นยิ่งขึ้น
เขารู้ว่าพ่อบ้านกาวไม่มีทักษะในการต่อสู้ หยุนอี่ว์โหรวก็ไม่มีแรง ไม่ง่ายเลยที่เสิ่นอี่ว์จะปกป้องพวกเขาจากมือสังหารที่มีทักษะในการต่อสู้อันแข็งแกร่งกลุ่มนั้น
แต่คนกลุ่มนั้นทำร้ายพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของเขาอย่างสาหัสเพียงนี้ หากเขาสืบได้ว่าเป็นใคร จะต้องทำให้คนพวกนั้นตายทั้งเป็น!
หนานหว่านเยียนกลับมาถึงเรือนเซียงหลิน
อวี๋เฟิงยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นหนานหว่านเยียนใบหน้าซีดเผือด จึงถามอย่างเป็นห่วง “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เรื่องที่ท่านอ๋องและพระชายาถูกลอบสังหารระหว่างทาง เขารู้หมดแล้ว
ไม่รู้ว่าองครักษ์เสิ่นเป็นอย่างไรบ้าง พระชายาช่วยชีวิตไว้ได้หรือไม่…
หนานหว่านเยียนชำเลืองมองเขาอย่างเฉยเมย “เดี๋ยวเจ้ามาที่ห้องของข้าหน่อย ข้ามีอะไรจะถาม”
จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในเรือน
อวี๋เฟิงมองตามหลังหนานหว่านเยียนที่เหนื่อยล้า ขมวดคิ้วแน่น “ขอรับ”
หนานหว่านเยียนเพิ่งเดินไปไม่ถึงสองก้าว ก็เงยหน้าขึ้นมองภายในห้องของตน ไฟสว่างจ้า ประตูไม่ได้ปิด
นางขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไป
หนานหว่านเยียนกวาดตามองภายในห้อง โม่หวิ่นหมิงกำลังตบหลังซาลาเปาน้อยเบาๆ ปากพึมพำปลอบประโลมนางอย่างอ่อนโยน
ถัดจากเขา เกี๊ยวน้อยกำลังกัดริมฝีปาก ใบหน้าจ้ำม่ำมีรอยความกังวลและหงอยเหงา
แววตาของหนานหว่านเยียนอ่อนโยนลง เดินเข้าไปในห้อง เรียกท่านน้า แล้วจึงพูดกับเด็กหญิงทั้งสอง
“ทำไมยังไม่นอนอีก?”
เมื่อได้ยินเสียง เกี๊ยวน้อยก็กระโจนไปที่ด้านหน้าของหนานหว่านเยียน แววตาเป็นประกาย “ท่านแม่!”
ซาลาเปาน้อยในอ้อมกอดของโม่หวิ่นหมิง ยื่นมือไปรินน้ำชาอย่างน่าเอ็นดู แล้วยื่นให้หนานหว่านเยียน “ท่านแม่ รีบดื่มน้ำสักหน่อย คอแห้งแล้ว”
พูดจบ นางอยากจะพูดอะไรอีกแต่ก็ยั้งไว้ มองเกี๊ยวน้อยครู่หนึ่ง
ทั้งสองคนเป็นห่วงอาการของเสิ่นอี่ว์ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหนานหว่านเยียน ก็ไม่มีใครกล้าถาม
“เด็กดี” หนานหว่านเยียนพูดอย่างอ่อนแรง ลูกสาวทั้งสองอบอุ่นจนนางรู้สึกสงสาร
โม่หวิ่นหมิงเข้าใจความคิดของเด็กหญิงทั้งสอง แล้วยังเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของหนานหว่านเยียนด้วย
เขาขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง “ว่าแต่อาการบาดเจ็บของเสิ่นอี่ว์รักษายากไหม?”