ตอนที่ 639 กลายเป็นผงก็จำเจ้าได้
แต่เดิมเฝิงเยี่ยไป๋คิดจะให้ไซ่จี๋เป็นตัวประกัน จากนั้นก็บังคับให้เฉินตานอ๋องถอยทัพ เพียงแต่ดูจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เรื่องกลับกลายเป็นยุ่งยากเสียแล้ว หากไซ่ถ่านโยนความผิดนี้มาที่พวกเขา นอกจากจะไม่สามารถทำให้เฉินตานอ๋องถอยทัพได้ กลับยังกระตุ้นให้พวกเขาฮึกเหิมมากขึ้นเสียอีก การทำเรื่องให้แย่ลงเป็นสิ่งต้องห้าม อีกอย่างตอนนี้ราชสำนักก็ไม่อาจส่งคนมาหนุนได้ จับโจรให้จับหัวหน้า ต้องเอาเฉินตานมาเชือดไก่ให้ลิงดูเสียก่อนถึงจะสร้างความน่ายำเกรงต่อแคว้นเล็กอื่นๆ ได้
แผนที่วางไว้ไม่ทันต่อความผันเปลี่ยน เขาคิดทุกความเป็นไปได้ไว้หมดแล้ว มีเพียงคิดไม่ถึงความผันเปลี่ยนของไซ่ถ่าน พอเป็นเช่นนั้นแล้ว แผนที่ถูกวางไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกทำลาย การที่ต้องรอเวลาเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อใด
เฝิงเยี่ยไป๋เคาะไปที่กำแพงสองที สายตามองไปที่ไกลๆ จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “หนังสือราชสำนักที่ให้เจ้าไปส่งเข้าวังก่อนหน้านี้ถึงแล้วหรือไม่”
แม่ทัพที่อยู่ข้างๆ โค้งมือพูดว่า “เรียนท่านอ๋อง ส่งถึงตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว”
วันก่อนก็ถึงแล้ว หนังสือราชสำนักส่งได้ เพียงแต่จดหมายของเขาดันส่งไม่ได้ ส่งไม่ได้ก็ช่างเสีย จดหมายที่อยู่ข้างนอกก็ส่งเข้ามาไม่ได้ มีเหตุผลเสียที่ไหนกัน จะต้องเป็นฮ่องเต้ที่อยู่เบื้องหลัง คิดจะตัดขาดเขาจากเมืองหลวง ช่วงเวลานี้ ในใจเขาเหมือนดั่งมีก้อนหินทับอยู่ไม่สงบนัก มักรู้สึกว่าบ้านที่เมืองหลวงเกิดอะไรขึ้น ไม่อาจติดต่อได้ด้วยจดหมาย ก็ต้องให้เขาไปด้วยตัวเอง เพียงแต่ฝั่งนี้เขาก็ไม่อาจละทิ้งได้ ตอนแรกเริ่มมีความหวังแล้ว เพียงแต่ตอนนี้มีไซ่ถ่านโผล่ขึ้นมาอีก จะกลับได้ยามใดก็มิอาจทราบได้
ฝั่งเฝิงเยี่ยไป๋นี้มีเรื่องไม่หยุด ฝั่งเว่ยเฉินยางนั้นก็ใช่ว่าจะราบรื่นนัก หลังจากฮ่องเต้น้อยขึ้นครองราชย์ ไม่ใช่เพียงแค่คนที่ปรนนิบัติเปลี่ยนไปทั้งหมด แม้แต่เหล่าหัวหน้ากององครักษ์ก็ถูกเปลี่ยนไปหลายคน ฮ่องเต้เชื่อใจคนของฮ่องเต้พระองค์ก่อนเหล่านั้นไม่ได้ คนที่มีความเกี่ยวข้องกับพระองค์โดยตรงนั้นล้วนเป็นคนของพระองค์เอง คิดอยากจะใช้กององครักษ์ลักลอบเข้าวังแทบไม่ต่างอะไรจากไปตายเลย
อวี่เหวินลู่หาหานสือเจอ เพียงแต่ยามนี้เขาก็ไม่ได้เป็นหัวหน้ากององครักษ์เสียแล้ว เป็นเพียงทหารเฝ้ายามที่ประตูเสินอู่ ในมือไม่มีอำนาจใดๆ กลางวันเดินวนอยู่ที่ประตูเสินอู่แล้วหิ้วเหล้ามาไหหนึ่ง ค่อยๆ ดื่มไปจนถึงตอนเย็น เลิกเวรยามแล้วค่อยๆ เดินเล่นกลับไปไปตามกำแพงวัง วันแล้ววันเล่า ตอนแรกนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ รู้สึกว่าตัวเองถูกเมินเฉยความสามารถ ตอนหลังเริ่มปล่อยวาง ชีวิตเมื่อก่อนที่สู้รบฆ่าฟันช่างน่ากังวลนัก ตอนนี้มีครอบครัวแล้ว ไม่เป็นเช่นเดิมแล้ว พอเปลี่ยนความคิด ก็รู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้ก็ไม่เลวนัก วันเวลาที่สงบสุขถึงยั่งยืน ชีวิตที่ต้องเสี่ยงชีวิตไม่อาจอยู่จนแก่เฒ่าได้
ยามที่อวี่เหวินลู่มาหาเขานั้น เขาไม่ค่อยอยากเจอเว่ยเฉินยางนัก ความบาดหมางของครอบครัวพวกเขากับราชวงศ์ยากจะแก้ไขนัก ไม่ว่าใครถูกใครผิด ก็จะต้องมีใครตายไปข้างหนึ่งถึงจะจบได้ เฝิงเยี่ยไป๋ก็ดันเป็นคนไม่อาจต่อกรได้ ฮ่องเต้ก็ใช่ว่าจะสนิท พอไปมาเช่นนี้ก็ยืดเยื้อไปอีก ยังมีซู่อ๋องที่คิดจะชิงแผ่นดินกับฮ่องเต้ เรื่องข้างในซับซ้อนยิ่งนัก พวกเขาที่เป็นคนนอกพัวพันเข้าไปก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่ง ถึงเวลาเรื่องแดงขึ้นมา พวกเขาก็จะเป็นคนแรกที่เป็นแพะรับบาป ถึงยามนั้นตายอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่คุ้มเอาเสียเลย
อวี่เหวินลู่ปิดหน้ามาหาเขา เพียงแต่การทำเช่นนั้นเหมือนจะวาดงูเติมขาเสียแล้ว ใบประกาศจับในเมืองหลวงเป็นเขาที่นำคนไปติดเอาไว้ อย่าว่าแต่เขาปิดหน้าเลย ต่อให้เขากลายเป็นผงหานสือก็จำเขาได้
ตอนที่ 640 ท่านซื่อจื่อช่างหลอกง่ายเสียจริง
หานสือปฏิเสธเงินจำนวนมากที่เว่ยเฉินยางเสนอให้ ตอนนี้เขาคิดแล้วว่า การรักษาชีวิตให้รอดสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด อย่างไรเสียตอนนี้ก็ขอแต่งภรรยามาได้แล้ว เงินเดือนก็เพียงพอต่อการเลี้ยงดูคนในครอบครัวได้ ความมั่นคงอย่างนี้ดีอยู่แล้ว เขาไม่อยากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก
อวี่เหวินลู่ไม่ได้พูดดีกับเขาเลย อารมณ์ที่ดีๆ เปลี่ยนไปหมด เริ่มพูดจาข่มขู่ขึ้นมาดังลั่น “เจ้ารักชีวิตของตัวเอง คนในครอบครัวของเจ้าก็รักชีวิตของตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้ข้าเจรจากับเจ้าดีๆ ความโกรธแค้นระหว่างเราสองคน ข้าก็ไม่อยากให้คนในครอบครัวเจ้ามาเดือดร้อนไปด้วย แต่ถ้าเจ้ายังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร อย่างนั้นข้าต้องให้พวกเขามารับโทษแทนเจ้า”
หานสือไม่ได้ตื่นตระหนกเพราะคำขู่ของเขา หน้าตาของเขาดูสงบนิ่ง เอาแต่ยกกาเหล้ากระดกดื่ม แล้วหัวเราะขึ้น พร้อมยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านซื่อจื่อ ตอนนี้มีประกาศจับท่านเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ถ้าไม่มีธุระอะไรพยายามอย่าออกไปข้างนอก ตอนนี้กององครักษ์พวกนั้นไม่ใช่ว่าจะใช้เงินซื้อได้ ถ้าท่านถูกจับได้ขึ้นมา กำลังพลของท่านไม่เพียงพอ จะไม่มีใครสามารถมาช่วยท่านได้”
อวี่เหวินลู่ตกใจครู่หนึ่งแล้วสูดลมหายใจเข้า มองไปรอบด้านอย่างลนลาน ดูให้แน่ชัดว่าไม่มีคนอยู่ถึงคอยสังเกตดูหานสือ เขาทำตัวไม่สะทกสะท้านตั้งแต่แรก ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เขาทำหน้าตาเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา และไม่ได้เก็บไปใส่ใจ อวี่เหวินลู่จะว่าฉลาดก็ฉลาด แต่ในความฉลาดยังขาดทักษะอยู่ ถูกหานสือบ่งชี้ตัวตนที่แท้จริงแค่นี้ รีบระเบิดออกมาเหมือนขนแมวที่ตั้งลุกขึ้น “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน”
หานสือชี้ไปที่หน้าเขา “ประกาศจับเจ้าเป็นข้าเองที่นำคนไปติด หน้าตาของเจ้านี้ ข้าคุ้นเคยดีที่สุดแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าจะปิดหน้าปิดตาเลย แม้เจ้าจะสลายเป็นผงข้าก็แยกออกว่าเป็นเจ้า” หยุดไปครู่แล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ยังไม่ได้ทำอะไร เจ้าเป็นคนโจมตีขายตัวเองก่อน ท่านซื่อจื่อช่างหลอกง่ายเสียจริง”
อวี่เหวินลู่โมโหมากจนต้องถอดหน้ากากออก เผชิญหน้ากันซึ่งๆ หน้า “ในเมื่อเจ้ารู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้ายิ่งไม่สามารถให้เจ้ามีชีวิตต่อได้ ถ้าหากวันข้างหน้าเจ้านำข้าไปขายต่อ หากเป็นอย่างนั้นข้าคงไม่มีที่จะร้องเรียกให้คนช่วยเหลือได้ ตอนนี้เจ้ามีแค่ทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถรอดไปได้ คือเจ้าจะช่วยคิดหาวิธีให้พวกข้าเข้าไปในวังหลวงได้ เราเอาชีวิตเราผูกติดไว้ด้วยกัน ข้าจึงจะสามารถไว้ใจเจ้าได้ หรือเจ้าจะจบชีวิตเจ้าตอนนี้ จะได้ไม่ต้องลำบากวันข้างหน้า”
อย่างไรเสียคนคนนี้เป็นเหมือนแผ่นปิดแผลหนังสุนัขชิ้นหนึ่ง แค่ติดไป อย่าคิดว่าจะสามารถเอาออกได้ง่ายๆ หานสือถอนหายใจอย่างหมดปัญญา แสดงออกให้เห็นว่าจนปัญญา “ท่านซื่อจื่อยกย่องข้าเกินไปแล้ว ข้าเกรงว่าจะช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นหัวหน้าองครักษ์อะไรแล้ว แค่ทำงานสบายๆ ที่ประตูเสินอู่ แม้ว่าท่านจะสับข้าเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างไร ข้าก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้”
“ทำงานสบายรึ” อวี่เหวินลู่ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเขา “ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ประจำตัวของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เคยรับใช้ที่ตำหนักหย่างซินมาตลอด ตอนนี้ถูกเปลี่ยนมาเฝ้าประตู จะไม่เป็นการลดความสามารถเจ้าเกินไปหรือ”
หานสือยังพูดด้วยความเกรงใจอยู่ “ลดความสามารถไม่กล้ารับ แต่เป็นรับสั่งของฮ่องเต้อีกที แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น จะว่าไป ข้าเห็นว่างานนี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ท่านซื่อจื่อเลือกคนที่มีความสามารถมากกว่าข้าจะดีกว่า ท่านวางใจได้ ข้าเป็นอย่างนี้ดีแล้ว ไม่ได้เป็นการหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเอง แม้ว่าข้าจะเคยเจอท่านก็จะไม่เอาไปพูดให้ใครฟัง”
“ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย” สายตาของอวี่เหวินลู่หันไป ใจรีบคิดหาวิธีอื่น