ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่395 แกะกุ้งให้ข้าเหรอ?
เจ้าของร่างเดิมไม่ชอบกินผักกูด หยุนอี่ร์โหรวชอบใช้วิธีสกปรกแบบนี้ งั้นนางก็จะทำเหมือนที่นางทำบ้างนะ
หยุนอี่ร์โหรวอึ้ง มองหนานหว่านเยียนอย่างไม่พอใจ
“พระชายา ยังไงโหรวเอ๋อร์ก็เป็นพระชายารองของท่านอ๋อง คุกเข่าตักอาหาร เป็นเรื่องที่ข้ารับใช้ทำ ถ้ามีคนเข้าใจผิดคิดว่าพระชายารังแกพระชายารอง คิดว่าท่านเป็นหญิงร้ายจะไม่ดีเอานะเจ้าคะ……”
ทำไมวันนี้หนานหว่านเยียนเอาแต่เหยียดหยามนางนะ?
หรือว่า หนานหว่านเยียนจะรู้เรื่องที่นางป่าวประกาศตัวตนของเด็กสองคนนั้น?
ไม่ ไม่มีทาง พ่อบ้านเกาปิดเรื่องนี้ไว้แล้ว ไม่มีทางมีปัญหาแน่
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ หยุนอี่ร์โหรวก็ยังรู้สึกกังวลในใจอยู่ดี
หยุนเหิงเหลือบมองกู้โม่หาน เห็นเขาไม่พูดไม่จา ก็ถึงพูดขึ้นว่า
“ให้เจ้าคุกเข่าก็คุกเข่าสิ เป็นคนของจวนแม่ทัพแท้ๆ ทนลำบากแค่นี้ก็ไม่ได้ จะโดนคนอื่นครหากันนะ”
หยุนอี่ร์โหรวปวดใจ มองหยุนเหิงอย่างตกใจ “พี่ชาย……”
หยุนอี่ร์โหรวโกรธจนกัดฟันกรอด คุกเข่าลงอย่างไม่พอใจ “เจ้าค่ะ โหรวเอ๋อร์จะคุกเข่าตักอาหาร ขอพระชายาอย่าโกรธเลย”
มือที่พันผ้าพันแผลไว้ของนางสั่นเทา คีบเนื้อหมูสามชั้นให้กู้โม่หาน “ท่านอ๋อง เชิญรับประทานเจ้าค่ะ โหรวเอ๋อร์รู้ว่าเมื่อคืนท่านบาดเจ็บเพราะต่อสู้กับศัตรู กินเนื้อบำรุงร่างกายหน่อยนะเจ้าคะ”
เพราะคุกเข่าเลยเอื้อมไม่ถึง นางจึงต้องพยายามยื่นมือออกไป กระชากโดนแผลที่อกขวา นางเจ็บจนสูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำตาไหลออกมา
ห้าปีก่อนขอแค่นางน้ำตาไหล กู้โม่หานกับหยุนเหิงก็จะช่วยนางพูดทันที แต่ตอนนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ?
หนานหว่านเยียนกระตุกมุมปาก สายตาเย็นชา
กู้โม่หานมองดูหมูสามชั้นในถ้วย นึกถึงตอนอยู่ในวังกับหนานหว่านเยียน กินข้าวกับเด็กสองคนอย่างมีความสุข กินหมูสามชั้นเหมือนกัน เขาอดไม่ได้ขมวดคิ้ว
ตอนนี้หยุนเหิงไม่เห็นใจหยุนอี่ร์โหรวเลย เขาแสยะยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องเป็นถึงเทพสงคราม จะบาดเจ็บเพราะพวกนักฆ่ากระจอกๆได้ยังไง”
“ท่านอ๋องบาดเจ็บเพราะปกป้องพระชายากับจวิ้นจู่น้อยสองคนต่างหาก ก็ถึงโดนฝ่าบาทลงโทษ โบยหนึ่งร้อยหกสิบที”
กู้โม่หานยอมโดนโบยเพื่อหนานหว่านเยียนงั้นเหรอ?!
สีหน้าที่ซีดเซียวของหยุนอี่ร์โหรวเปลี่ยนไปทันที ในใจของนางตกตะลึงมาก นางมองใบหน้าที่หล่อเหลาของกู้โม่หาน ความอิจฉาเข้าครอบงำจิตใจ
เรื่องนี้นางไม่รู้เลย กู้โม่หานไม่เคยบอกกับนาง นางคิดว่า นักฆ่าเยอะเกิน จนทำให้กู้โม่หานบาดเจ็บ
ไม่คิดว่า เขาจะบาดเจ็บเพื่อหนานหว่านเยียน!
เขา ดีกับหนานหว่านเยียนขนาดนั้นเลยเหรอ……
นางมองกู้โม่หานอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอ๋องบาดเจ็บหนักขนาดนี้ เมื่อคืนยัง……”
“พระชายารองหยุน”
ทันใดนั้นหนานหว่านเยียนก็พูดแทรกหยุนอี่ร์โหรว นางมองดูหยุนอี่ร์โหรวด้วยสายตาเย็นชา
“แค่ตักอาหารก็ทำได้ไม่ดี สั่งให้เจ้าทำอะไรก็ลีลา ชักชาเอาแต่พูดจาไร้สาระ ข้าไม่อยากรอแล้ว ข้าวถ้วยนี้ เจ้าเก็บไว้กินคนเดียวเถอะ”
พูดจบ นางก็เอาถ้วยที่มีผักกูดยื่นให้หยุนอี่ร์โหรว
หยุนอี่ร์โหรวอึ้ง ความรู้สึกอยากฆ่าคนก็ปะทุขึ้นมาในใจ อยากจะฆ่าหนานหว่านเยียนให้ตายเดี๋ยวนี้
แต่ภายนอก นางกลับร้องไห้น้ำตาไหลพราก “ท่านอ๋อง โหรวเอ๋อร์ โหรวเอ๋อร์กินผักกูดไม่ได้ ท่านก็รู้ดี โหรวเอ๋อร์กินแล้วจะมีตุ่มแดงขึ้นนะเจ้าคะ……”
กู้โม่หานขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้ห้ามเลย รู้สึกว่าหนานหว่านเยียนระบายอารมณ์โกรธก็สมควรอยู่หรอก
แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าหนานหว่านเยียนทำเกินไปแล้ว “พอแล้ว เจ้ากลับเรือนจู๋หลานไปก่อน”
“เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง” หยุนอี่ร์โหรวยิ้มดีใจ ในใจตื่นเต้นมาก รีบลุกขึ้นมาทันที
กู้โม่หานยังเป็นห่วงนาง สุดท้ายก็ยอมปกป้องนาง!
“ช้าก่อน” หนานหว่านเยียนสายตานิ่งเฉย มองกู้โม่หานอย่างเย็นชา “ทำไม ท่านอ๋องรู้สึกว่า ข้าที่เป็นว่าที่ไท่จื่อเฟย ไม่มีสิทธิ์ในการประทานอาหารให้พระชายารองเหรอ?”
หยุนอี่ร์โหรวแกล้งเจ้าของร่างเดิมออกจะบ่อย แถมยังแกล้งนางอีก นางไม่มีทางปล่อยหยุนอี่ร์โหรวไปง่ายๆหรอกนะ!
กู้โม่หานจ้องมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาเย็นชา นัยน์ตามืดมนลง หนานหว่านเยียนก็มองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น
ทั้งสองไม่มีใครยอมใครเลย
หยุนเหิงเห็นบรรยากาศผิดปกติ ก็เลยรีบพูดว่า “ใช่ๆ ท่านเป็นพระชายา พูดอะไรก็ถูกทั้งหมด! ของที่ท่านประทานให้ ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับ พระชายารอง ยังไม่รีบรับไว้อีก!”
หนานหว่านเยียนจ้องใบหน้ากู้โม่หาน แสยะยิ้มเย็นชา “แม่ทัพน้อยหยุนรู้งานจริงๆ ไม่เหมือนใครบางคน ชอบทำตัวเหมือนตาบอดมองไม่เห็น”
คนผู้นั้นก็ต้องเป็นกู้โม่หานอยู่แล้ว
นิ้วมือเรียวยาวของกู้โม่หานกำหมัดแน่นช้าๆ มองค้อนหยุนเหิง โกรธจนพูดไม่ออก
หยุนเหิงก็รีบถอยหลังไป ท่านอ๋องกับพระชายาทำไมถึงทะเลาะกันขึ้นมาล่ะ
ไม่สิ หลักๆคือพระชายาด่าท่านอ๋องฝ่ายเดียว
หยุนอี่ร์โหรวเห็นกู้โม่หานพูดไม่ออก นางก็โกรธมาก แต่ก็ไม่กล้าไป
ฤทธิ์ยาแก้ปวดเริ่มหมด แผลที่อกขวาเริ่มเจ็บไปถึงกระดูก หยุนอี่ร์โหรวยกมือขึ้นกุมแผลที่อก รับถ้วยข้าวมาด้วยมือเดียวอย่างน้อยใจ แล้วก็ยืนกินอยู่อย่างนั้น
“เจ้าค่ะ อาหารที่พระชายามอบให้ โหรวเอ๋อร์ก็ต้องกินอยู่แล้ว”
แต่นางไม่ชอบกลิ่นผักกูดจริงๆ นางกินข้าวไปด้วย และคลื่นไส้ไปด้วย น้ำตาไหลพราก เกลียดหนานหว่านเยียนมากขึ้นกว่าเดิม
หนานหว่านเยียนกวาดตามองหยุนอี่ร์โหรวที่ยืนกินข้าวด้วยสายตาเย็นชา ท่าทางดูน่าสงสาร แต่นางกลับไม่เห็นใจเลย และแสยะยิ้มเย็นชา
นางคีบกุ้ง กำลังแกะเปลือกกุ้ง หยุนเหิงก็รีบพูดว่า: “มือพระชายาสวยขนาดนี้ จะมาแกะกุ้งได้ยังไง ให้ข้าทำเถอะ”
ว่าแล้ว เขาก็คีบกุ้งมา เตรียมช่วยหนานหว่านเยียนแกะ
กู้โม่หานทำหน้าบึ้ง กดมือของหยุนเหิงไว้แน่น “เจ้าทำอะไร? จะแกะกุ้งให้พระชายาเหรอ?”
หยุนเหิงเป็นใครกัน คิดจะมาแกะกุ้งให้หนานหว่านเยียนง่ายๆงั้นเหรอ?
ทันใดนั้น ก็ได้สัมผัสถึงความโมโห กดดันจนหยุนเหิงไม่กล้าหายใจ เขาก็ถึงรู้ตัวว่า ยังไงหนานหว่านเยียนก็แต่งงานแล้ว เขายิ้มแห้งอย่างเขินอาย “ใช่ ข้าทำอะไรไม่คิดเอง ท่านอ๋องอย่าโกรธไปเลย”
กู้โม่หานแสยะยิ้มเย็นชา ปล่อยมือของหยุนเหิงออก คีบกุ้งขึ้นมาแล้วเริ่มแกะ
หยุนเหิงไม่กล้าพูด หยุนอี่ร์โหรวยืนดูอยู่ แต่กู้โม่หานกลับนำกุ้งที่แกะเสร็จแล้ว คีบไปไว้ในถ้วยหนานหว่านเยียน
สีหน้าของหยุนอี่ร์โหรวเสียไปทันที ในใจรู้สึกไม่ดี
ครั้งนี้นางทำอะไรผิดเหรอ?
ทั้งที่นางเป็นคนช่วยชีวิตกู้โม่หานไว้ ทำไมเขาถึงไม่เข้าข้างนางเลย สนใจแต่หนานหว่านเยียน แถมยังเอากุ้งที่แกะเสร็จแล้วให้หนานหว่านเยียนอีก?!
ในถ้วยหนานหว่านเยียนมีกุ้งเพิ่มขึ้น ทันใดนั้น นางก็เอากุ้งที่กู้โม่หานแกะเสร็จแล้ว คีบให้หยุนเหิงแทน
“ท่านอ๋องให้แม่ทัพน้อย กินสิ”
หยุนเหิงมองดูกุ้งในถ้วย ร่างกายแข็งทื่อ เขามองไปยังกู้โม่หาน
ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้โม่หานบึ้งตึง จ้องมองเขาด้วยสายตาเฉียบคม ใช้มือบีบตะเกียบหักเป็นสองท่อน——