ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่397 ข้าจะเป็นสามีของเจ้าตลอดไป
แทนที่จะบอกว่าจูบ บอกว่ากัดจะดีกว่า
กู้โม่หานควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะหลังจากที่จูบริมฝีปากหนานหว่านเยียนก็เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้
เหมือนเรื่องที่เขาคิดว่าควบคุมได้ ความรู้สึกหวงก้างที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ ก็ถูกสายตาที่เย็นชา รังเกียจและคำพูดที่แทงใจดำของนาง กระตุ้นออกมาทั้งหมด แล้วเข้ามาครอบงำจิตใจของเขาแทน
นัยน์ตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยไฟที่ปะทุรุนแรง ข้อมือกับเอวก็ถูกเขาจับไว้แน่น ไม่ให้โอกาสนางหนีเลย
“หนานหว่านเยียน ข้าเป็นสามีของเจ้า และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป!”
“ไสหัวไป!” หนานหว่านเยียนถูกกัดริมฝีปากจนเจ็บ สายตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ทุบเขาอย่างโมโหแล้วผลักตัวเขาออกไป
แต่ยิ่งขัดขืน เขาก็จูบแรงมากขึ้น มือใหญ่ยังฉีกเสื้อของนางจนขาด
หนานหว่านเยียนทนไม่ไหว ทันใดนั้นก็เอากระทะออกมาจากช่องว่าง ตีไปที่หัวของกู้โม่หานอย่างแรง งอเข่าแล้วเตะไปที่ท้องของเขา
“กู้โม่หาน เจ้ามันบ้า!”
เสียงกระทะกระทบหัวทำลายความเงียบในเรือน
หนานหว่านเยียนผลักกู้โม่หานออกไปอย่างแรง ชายหนุ่มจับหัว รู้สึกเวียนหัว มือประคองมุมโต๊ะไว้ เจ็บจนสีหน้าซีดเซียว
เขาทำหน้าบึ้งตึง เสื้อผ้ายับเหยิน มองหนานหว่านเยียน เหมือนใจเย็นลงไม่น้อย ริมฝีปากบางนั้นเม้มแน่น
หนานหว่านเยียนมองดูเขา โกรธกว่าเดิม แต่เห็นเขาใจเย็นลง นางก็สูดหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงเย็นชาแฝงไปด้วยความโกรธ
“กู้โม่หาน ข้าคิดว่าไม่ได้ติดค้างอะไรเจ้า เจ้าให้ข้าช่วยคนรักของเจ้า ถึงแม้ข้าจะรู้สึกว่านางมีปัญหา แต่ข้าก็ทำตามที่เจ้าบอก แต่เจ้าจะได้คืบแล้วเอาศอกแบบนี้ไม่ได้!”
“ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องข้าอีก พวกเราก็อย่าร่วมมือกันอีกเลย! ข้าจะเป็นศัตรูของเจ้า เจ้าเองก็ใจเย็น คิดให้ดีด้วย อีกอย่าง เรื่องของเสิ่นอี่ร์ ข้าขอเตือนเจ้าอีกรอบนะ คนในจวนจะต้องมีปัญหาแน่ คนรักของเจ้าเป็นปัญหาใหญ่ เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ข้าจะทำให้เสิ่นอี่ร์ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ และค้นหาความจริงให้ได้”
พูดจบ นางก็หันหลังเดินออกจากเรือนซีเฟิง
เป้าหมายของนางชัดเจนมาตลอด ช่วยกู้โม่หานยึดอำนาจ จากนั้นก็หนีออกจากที่ตรงนี้
ส่วนกู้โม่หานต่อไปจะเป็นยังไงนั้น ไม่เกี่ยวกับนาง นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กสองคน ตอนนี้ถ้านางไป ใครจะช่วยเขายึดอำนาจ ใครจะมีอารมณ์ช่วยเขาสืบหาความจริงอีก
หนานหว่านเยียนไปแล้ว กู้โม่หานไม่ได้ห้ามไว้ เขายืนอยู่กับที่ จ้องมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของหนานหว่านเยียน หัวใจเหมือนโดนนางบีบไว้ในมือแน่น รู้สึกปวดและอึดอัด อยากพูดอะไรแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
เรื่องที่ให้หนานหว่านเยียนช่วยหยุนอี่ร์โหรว เขาไม่มีอะไรให้อธิบาย
เขา……ไม่อยาก และติดค้างหนี้บุญคุณหยุนอี่ร์โหรวอีก
แต่หนานหว่านเยียน……นางจะต้องโกรธมากแค่ไหนนะ ถึงกับเอาหยุนเหิงมากระตุ้นเขา
ถ้าทำให้โมโหอีก เขาคงควบคุมตัวเองไม่ได้อีก เมื่อกี้เขาก็คิดว่า เขากับหนานหว่านเยียนเป็นสามีภรรยากัน ทำไมถึงต้องอดทนไม่แตะต้องนางด้วย……
ใบหน้าหล่อเหลาของกู้โม่หานซีดเซียว แผลที่หลังไม่ได้จัดการมาสองวันแล้ว ทั้งเจ็บทั้งปวด
เขาวุ่นวายจิตใจ เดินเข้าไปในห้องเสิ่นอี่ร์
มองดูบาดแผลทั้งตัวของเสิ่นอี่ร์ ท่าทางที่สลบไม่ได้สติ สายตาของเริ่มเฉียบคม ความสง่างามแผ่ซ่านออกมาจากรอบกาย
ทันใดนั้น หน้าประตูก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “ท่านอ๋อง รองแม่ทัพเสิ่นจากค่ายเสินเชื่อมาขอรับ”
พ่อบ้านเกาเข้ามารายงาน กู้โม่หานพูดอย่างเย็นชา “ให้เขาเข้ามา”
“ขอรับ” พ่อบ้านเกาตอบรับ ให้รองแม่ทัพเสิ่นเข้าห้อง จ้องมองกู้โม่หานตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ถึงเดินออกไป
เหล่าเสิ่นเดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ ในมือถือหนังสือไว้แน่น ทำความเคารพกู้โม่หาน “ขอคารวะไท่จื่อ”
กู้โม่หานเป็นว่าที่ไท่จื่อ จะเรียกเขาว่าท่านอ๋องหรือไท่จื่อก็ได้
กู้โม่หานไม่สนใจคำเรียก เขามองไปยังเหล่าเสิ่น “เจ้าเดินได้แล้วเหรอ?”
เหล่าเสิ่นนอนพักอยู่บนเตียงหลายเดือน ทำงานหนักไม่ได้ แต่ยังพอรายงานเรื่องได้ “ขอรับ ยังดีที่ไท่จื่อเฟยช่วยไว้ ไม่งั้นขาของข้าน้อยคงจะไม่ดีขึ้นแล้ว”
เขามองไปยังเสิ่นอี่ร์ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ข้าน้อยได้ยินมาว่าท่านกับองครักษ์เสิ่นถูกลอบทำร้าย เลยตั้งใจมาเยี่ยม ท่านกับไท่จื่อเฟยไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?”
เหล่าเสิ่นกับเสิ่นอี่ร์เป็นพี่น้องร่วมสาบาน เมื่อก่อนตอนอยู่ในค่ายทหารก็สนิทกันมาก กู้โม่หานสีหน้ามืดมน พูดเสียงเบาว่า “พวกเราไม่เป็นไร แต่ว่าเสิ่นอี่ร์……ถึงแม้จะรอดชีวิตกลับมาได้ แต่ก็ไม่ฟื้นสักที”
แม้แต่พระชายาที่มีวิชาการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ก็ยังทำให้เสิ่นอี่ร์ฟื้นไม่ได้เหรอ?
เหล่าเสิ่นโมโหมาก “ถ้าข้าน้อยจับคนที่ทำได้ ข้าจะถลกหนังของคนผู้นั้นซะ!”
กู้โม่หานเม้มริมฝีปาก เหล่าเสิ่นยื่นสมุดในมือให้กู้โม่หาน “ไท่จื่อ งานในค่ายทหารกองเต็มแล้ว รองแม่ทัพอวี๋ยุ่งไม่ไหวแล้ว ข้าน้อยก็เลยมาส่งให้ท่านเอง ท่านลองดูก่อน”
ตอนนี้ท่านอ๋องไม่เพียงแต่เป็นแม่ทัพของค่ายเสินเชื่อ ยังเป็นไท่จื่ออีก งานที่ต้องจัดการ เทียบกับเมื่อก่อนเยอะขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
ด้านหนึ่งต้องจัดการเรื่องในวัง อีกด้านก็ต้องชักจูงอำนาจ อีกด้านก็ยังต้องสืบคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังอีก ท่านอ๋องคงจะเหนื่อยแย่ เขามาที่นี่แค่อยากดูว่า จะช่วยอะไรกู้โม่หานได้บ้าง
กู้โม่หานใบหน้าซีดเซียว สีหน้ากลับไม่มีความรู้สึกใดๆเลย เขารีบสมุดมาแล้ววางไว้ข้างๆ นัยน์ตาเย็นยะเยือก
“ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวจะจัดการเอง แต่เรื่องนี้ ข้าคงต้องให้พี่น้องในค่ายเสินเชื่อช่วยกัน สืบความจริงให้ข้าทั้งหมด!”
เหล่าเสิ่นได้ยินแล้ว รีบคุกเข่า มองกู้โม่หานอย่างเคารพ “ท่านอ๋องสั่งมาได้เลยขอรับ!”
นัยน์ตาที่เยือกเย็นของกู้โม่หานแฝงไปด้วยความดุร้าย ที่จริงไม่เพียงแต่หนานหว่านเยียนที่สงสัยว่าในจวนมีคนทรยศ เขาก็เดาได้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามีใครบ้าง
เพราะยังไงคนในจวนของเขา……เขาไม่อยากเชื่อจริงๆว่า ในจวนจะมีคนทรยศเขาได้ แต่เขาก็ไม่ใช้งานคนในจวนง่ายๆ ถึงแม้จะเป็นพ่อบ้านเกาก็ตาม
“ถอนกำลังทหารจากค่ายออกมา สืบเรื่องนักฆ่าที่ลอบสังหารในจวน รวมไปถึงนักฆ่าที่ลอบสังหารข้ากับพระชายา”
“ก่อนหน้านั้นข้าให้เสิ่นอี่ร์ไปสืบ คนร้ายที่ป่าวประกาศเรื่องตัวตนของเสี่ยวจวิ้นจู่ และเรื่องของพระชายา ข้าสงสัยว่า เสิ่นอี่ร์อาจจะสืบความจริงได้แล้ว ก็เลยโดนพวกคนร้ายลอบโจมตี นักฆ่าสองฝ่ายอาจจะไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน”
“เรื่องพวกนี้ เจ้าก็ต้องบอกรองแม่ทัพอวี๋เหมือนกัน ไปจัดการ ถึงจะต้องพลิกแผ่นดินตามหา ก็ต้องจับคนพวกนั้นให้ได้!”
กล้าทำร้ายลูกเมียของเขา พี่น้องของเขา ถึงจะต้องตามหาทั่วแผ่นดิน เขาก็ต้องให้พวกนั้นชดใช้ให้ได้——