ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 407 ดอกท้อ1ของพระชายาบานสะพรั่ง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 407 ดอกท้อ1ของพระชายาบานสะพรั่ง

ฮูหยินกั๋วกงเรียกคนมาประคองหลินหมัวมัวกลับไปพักผ่อน

ขณะเดียวกัน เวลาหนึ่งก้านธูปก็สิ้นสุดลง

หนานชิงชิงวางพู่กันลงอย่างมั่นใจ เงยหน้ามองฝูงชนที่กระจุกรอบกายหนานหว่านเยียน ริมฝีปากยกโค้งเย้ยหยัน

ไม่ใช่ว่านางไม่รู้เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หนานหว่านเยียนมีทักษะทางการแพทย์ อยากอวดก็ปล่อยให้นางโอ้อวดไป เรื่องที่สำคัญที่สุดของวันนี้คือการชนะการเดิมพัน ได้เป็นที่โดดเด่นสะดุดตา

แม้หนานหว่านเยียนจะช่วยหมัวมัวไว้ ได้รับคำเยินยอนิดหน่อยเล็กน้อยแล้วอย่างไร คนไร้ประโยชน์อย่างไรก็เป็นคนไร้ประโยชน์ คู่ควรมาเทียบกับนางรึ

ยิ่งไปกว่านั้น หนานหว่านเยียนใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูป จะไปทำอะไรได้บ้างกัน

ต้องแต่งไม่ได้เป็นแน่ รอนางทำให้หนานหว่านเยียนอับอายขายขี้หน้าอยู่กระมัง!

ด้านบนหอจูหยุน สีหน้ากู้โม่หานค่อยๆ ปล่อยสบายขึ้น แต่ต่อมา คิ้วเรียวยาวเพริศพรายก็ขมวดเล็กน้อย

เมื่อครู่ท่าทางหนานหว่านเยียนตอนช่วยคนจริงจัง ราวกับม้วนภาพสลักไว้ในใจเขา แต่พลันนึกถึงตอนตนเองบังคับหนานหว่านเยียนช่วยหยุนอี่ว์โหรวท่าทางปฏิเสธคำขอของหนานหว่านเยียน ทิ่มแทงในหัวใจ

อวี๋เฟิงกลับไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ มองหนานหว่านเยียนอย่างหยิ่งยโสยิ่ง “ข้าน้อยรู้ว่า พระชายางดงามจิตใจดี วันนี้ทำให้ทุกคนเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่ได้! ทว่า…”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา “หากพระชายาประพันธ์บทกวีได้สำเร็จงดงาม พวกแม่ทัพน้อยหยุนนั้น คงจะยิ่งสนิทกับพระชายาขึ้น…”

มีคนชื่นชอบพระชายามากขึ้น ท่านอ๋องจะไม่หึงหวงแทบตายหรือ

เป็นตามคาด กู้โม่หานพลันขมวดคิ้วขึ้นมาทันที นิ้วเรียวยาวบีบฉลุหน้าต่าง สายตาประกายความไม่พอใจ

ภายในจวนกั๋วกง ฮูหยินเฉิงเซี่ยงมองหนานหว่านเยียนได้รับความสนใจ สายตายิ่งเย็นลง

หนานหว่านเยียนน้ำขึ้นเรือย่อมสูง1 ตลอดทาง ตบหน้านางกับบุตรสาวครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งบีบให้นางต้องออกเงินหนึ่งแสนตำลึงโดยเปล่าประโยชน์ โกรธจนตาเขียวหมดแล้ว

ตอนนี้หนานหว่านเยียนได้ช่วยแม่นมของฮูหยินกั๋วกงต่อหน้าทุกคน ค่อนข้างได้รับความสำคัญจากฮูหยินกั๋วกงหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คนเหล่านี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จะต้องก้มกราบใต้กระโปรงหนานหว่านเยียนเป็นแน่!

ฮูหยินเฉิงเซี่ยงเบียดเข้าไปในกลุ่มคน แล้วเผยรอยยิ้มออกมา “ช่วยหลินหมัวมัวไว้ได้ก็ดี ฮูหยินกั๋วกง ตอนนี้เวลาหนึ่งก้านธูปก็สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนต่างเห็นว่าตอนนั้นพระชายาเขียนได้เร็วที่สุด เวลาครึ่งก้านธูปก็เขียนเสร็จแล้ว”

“พระชายาเพิ่งชนะหมากรุก ผลงานบทกวีก็ควรแสดงเป็นอันดับแรก ให้ทุกคนได้ประเมินดู ฮูหยิน พระชายาคิดเห็นเป็นเช่นไรหรือ”

ในทันใดนั้นเอง คนส่วนหนึ่งที่ยังดื่มด่ำกับทักษะทางการแพทย์ของหนานหว่านเยียนเมื่อครู่ ก็เริ่มนั่งไม่ติด ส่วนใหญ่ล้วนเป็นปัญญาชนผู้รู้หนังสือ

ในธาตุแท้ปัญญาชนมีความเย่อหยิ่งเป็นที่สุด แม้จะได้เห็นทักษะทางการแพทย์เหนือชั้นของหนานหว่านเยียน แต่พวกเขายังคงคิดอยู่ในใจ ว่าหนานหว่านเยียนคือคนไร้ประโยชน์ที่รู้จักกันดี

ภายในเวลาครึ่งก้านธูป คนไร้ประโยชน์จะเขียนบทกวีดีๆ ออกมาได้อย่างไร

ฮูหยินกั๋วกงมองทางหนานหว่านเยียน หนานหว่านเยียนชำเลืองมองฮูหยินเฉิงเซี่ยงริมฝีปากแดงยกโค้ง “เซียงอวี้เอากระดาษมา”

“เพคะ พระชายา” เซียงอวี้เดินไปยังที่ของหนานหว่านเยียน หยิบกระดาษอย่างนอบน้อม กลับมายังท่ามกลางผู้คน

ตอนหนานหว่านเยียนประพันธ์เมื่อครู่นางเห็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น แต่หลังจากมองดูอยู่หลายครั้ง นางยิ่งตกใจมากขึ้น

สายตาหยุนเหิงจ้องแทบทะลุ พลางเลียริมฝีปากอย่างกระสับกระส่าย “แม่นางเซียงอวี้พระชายาเขียนได้ดีเป็นพิเศษใช่หรือไม่ รีบอ่านเร็ว!”

กู้โม่หลิงสนใจเป็นอย่างมาก หุบพัดลง ฟังอย่างเงียบๆ

เซียงอวี้กำลังจะเอ่ยปากพูด ก็ได้ยินสตรีชนชั้นสูงชุดเขียวพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “พระชายาต้องเขียนได้ดีเป็นแน่ จะเป็น’เรื่องน่าตกใจ’อย่างใดกันนะ หากสาวใช้นี่ไม่กล้าอ่าน ให้ข้าอ่านดีไหม”

ทันทีที่พูดจบ หลายคนก็อดกลั้นไม่ได้ ปิดปากลอบหัวเราะขึ้นมา

สีหน้าฮูหยินเฉิงเซี่ยงดูดีขึ้นเล็กน้อยหนานชิงชิงก็ยกยิ้มเย้ยหยัน

ฮูหยินกั๋วกงมองกลุ่มคนที่หัวเราะเยาะหนานหว่านเยียน แล้วมองหนานหว่านเยียนที่สงบเยือกเย็น อดรู้สึกนับถือไม่ได้ และรู้สึกละอายใจหลายส่วน

ตอนนั้น นางคิดว่าแค่ครึ่งก้านธูปหนานหว่านเยียนก็รีบวางพู่กัน หยิ่งยโสเกินไป แต่เมื่อเห็นท่าทางสงบนิ่งตอนหนานหว่านเยียนช่วยชีวิตคนเมื่อครู่ ทั้งแผ่ออร่าไม่หยิ่งผยองออกมาทั่วกาย ล้วนทำให้นางรู้สึกว่า หนานหว่านเยียนอาจทำเรื่องประหลาดใจรอนางอยู่

เซียงอวี้เห็นคนพวกนี้ต่างดูถูกหนานหว่านเยียน โกรธจนกัดฟัน แค่นฮึเบาๆ แล้วอ่านเลย

“จันทร์กระจ่างฟ้าจักมีในยามใด ยกจอกสุราขึ้นถามต่อฟ้า ไม่อาจรู้ ว่าวิมานบนสรวงสวรรค์ ณ ยามนี้เป็นปีใด ข้าใคร่โดยสารวายุกลับไป แต่เกรงวิมานหยกอันงดงาม ยิ่งสูงยิ่งเหน็บหนาว ร่ายรำเพื่อสร้างเพียงรูปเงาเสมือน ไหนเลยเทียบได้กับแดนมนุษย์… ”

หลังจากอ่าน “ทำนองเพลงวารี” จบ นามซูซื่อ ที่มุมล่างขวา เซียงอวี้กลับไม่ได้อ่าน คิดว่ามันคือ “นามแฝง” ของหนานหว่านเยียน

แต่เมื่อฟังบทกวีจบ สีหน้าทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที บื้อใบ้พูดไม่ออก

ในบทกวี ใช้จันทร์กระจ่างและสายลมเฝ้าฝากคะนึงหา และพรรณนาฉากทุกข์สุขของการพบปะจากกัน สะเทือนอารมณ์ของทุกคนอย่างลึกล้ำ

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน

คุณชายในชุดงามหยิกใบหน้าตนเองด้วยความไม่อยากเชื่อ “นี่ สิ่งที่พระชายาเขียนนี่ ถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่น่าตกตะลึงยิ่ง!”

ถ้อยคำกวีพวกนั้น ความหมายลึกซึ้ง ไม่นึกว่าหนานหว่านเยียนจะแต่งบทกวีไพเราะเช่นนี้ออกมาได้!

กู้โม่หลิงดื่มด่ำกับบทกวีอย่างช้าๆ ทั้งดวงตาก็เปล่งประกาย จ้องมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาแวววาว รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

“เป็น “ทำนองเพลงวารี” ที่ไพเราะ พี่สะใภ้หกช่างเต็มไปด้วยความรู้ความสามารถจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะแต่งบทกวีดีๆ เช่นนี้ออกมาได้ ภายในเวลาครึ่งก้านธูป!”

หนานชิงชิงกับฮูหยินเฉิงเซี่ยงแทบไม่อยากเชื่อ ฮูหยินกั๋วกงชื่นชอบบทกวีโคลงกลอน เมื่อรู้ว่าบทกวีนี้น่าทึ่งเพียงใด ก็อดชมเชยไม่ได้ “วิเศษ มันวิเศษมาก! เขียนได้ดีจริงๆ!”

หนานหว่านเยียนยังไม่ทันเอ่ยอะไร เซียงอวี้ก็เชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “อ๋องเจ็ดฮูหยิน อย่าเพิ่งรีบร้อน บ่าวยังอ่านไม่จบ…”

(1) ดอกท้อ ใช้อุปมาถึง ชีวิตที่ยืนยาว เรื่องโชคลาภ ยังรวมไปถึงเรื่องความรักและความสัมพันธ์

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท