ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 410 โดดเด่นเป็นสง่า
ทุกคนเปลี่ยนจากชื่นชมหนานหว่านเยียน มาเป็นด่าทอคุณชายจาง
คุณชายจางยังไม่เคยถูกใครชี้หน้าด่ามาก่อน จนใบหน้าแดงเถือกไปหมด
เขากัดฟัน เหลือบมองฮูหยินเฉิงเซี่ยงเกลียดฮูหยินเฉิงเซี่ยงแทบบ้า หากนางไม่ยุยง เขาจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
แต่เขาไม่อาจเปิดโปงฮูหยินเฉิงเซี่ยงออกมาได้ เพราะนั้นคือฮูหยินเฉิงเซี่ยงใครจะปากมากได้ ทั้งรู้ว่าคำโกหกถูกเปิดโปงแล้ว ไม่อาจไปต่อได้อีก จึงโค้งคำนับหนานหว่านเยียนอย่างนอบน้อม กล่าวด้วยความอับอาย
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว อิจฉาพระชายาที่แต่งบทกวีดีๆ มากมายขนานนั้นได้ภายในเวลาเพียงครึ่งก้านธูป และคิดว่าบทกวีนี่ดีมาก จึงเกิดความคิดร้าย และใส่ร้ายพระชายาผู้บริสุทธิ์อย่างหุนหันพลันแล่น”
“ข้าน้อยเนรคุณความรักของฮูหยินกั๋วกง ละอายใจจริงๆ จากนี้จะสำนึกผิดให้ดีขอรับ!”
ผู้คนฮือฮา
หนานหว่านเยียนไม่ได้พูดอะไร ผลงานของซูซื่อผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องไว้ได้ก็พอ ทั้งนางก็ไม่อาจพูดมากอะไรได้
แต่นางเพิ่งเห็นปัญญาชนผู้นี้ เหลือบมองฮูหยินเฉิงเซี่ยงสองครา พลันเข้าใจทั้งหมดทันที
ดูท่าที่มาที่นี่วันนี้ ฮูหยินเฉิงเซี่ยงเตรียมตัวมาก่อน!
สีหน้าฮูหยินกั๋วกงน่าเกลียดมาก จ้องคุณชายจาง “เด็กๆ ส่งแขก!”
เมื่อได้ยิน องครักษ์หลายนายเข้ามา พาคุณชายจางเดินออกไป
ฮูหยินกั๋วกงหันหน้ามองหนานหว่านเยียน กล่าวชมไม่หยุด
“พระชายา เรื่องผิดพลาดเมื่อครู่เป็นข้าที่มองคนแต่ผิวเผิน วันหน้าไม่มีทางเชิญเขาเข้าร่วมอีกแล้ว!”
“บทกวีของท่าน เสียงสัมผัสประณีต ท่วงทำนองงดงามกินใจ ทั้งยี่สิบบทกวีถ้วน ภายในเวลาอันสั้น ช่างทำให้ผู้คนปรบมือชมปากเปาะ”
มีความสามารถและคุณธรรม แถมยังเป็นหมอที่มีใจเมตตาธรรม ไม่คิดว่าฐานะของหมัวมัวต่ำต้อยเลยไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย ช่างเป็นแม่นางที่ดีและหายากจริงๆ
หยุนเหิงเอ่ยคล้อยตามทันที “ถูกต้อง! พระชายาไม่เพียงแค่รักษาโรคได้ ยังเดินหมากเก่งกาจ แต่งกวียอดเยี่ยมอีกด้วย! ข้าว่านะ สตรีมากความสามารถอันดับหนึ่งในใต้หล้านี้ ต้องเป็นพระชายาเพียงผู้เดียวแน่นอน!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างโห่ร้อง ชื่นชมหนานหว่านเยียน ปกติไม่หืออือแต่พอแสดงออกมาก็ทำให้ผู้คนตกตะลึง
ความเข้าใจผิดกับนางก่อนหน้านี้ ล้วนเพราะหลงเชื่อคำลวงโลกของผู้อื่น
ทุกคนมองหน้าเลิ่กลั่ก พลันหันหน้ามองต้นทาง เริ่มเยินยอหนานหว่านเยียน
“พระชายาสมกับเป็นอัจฉริยะจริงๆ ทั้งใช้เวลาครึ่งก้านธูปแต่งบทกวีสิบบทก็แล้ว ยังใช้เวลาอีกครึ่งก้านธูปช่วยชีวิตหลินหมัวมัว! ช่างเป็นสตรีที่น่าพิศวงจริงๆ!”
“ยิ่งไปกว่านั้นนะ! รวมเข้ากับสิบบทกวีเมื่อครู่ ก็กลายเป็นยี่สิบบทกวี! ภายในหนึ่งก้านธูป มีผลงานยี่สิบบท โอ้แม่เจ้า แม่คนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่ไหม แทบจะเป็นเทพเซียนแล้ว!”
หนานหว่านเยียนฟังอย่างไม่หยิ่งผยอง “ทุกท่านกล่าวหนักแล้ว ว่าไปแล้วก็ละอายใจ บทกวีเหล่านี้ล้วนเป็นความฝันของข้าเมื่อคืนนี้ มีผลงานชิ้นเอกในฝัน มากมายนับไม่ถ้วน อารมณ์ศิลป์ของนักกวีผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นต่างหาก ที่ดีจริง”
“อาจเป็นเพราะรู้ว่าวันนี้ต้องมาเข้าร่วมงานเลี้ยงของฮูหยินกั๋วกง ปัญญาชนผู้ทรงคุณวุฒิจึงเข้าฝันข้า ให้ข้านำบทกวีของพวกเขามาด้วย เพื่อให้ฮูหยินกั๋วกงที่เก่งไม่เป็นรองใครอยู่แล้วได้ชื่นชม และทำให้ผลงานของพวกเขา ดังก้องแคว้นด้วย”
นี่คือความจริง นางไม่กล้าแย่งรับความดี โดยใช้ผลสำเร็จความดีความชอบของผู้อื่น
และถ้าหากสามารถเผยแพร่ ผลงานชิ้นเอกของมหากวีที่แคว้นนี้ได้ ทั้งได้ส่งเสริมการพัฒนาวรรณกรรม เป็นเรื่องดีอีกด้วย
แต่สำหรับทุกคนที่ฟัง คำพูดของหนานหว่านเยียนคือการอ่อนน้อมถ่อมตน และยังยกย่องฮูหยินกั๋วกงเปรยๆ
ใบหน้าฮูหยินกั๋วกงพลันแย้มยิ้มสรวล มันจะเป็นความฝันได้อย่างไร ก็แค่หนานหว่านเยียนมีวามสามารถ และอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้น
“สตรีเช่นท่านเพียบพร้อมความรู้คุณธรรมเช่นนี้ ใต้หล้านี้มีน้อยนัก เป็นที่ว่าไท่จื่อเฟยแห่งแคว้นซีเหย่ได้ ก็เป็นเกียรติของพวกข้าแล้ว!”
ผู้คนคล้อยตามอีกครั้ง
คนที่ประจบสอพลอเก่งพวกนี้ ต่างมีความคิดเหมือนกันอยู่ในใจ
เสียใจที่ไม่ได้รู้จักหนานหว่านเยียนและคบค้าสมาคมกับนางไวหน่อย!
ดูท่าวันหน้า คงไม่อาจล่วงเกินนางง่ายๆ
กู้โม่หลิงจ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้ง สะบัดพัดคลี่ท่าทางครุ่นคิด
ใบหน้าฮูหยินเฉิงเซี่ยงซีดเผือด ทำไมไม่เคยคาดคิดว่า หนานหว่านเยียนจะเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้อีกครั้ง ทั้งทำให้นางล่าถอยอีกแล้ว?!
เมื่อนางเห็นหนานชิงชิงอยู่เพียงลำพัง แล้วมองหนานหว่านเยียนที่ถูกทุกคนรายล้อม กระอักเลือดในใจ
วันนี้ ไม่ใช่การทำให้หนานหว่านเยียนขายขี้หน้าหรอกหรือ
พวกนางผิดพลาดตรงไหนกันแน่
ทำไมตอนนี้พวกนางแม่ลูกกลับกลายเป็นส่วนเสริมเด่น ให้หนานหว่านเยียนเป็นดอกไม้สีแดงในฝูงชน โดดเด่นเป็นสง่า!
นางลอบกัดฟัน และคิดว่าแต่งได้สิบบทแล้วอย่างไร บุตรสาวนางฉลาดกว่าหนานหว่านเยียน ต้องเก่งกาจกว่าแน่นอน!
“คุณชายจางก็ไปแล้ว แต่การประชันบทกวีของพวกเรายังไม่จบ ทุกคนมาลองดูบทกวีของคนอื่นต่อเถอะ”
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงเชิดหน้า เดินมาตรงหน้าหนานชิงชิงอย่างไม่เร่งรีบ พลางเอื้อมมือไปหยิบกระดาษที่นางขยำยับยู่ยี่
“พระชายาเฉิงตอนนี้พวกเรามาดูกวีของท่าน…”
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงยังพูดไม่ทันจบ เสียง “แควก” พลันดังขึ้น แม้แต่มือก็ยังไม่แตะโดนกระดาษหนานชิงชิงที่เร็วกว่านางหนึ่ง ฉีกบทกวีที่ตนเองระดมสมองคิดออกมาทั้งหนึ่งก้านธูปโดยตรง
ฮูหยินเฉิงเซี่ยงตกตะลึง “พระชายาเฉิงท่านเป็นอะไรไป”
การเคลื่อนไหวฉีกกระดาษของหนานชิงชิงไม่ใช่น้อย ทุกคนต่างหันมามอง
หนานชิงชิงกัดฟัน ใบหน้าเกือบจะแดงเถือก นางไม่เต็มใจนัก แต่ใบหน้ากลับแต้มรอยยิ้มในที่สุด
“มีบทกวีของพระชายาก่อนแล้ว ของที่ข้าแต่ง ยังจำเป็นต้องอ่านออกมาให้ทุกคนฟังอีกหรือ”
เมื่อได้ยิน ทุกคนก็เข้าใจ หนานชิงชิงรู้ดีว่าสู้ไม่ได้ จึงไม่ให้ใครดู เพื่อไม่เสียหน้า
เจียงหรูเยว่หัวเราะ จงใจเปล่งเสียงสูง
“เมื่อครู่หลินหมัวมัวเกิดเรื่อง โกลาหลขนาดนั้น พระชายาเฉิงกลับไม่ยี่หระ ยังคงใจจดใจจ่อแข่งขัน ก็น่าจะเป็นผลงานโดดเด่น ทำพังเช่นนี้ ไม่ค่อยดีกระมัง”