ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 435 หยีเฟยฟื้น
หนานหว่านเยียนมีชีวิตชีวาทันที เรื่องที่กู้โม่หานเมาเกือบจะร่วมเพศเมื่อครู่ ก็ถูกโยนออกจากสมองชั่วคราว
ทั้งคืนนี้ หนานหว่านเยียนยุ่งวุ่นวายในห้วงเวลาทำการรักษาปลุกหยีเฟยให้ฟื้นไม่หยุด
และนางไม่รู้ว่า ในเรือนเซียงหลินหลังเซียงอวี้เข้าไปในห้องก็เห็นกู้โม่หานนอนอยู่บนเตียง และสองพี่น้องที่ดูระแวง ตื่นตระหนกตกใจ
เซียงอวี้เดินเข้าไปทันที “นี่ ท่านอ๋องเมาหรือเพคะ”
เด็กทั้งสองคนพยักหน้า
เซียงอวี้ขมวดคิ้วขึ้นมา อุ้มเด็กทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขน
มองกู้โม่หานที่กำลังหลับสนิท ก็รู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อย
“พวกคุณหนู อย่าโทษบ่าวที่ปากมากนะเพคะ”
“บ่าวเข้าจวนมาแปดปีแล้ว อันที่จริงท่านอ๋องดื่มสุราน้อยมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกับการเมา ครั้งที่แล้วที่เขาเป็นเช่นนี้ คือวันที่เขานำทัพกลับมาพร้อมชัยชนะใหญ่ครั้งแรก และเกิดเรื่องกับหยีเฟยเหนียงเหนียงวันนี้ดื่มจนเมาขนาดนี้ ต้องมีเรื่องอะไรกวนใจ ทำให้เขาเป็นทุกข์แน่นอน”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยมองกู้โม่หานที่กำลังขมวดคิ้ว ขณะหลับใหล เม้มริมฝีปากนิ่งเงียบ
เขาทุกข์ ท่านแม่ก็ทุกข์ พวกนางก็ทุกข์เช่นกัน
แต่เป็นทุกข์แล้วทำอย่างไรได้ล่ะ
หากคนเลวนี่ไม่รู้จักกลับใจ และดีต่อท่านแม่สักวัน พวกนางก็ให้อภัยเขาไม่ได้
เซียงอวี้ถอนหายใจแผ่ว
“บ่าวเป็นเพียงข้ารับใช้ ไม่ควรปากมาก และยิ่งไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของท่านทั้งสองกับท่านอ๋อง แต่บ่าวอ้อนวอนคุณหนูทั้งสอง เห็นแก่ที่ท่านอ๋องโปรดปรานท่านทั้งสองขนาดนี้ พูดคุยกับเขาสักหน่อย”
“แม้จะคำสองคำก็ดี อย่าเย็นชาท่านอ๋องเหมือนก่อนหน้านี้อีกเลยเพคะ”
บุตรสาวของตนเองไม่ต้อนรับตนเอง ท่านอ๋องจะโศกเศร้าเพียงใดกัน
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเหมือนจะมีความเห็นอกเห็นใจเล็กน้อย จากส่วนลึกในใจ
คนเลวปกป้องพวกนางที่วังเป็นเรื่องจริง และเตรียมทำเรื่องประหลาดใจให้ท่านแม่ก็เป็นเรื่องจริง ครั้งที่แล้วซื้อถังหูหลูมากมายขนาดนั้นให้พวกนาง ยิ่งทำให้ความทรงจำพวกนางยังคงเด่นชัด
ทั้งสัมผัสอบอุ่นที่หน้าผากเมื่อครู่…
เกี๊ยวน้อยอ่อนลง เบือนหน้าหนีอย่างงุ่มง่ามเล็กน้อย
“ดูสถานการณ์ละกัน หากเขาดีกับท่านแม่ พวกข้าก็จะคุยกับเขาสักคำก็ได้!”
ซาลาเปาน้อยก็พยักหน้าเห็นด้วย “อืมๆ ไม่อย่างนั้น พวกข้าจะไม่พูดคุยกับเขา!”
เซียงอวี้รู้สึกชื่นใจมาก มองพวกนางอย่างยินดี “ขอบพระคุณคุณหนูทั้งสองท่านเพคะ!”
หากอยากให้พระชายาคืนดีกับท่านอ๋อง ด้วยระยะเวลาอันสั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะมีความขัดแย้งมากเกินไป เว้นแต่ท่านอ๋องจะยอมถอยให้
แต่ถึงอย่างไรคุณหนูทั้งสองคนก็คือบุตรสาว มีลูกคนไหนที่ไม่อยากใกล้ชิดกับพ่อตัวเองบ้างเล่า
หากความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกสนิทสนมกลมเกลียว คงจะให้ท่านอ๋องรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยกระมัง
เซียงอวี้กล่อมเด็กทั้งสองคนเข้านอน วางไว้ข้างตัวกู้โม่หาน ห่มผ้านวมให้พวกนาง แล้วออกจากห้องไปอย่างแผ่วเบา
เช้าตรู่วันต่อมา กู้โม่หานถูกแสงยามเช้าแสบตาปลุกให้ตื่น ค่อยๆ ปรือตาเรียวยาวขึ้นมา แต่กลับทำได้เพียงหรี่ตา ลืมตาไม่ขึ้น
เขาปวดหัวแทบระเบิด ทั้งร่างหนักอึ้งเหมือนกับมีตะกั่วมาถ่วง
ทำไมรู้สึกทรมานเช่นนี้
กู้โม่หานทบทวนความทรงจำอย่างละเอียด แต่จำได้เพียงว่าเมื่อคืนเหมือนเขาจะเมามาก คลับคล้ายคลับคลาว่าบังคับจูบหนานหว่านเยียนไป
แต่ว่า ถูกหนานหว่านเยียนกัดเข้า สตรีคนนี้เป็นคนพยาบาท ไม่รู้จักความพ่ายแพ้เลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะริมฝีปากบางโดยไม่รู้ตัว เลือดแห้งกรัง แต่เหมือนกับมุมปากยังคงมีความหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของหนานหว่านเยียนอยู่
รสชาติดีมาก ทำให้อดหวนนึกถึงรสชาติไม่ได้
สายตาค่อยๆ ปรับตัว เปลี่ยนเป็นแจ่มแจ้ง กู้โม่หานมองการตกแต่งโดยรอบ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ห้องของเขา
เขาขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากบางเบาๆ หันรีหันขวาง สายตาก็สั่นไหวทันที
เห็นเพียงข้างกายเขา มีเด็กน้อยทั้งสองก้อนนอนอยู่ และหลับสบายใจเฉิบ
ใบหน้ากลมของเกี๊ยวน้อยแดงระเรื่อ ปากเล็กๆ พึมพำไม่หยุด ราวกับกำลังพึมพำอะไรอยู่
แต่ซาลาเปาน้อยหลับตาสนิท ขนตายาวงอนเหมือนขนนก
ขณะนั้นเอง กู้โม่หานก็รู้สึกเพียงเหมือนหัวใจกำลังจะละลาย
เขากำลังฝันอยู่หรือเปล่า ทำไมถึงมีเรื่องดีๆ เช่นนี้ได้
แต่วินาทีถัดมา ความเจ็บปวดที่แผ่นหลังกำลังบอกเขาว่า นี่มันไม่ใช่ความฝัน
เด็กทั้งสองคน นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างกายเขาจริงๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นท่าทางยามหลับของเด็กทั้งสองคน มันทำให้รู้สึกรักใคร่เอ็นดู หากประคองไว้ในมือก็กลัวว่าจะละลายไป
กู้โม่หานโค้งริมฝีปาก เผยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ค่อยได้
หนานหว่านเยียนกลัวว่าเขากับเด็กๆ จะมีอะไรพัวพันกันมากที่สุด ทั้งเมื่อคืนเขายังเมา นางจะให้เขานอนด้วยกันกับเด็กๆ หรือไร
เขากวาดตามองรอบๆ แต่กลับไม่เจอหนานหว่านเยียน คิ้วองอาจจึงอดขมวดแน่นขึ้นมาไม่ได้
หนานหว่านเยียนไปไหนแล้ว
ขณะเดียวกันนี้เอง เกี๊ยวน้อยส่งเสียงอ้อนแอ้นดังขึ้นข้างหู อย่างงัวเงีย “ท่านตื่นแล้วรึ ต่อไปไม่อนุญาตให้ท่านดื่มสุรามากขนาดนี้แล้วนะ”
กู้โม่หานผงะไปครู่หนึ่ง จ้องมองเด็กน้อยทั้งสองที่ตื่นอยู่ข้างๆ อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
ในที่สุดเด็กๆ ก็ยอมคุยกับเขาแล้ว
“เจ้ากำลังเอาใจใส่ข้ารึ”
ซาลาเปาน้อยก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน ขยี้ตางัวเงีย
“พี่สาวไม่ได้เอาใจใส่ท่านสักหน่อย พวกข้าเอาใจใส่ท่านแม่ต่างหาก เพราะท่านเมาแล้วน่ากลัวมาก”
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่งท่านแม่กับพวกนาง พวกนางจะตกลงกันโดยปริยายแล้ว ว่าเป็นความใส่ใจที่คนเลวมีต่อท่านแม่
แต่ที่ต้องเตือน ก็ยังต้องเตือน เขาดื่มจนเมาแล้ว จะมารังแกท่านแม่ อย่างนั้นมันไม่ได้
ไม่คาดคิดว่าพวกเด็กจะบอกว่าเขาน่ากลัว
กู้โม่หานขมวดคิ้วเรียวทันที สายตาสับสนเสียใจเล็กน้อย “เมื่อคืนข้าทำอะไรไป ถึงทำให้พวกเจ้ารู้สึกกลัว”
เกี๊ยวน้อยตื่นขึ้นมาก่อน ดวงตาง่วงงุนยังคงสะลึมสะลือเล็กน้อย นางขยี้ตา คิดถึงเรื่องที่พี่เซียงอวี้พูดเมื่อคืน ให้พวกนางพูดคุยกับกู้โม่หานเป็นครั้งคราว
แล้วคิดถึงเรื่องที่กู้โม่หานเมามายเมื่อคืนนี้ พูดสาบานว่าจะปกป้องพวกนางกับท่านแม่
งั้นนางก็จะพูดคุยกับเขาอีกสักประโยคละกัน แค่ประโยคเดียว
เกี๊ยวน้อยแสดงท่าทาง “ข้าคือผู้ใหญ่ไม่ถือสาผู้น้อย” แล้วเอ่ยว่า “ไม่บอกท่านหรอก! อย่างไรก็ไม่อนุญาตให้ท่านดื่มจนเมาอีก!”
กู้โม่หานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย “หากข้าทำอะไรผิดไป ข้าก็ขออภัยพวกเจ้าด้วย แล้วท่านแม่ของพวกเจ้า…นางไปที่ใดแล้ว”
หรือว่าเขาทำอะไรเกินเลยเกินไปจริงๆ จนหนานหว่านเยียนจากไปแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขารู้สึกไม่สบายใจทันที
ด้วยนิสัยของนางนี้ กระทั่งเด็กๆ ก็ไม่เอาแล้วจากไปแล้วรึ
ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยมองหน้ากัน ต่างไม่น่าเชื่อเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าคนเลวจะจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด แล้วยังขอโทษพวกนางด้วย
ดูท่ายังไม่สุดเกินจะเยียวยา
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร กู้โม่หานขมวดคิ้วเรียว ใบหน้าหล่อเหลามีความเสียใจ
เมื่อคืนเขาไม่ควรดื่มสุราเลยพอเมาแล้วก็จำอะไรไม่ได้สักนิด
แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เขาคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งสำคัญคือต้องแก้ปัญหาก่อน
เขาพยายามยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับพวกเด็กๆ “ข้าไม่มีทางทำอะไรท่านแม่ของเจ้า เพียงแค่อยากรู้ว่านางไปที่ใด บอกข้าไม่ได้หรือ”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยลังเลเล็กน้อย อยากจะพูดก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้
“ท่านแม่ไปช่วยคน เหมือนจะยังไม่ได้กลับมาทั้งคืน”
ช่วยคน?
กู้โม่หานยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ก็มีเสียงตื่นเต้นของเซียงอวี้ดังขึ้นมาจากนอกประตู…
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องตื่นหรือยังเพคะ หยีเฟยเหนียงเหนียงฟื้นแล้ว ท่านรีบไปดูเร็วเข้าเถอะเพคะ…”