ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 442 มีความสนใจกับนาง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 442 มีความสนใจกับนาง

กู้โม่หานก็ไม่สนใจสายตาที่น่าสงสัยจากคนรอบข้าง เขาหยิบแก้วของหนานหว่านเยียนขึ้นมาดื่มรวดเดียว จากนั้นก็หยิบแก้วของตัวเองแล้วเทเหล้าเข้าปาก

หนานหว่านเยียนมองไปที่กู้โม่หานที่เคร่งขรึมเย็นเยียบด้วยความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย

นางคิดว่าวันนี้กู้โม่หานคงจะไม่สนใจชีวิตการอยู่รอดของนางแล้ว เนื่องจากว่าก่อนออกจากจวนอ๋องอี้ ทัศนคติและปฏิกิริยาของเขาที่มีต่อนางแย่มาก นางไม่เคยคิดว่าตอนนี้จะมาช่วยดื่มเหล้าให้ด้วย

แววตาของนางพริบไหว แต่ก็ยิ้มอย่างสดใสบนใบหน้าด้วย “ขอบคุณท่านอ๋องเห็นใจหม่อมฉันด้วย”

กู้โม่หลิงเลิกคิ้ว มองทั้งสองอย่างครุ่นคิด และยิ้มอย่างใจดี

“เสด็จพี่หกดื่มเก่ง แต่ดื่มตอนท้องว่างมันจะไม่ดีเลย พี่หกกินข้าวหน่อยดีกว่า”

“พี่สะใภ้หกก็ลองดูว่าเหมาะกับรสของพี่หรือเปล่า ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา น้องเจ็ดก็ไม่เคยพบกับพี่สะใภ้หกเลย แม้แต่วันแต่งงานของท่านทั้งสองก็ยังเป็นแบบเร่งรีบและสะเพร่ามาก ยิ่งพี่สะใภ้หกป่วยก็เลยไม่มา น้องเจ็ดก็ไม่มีทางรู้ว่าพี่ชอบอะไร”

ทันใดนั้น แววตาของกู้โม่หานแน่นขึ้นและริมฝีปากบาง ๆ ของเขาก็เม้มเป็นเส้นเดียว

กูโม่หลิงอยากได้ความเกลียดชังหรืออย่างไร?

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้ว แต่ดวงตาของนางไร้เดียงสาและสดใสด้วย

นางตั้งใจจับแขนของกู้โม่หานและยิ้มให้กู้โม่หลิงพูดขึ้นว่า “เมื่อห้าปีก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเสด็จพี่หกของเจ้ามีความขัดแย้งกันก็จริง ตอนนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้น คือเป็นเพราะข้าไม่สบายจริงๆ”

“อย่างไรก็ตาม ในห้าปีที่ผ่านมา เสด็จพี่หกของเจ้าและข้าต่างก็ทะนุถนอมซึ่งกันและกัน และตอนนี้เราก็ถือว่ารักกันเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องรสนิยม น้องเป็นเจ้าภาพและไม่ต้องสนใจและตามใจแขกแต่ละคน ข้าคิดว่าจานทั้งหมดนี้ก็ดีมากอยู่แล้ว”

กู้โม่หลิงหรี่ตาจิ้งจอกของเขา แต่รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยแสงเจ้าเล่ห์

“เสด็จพี่หกกับพี่สะใภ้หกให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทำให้คนอื่นอิจฉาตาร้อนจริงๆ”

“ถ้าหยีเฟยสามารถตื่นขึ้นมาได้เห็นว่าท่านสองรักและให้เกียรติกัน คงจะยินดีเป็นอย่างมาก และไม่ทราบว่าช่วงนี้ หยีเฟยเป็นอย่างไรบ้าง?”

แววตาของกู้โม่หานส่องไปที่ทางกู้โม่หลิง ดวงตาของเขาลึกเหมือนบ่อน้ำสงบนิ่ง แต่หนานหว่านเยียนสามารถรู้สึกถึงความเย็นฉ่ำที่ส่องออกจากร่างกายของเขา

นางแอบสาปด่ากู้โม่หลิงในใจ คือกาไหนน้ำไม่เดือด หยิบกานั้นจริง ๆ

วันนี้หยีเฟยคือตื่นขึ้นมาจริงๆ และกระทั่งทำให้กู้โม่หานเกิดความเป็นปรปักษ์ต่อนางด้วย

แต่นางยังคงแสร้งทำเป็นท่าทางที่อ่อนโยนมาก “เสด็จแม่ก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะว่ามันไม่ง่ายเลยที่คน…คนผักถ้าจะรักษาให้หายได้ ข้าก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาเสด็จแม่ด้วย หวังว่าแม่จะตื่นขึ้นได้ไว ๆ”

“ถ้างั้นก็ดีละครับ” กู้โม่หลิงพยักหน้าด้วยเล็กน้อย แล้วก็ราวกับกำลังนึกถึงอะไรบางอย่างอีก ขมวดคิ้วมองไปที่กู้โม่หานและมองไปที่หนานหว่านเยียนด้วยสีหน้ากังวลมาก

“แต่นอกนั้นม ช่วงนี้น้องเจ็ดเองก็ได้ยินข่าวลือมาบ้างว่า คือจวนเฉิงเซี่ยง… จวนเฉิงเซี่ยงนี่มีเรื่องเกิดขึ้นและเฉิงเซี่ยงก็ถูกลงโทษด้วย ไม่ทราบว่ามันจะส่งผลกระทบต่อพี่สะใภ้หกอะไรหรือเปล่า?”

แววตาของหนานหว่านเยียนเริ่มมีความเย็นชาขึ้นมา

กูโม่หลิงนี่ไม่จบไม่สิ้นสักทีจริง ๆ โยงคำถามแรงคมสามข้อติดกันเลย

งานแต่งของนางกับกู้โม่หาน การฟื้นตัวของหยีเฟยและการถูกลงโทษของเฉิงเซี่ยง ล้วนจะล้ำเส้นของนางและกู้โม่หานเสียแล้ว

เขาต้องการทำอะไร เขาต้องการให้นางและกู้โม่หานทะเลาะกันตอนนี้หรือ…

หนานหว่านเยียนระงับความเหน็บหนาวในใจ แต่แสร้งถอนหายใจเบา ๆ

“จวนเฉิงเซี่ยงรีไม่ค่อยดีจริง ๆ นัก แต่ถึงอย่างไรข้าได้แต่งงานกับท่านอ๋อง ก็คือคนของจวนอ๋องอี้แล้ว ข้าไม่สามารถยุ่งกับเรื่องของจวนเฉิงเซี่ยงได้ และก็ช่วยไม่ได้ด้วย ถ้าพูดเยอะก็รำคาญใจด้วย ”

กู้โม่หลิงยิ้มแห้งๆ “เป็นความผิดของน้องเจ็ดเองที่พูดมากเกินไป เสด็จพี่หกและพี่สะใภ้หกกินกับข้าวสิครับ”

หลินเซี่ยวเย่มองไปที่สามคนที่โต๊ะอาหาร แววตาของเขาค่อยๆจริงจังเย็นเฉียบ

เจ้านายไม่เคยใกล้ชิดกับใครคนอื่นเลย และยิ่งไม่ค่อยเห็นที่จะมีคนที่เขาชื่นชม

ก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงสนใจหนานหว่านเยียน และอยากชักชวนนาง แต่หลังจากการคุยโต้ตอบกันเมื่อกี้นี้เอง หนานหว่านเยียนคนนี้ทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ

นางเป็นแค่หญิงสาวที่อยู่ในเรือน แต่เป็นคนปิดปากเงียบและจิตใจที่รอบคอบ และยังมีความกล้าหาญที่เหนือกว่าใครคนอื่น

แต่คนอย่างนาง ไร้ที่ติทั้งคำพูดและการกระทำ ดังนั้นจึงไม่น่าจะง่ายที่จะโน้มน้าวชักชวน อีกอย่าง แม้ว่าอ๋องอี้ที่อยู่ข้างๆ นางไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ลักษณะท่าทางรอบๆ ตัวเขาก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว

หากเจ้านายอยากสมหวัง คงจะต้องใช้ความพยายามอีกเยอะ

ห้องเลี้ยงแขกดูเหมือนยังสงบอยู่ แต่ทั้งสามคนมีความคิดของตัวเองและมีการโต้ตอบกันทั้งเปิดเผยและแบบลับๆ

กู้โม่หลิงจ้องมองไปที่หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานเป็นครั้งคราว แต่เขาไม่พบข้อบกพร่องอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยิบเนื้อแล้วใส่ลงในชามของกู้โม่หานและยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า

“พี่เสด็จหกกินอันนี้เยอะ ๆ น้องเจ็ดได้ยินว่ามันจะช่วยเร่งการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้ พี่ถูกลงโทษในวังครั้งก่อน แม้ว่าจะมีหมออย่างพี่สะใภ้หกที่สามารถคืนชีวิตได้มาดูแล แต่กินอาหารเสริมสักครั้งก็ดีเหมือนกัน ”

ทันใดนั้นหัวใจของทั้งกู้โม่หานและหนานหว่านเยียนก็จมดิ่งลง

กู้โม่หานวางมือที่ถือแก้วลง โอบไหล่ของหนานหว่านเยียนและมองกู้โม่หานอย่างเฉียบคมด้วยดวงตายาวแคบ

“ไม่ต้องรบกวนเสด็จน้องเจ็ดมาแสดงความกังวล ข้ามีพระชายาอยู่เคียงข้างทุกที ดูแลอย่างละเอียดถี่ถ้วน บาดแผลก็ค่อยยังชั่วขึ้นเยอะ แม้จะยังไม่หาย แต่ก็สามารถทำได้ทุกอย่างได้เป็นตามปกติมานานแล้ว”

ตั้งแต่วันที่หนานหว่านเยียนกลับจวนมา ก็ไม่ได้สนใจชีวิตการอยู่รอดของเขา ตอนนี้บาดแผลของเขายังคงมีเลือดออก ซึ่งไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวหายดีเลย

นิ้วของหนานหว่านเยียนสั่นนิดหนึ่ง และนางมองไปที่กู้โม่หานอย่างอ่อนโยน “ท่านอ๋องล้อเล่นอยู่ละคะ มันเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันอยู่แล้วที่จะต้องดูแลรับใช้ท่านอ๋อง ก็ถ้าหากสุขภาพของท่านอ๋องไม่ดี หม่อมฉันก็จะรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน”

พอพูดจบ นางก็เปลี่ยนเรื่องและพูดแหลมคมทันที “กลับคือเสด็จน้องเจ็ด มีบาดแผลถูกแทงตามร่างกาย ก็ควรกินอาหารบำรุงเหล่านี้ให้เยอะด้วย”

“น้องเจ็ดเคยได้รับบาดเจ็บจากดาบหรือ?” ทันใดนั้น กู้โม่หานก็มองไปที่กู้โม่หลิงด้วยแววตาที่เฉียบคม “ทำไมไม่เคยได้ยินชีกุ้ยเฟย พูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย”

รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้โม่หลิงนิ่งไปชั่ววินาที จากนั้นเขาก็ยิ้มพูดว่า: “บาดแผลของน้องเจ็ดเป็นเพียงเรื่องเก่า ได้มาตอนเยาว์วัยดื้อซน และมันไม่มีอะไรที่จะต้องพูดถึงเลย เสด็จแม่ก็คงจะไม่พูดอะไรน่าอายเกี่ยวกับน้องเอง”

“และยิ่งกว่านั้น น้องเจ็ดจะเปรียบเทียบกับเสด็จพี่หกได้อย่างไร พี่คือได้รับบาดเจ็บเพื่อปกป้องพี่สะใภ้หกและจวิ้นจู่ทั้งสอง พูดถึงจวิ้นจู่น้อย จากครั้งที่แล้วที่ออกจากวังมา น้องเจ็ดก็ไม่เคยเห็นลูกทั้งสองเลย ก็ช่างคิดถึงจริง ๆ แล้ววันนี้ทำไมเสด็จพี่หกกับพี่สะใภ้หกไม่ได้พาจวิ้นจู้น้อยทั้งสองมาด้วย”

ทันใดนั้น หนานหว่านเยียนก็รู้สึกถึงความแข็งแกร่งบนไหล่ของนางเพิ่มขึ้น

กู้โม่หานสนใจและห่วงใยเจ้าหนูน้อยทั้งสองมากและความระมัดระวังของเขาก็ไม่ได้น้องไปกว่าหนานหว่านเยียนเลย

ไม่แปลกเลยว่าเสียงของกู้โม่หานที่เย็นชาราวกับมีดดังขึ้นจากข้าง ๆหนานหว่านเยียน

“ดูเหมือนน้องเจ็ดจะสนใจพระชายาและลูกสาวของข้ามาก?” กู้โม่หานจ้องมองที่กู้โม่หลิง ดวงตาสีเข้มของเขาดูเฉียบคมมาก “ทำไม น้องอยากเป็นสามีและเสด็จพ่อของหล่อนทั้งสามหรือ…”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท