ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 445 มีความสนใจกับเจ้า
“ข้าคิดว่าท่านี้สบายกว่า” กู่โม่หานขมวดคิ้ว บาดแผลตามหลังของเขาปวดหนึบ “รถม้ามันก็ขนาดแค่นี้เอง ข้าก็ไม่มีที่ไป”
หนานหว่านเยียนยังคงสงบเฉย แต่ขยับกายไปด้านข้างอย่างรังเกียจ
“ถึงอย่างนั้น เจ้าก็เผลอออกมาแบบนั้นไม่ได้เลยอ่า น่ากลัวมาก ทำให้ข้าเสียสมาธิความคิดขาดไป”
“เมื่อกี้ข้าพูดถึงไหนแล้ว”
กู้โม่หานจ้องมองใบหน้าสวยแต่แสดงความบูดบึ้งของนาง เห็นว่านางกลัวเขาเข้าใกล้เข้าไป แววตาของเขาเย็นชาและมืดมนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดื้อดึง ถอยหลังนิดหนึ่งและกึ่งเอนตัวลงที่ที่นั่ง และไขว้ขาเรียวไว้ด้วยกัน.
“เจ้าบอกว่าพุ่มหนามในเรือนกู้โม่หลิงน่าสงสัยอยู่ ข้าจะสั่งคนไปจัดการเรื่องนี้”
“อ๋อ ข้านึกได้แล้ว” หนานหว่านเยียนมองไปที่ผู้ชายตรงหน้ากันซึ่งไม่อารมณ์ไม่แน่นอนอย่างระแวดระวัง และม้วนริมฝีปากของนางด้วย
“อันที่จริง งานค่ำวันนี้ ข้าคิดว่ากู้โม่หลิงนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เขาเป็นคนทำธุรกิจจริง ๆ คำพูดของเขาก็ราบเรียบช่ำชองมาก และข้ามีสัญชาตญาณที่อธิบายไม่ได้ว่าเขาอยากใช้เราที่จะทำอะไรที่ไม่ดีสำหรับเราหรือสำหรับใครคนอื่น”
“ข้ากลับไม่เห็นด้วย” กู้โม่หานพูดด้วยเสียงเย็น ๆ และมองนางอย่างมีเลศนัย
แววตาของเขาเหมือนหมาป่า เฉียบคมและเย็นเฉียบ และความเป็นผู้ชายระหว่างคิ้วของเขาก็ค่อยๆ รวบรวมเหมือนมีชั้นของน้ำแข็งปกคลุมอยู่
“คนที่เขาอยากใช้ให้เป็นประโยชน์ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้าต่างหาก”
งานเลี้ยงครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ทั้งความหมายตรงแฝงของคำพูดกู้โม่หลิงก็แสดงว่าเขามีความสนใจต่อหนานหว่านเยียน อย่างชัดเจน
ไม่ใช่แค่เนื่องจากความงามของหนานหว่านเยียนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพรสวรรค์และความสามารถที่นางแสดงออกมาในช่วงนี้
กู้โม่หานรู้สึกหึงไปเล็กน้อยทันที คิ้วยาวของเขาขมวดแรงขึ้นแล้วแรงขึ้นอีก และเขาจ้องมองที่หนานหว่านเยียนโดยไม่กระพริบตา
หนานหว่านเยียนรู้สึกอึดอัดไม่สบายมากที่ถูกเขาจ้องมองแบบนี้ โดยเฉพาะสิ่งที่กู้โม่หานพูดเมื่อกี้ทำให้นางรู้สึกยิ่งงุนงงขึ้นมา
“ทำไมมองข้าแบบนั้นล่ะ”
กู้โม่หานพูดแบบมีความหมายอื่นแฝงอยู่ และเขาพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ดูว่าเจ้ามีอะไรที่น่าให้กู้โม่หานสนใจด้วย”
หนานหว่านเยียนโกรธและอึดอัดด้วย นางเหยียดขาออกแล้วเตะไปที่น่องของกู้โม่หาน
“เจ้าสายตาไม่ดีเลย ข้าน่าทึ่งมาก ทั้งยังสาวและสวย สามารถรักษาโรคช่วยชีวิตคนได้ เป็นเรื่องปกติที่ข้าจะมีคนตามชอบไม่ใช่หรือ แต่ข้าไม่ได้คุยเล่นกับเจ้า ข้ากำลังคุยกับเจ้าอย่างจริงจัง”
“เจ้าก็ได้ยินแล้ววันนี้ที่กู้โม่หลิงพูดมา เขาอยากที่จะยุยงให้รำตำให้รั่วระหว่างเรา ถ้าเราเกิดความขัดแย้งกันจริง ๆ คงจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามส่าใจมากพอสมควร ดังนั้นเราต้องเสริมสร้างความเชื่อมั่นระหว่างความร่วมมือของเรา จนกว่าเราจะไปถึงเป้าหมายของเราให้ได้ ”
กู้โม่หานมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามเหมือนได้รับการแกะสลักอย่างประณีตจากพระเจ้าของหนานหว่านเยียน นางยังสาวและสวยมีความสามารถจริง ๆ มีคนชอบนางอีกเยอะ
ถ้านางไม่ใช่อยากเป็นพระชายาอี้ต่อไป ก็คงจะมีคนมาขอแต่งงานอีกมากมาย ทำให้เขาต้องรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “อืม”
รถม้าแล่นไปตามถนนอย่างช้าๆ และทั้งสองคนก็ค่อยๆ เงียบลง แม้ว่าจะไม่พูดอะไรมาก แต่บรรยากาศก็ดูเหมือนจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว รถม้าก็หยุดลงที่ประตูจวนอ๋องอี้
ทั้งสองคนลงจากรถไป
หนานหว่านเยียนจะกลับเรือนไปเจอเด็กหญิงน้อยทั้งสองเพื่อดูว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่
กู้โม่หานเดินตามนางไปอย่างเงียบ ๆ เมื่อทั้งสองคนกำลังจะถึงทางแยก ก็เห็นหยุนอี่ว์โหรวยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าซีดขาว ข้าง ๆนางคือหวางหมัวมัวซึ่งยิ้มอย่างอบอุ่นและถือของว่างอยู่
แววตาของหนานหว่านเยียนมืดลง และนางก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
กู้โม่หานชำเลืองมองที่หนานหว่านเยียนโดยไม่รู้ตัว และตามนางด้วยแววตาลึกล้ำ
เมื่อทั้งสองเข้าไปในจวน หยุนอี่ว์โหรวก็เห็นกู้โม่หานและหนานหว่านเยียนทันที นางปิดหน้าและไอเบา ๆ ดวงตาของนางเปียกส่องแสงโดยตลอด และตาก็ยังแดงอยู่ ไม่รู้ว่าได้ร้องไห้หรือทำไม
“ท่านอ๋อง พระชายา”
หยุนอี่ว์โหรวโค้งคำนับให้หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานอย่างอ่อนแอ และมองไปที่กู้โม่หานอย่างอ่อนโยน “ท่านอ๋อง ท่านกลับมาแล้วสักที”
หวางหมัวมัวแสดงคำนับพร้อมถือของว่างและยิ้มด้วย “ท่านอ๋อง พระชายา พระชายารองหยุนรอท่านทั้งสองอยู่ที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้ว กลางคืนลมพัดเย็นด้วย และบ่าวขอให้พระชายารองหยุนกลับไปพักก่อน แต่ท่านก็ไม่ยอมด้วย”
ตอนแรกนางอยากจะเตรียมของว่างสุดโปรดของหยีเฟย ถ้าเหนียงเหนียงตื่นขึ้นมา เคงอยากจะกินอยู่ แต่ระหว่างทางเห็นหยุนอี่ว์โหรวยืนอยู่บนที่นี่อย่างงุนงง จึงทนไม่ได้ไปเกลี้ยกล่อมหยุนอี่ว์โหรวอยู่สักพักหนึ่ง ท่านอ๋องกับพระชายาก็กลับมาแล้ว
หนานหว่านเยียนอยู่เงียบไม่ได้พูดอะไร ส่วนกู้โม่หานขมวดคิ้วอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงของเขาฟังดูเฉยๆ และมองไปที่หยุนอี่ว์โหรว
“บาดแผลของเจ้าหายดีแล้วหรือ”
“ขอบคุณท่านอ๋องสำหรับความห่วงใย ขอบคุณใบสั่งยาของพระชายา โหรวเอ๋อร์ดีขึ้นแล้ว” หยุนอี่ว์โหรวรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งและยิ้มอย่างอย่างร่าเริงให้กู้โม่หาน
ไม่ทราบเหตุผลเลยทำไมขาของนางดูสั่นเล็กน้อย และเสียงของนางก็แหบแห้งอยู่ “โหรวเอ๋อร์รู้ว่าวันนี้ท่านอ๋องเหน็บเหนื่อย และได้ยินพ่อบ้านกาวบอกว่าบาดแผลตามหลังของท่านยังไม่ได้หาดี หม่อมฉันจึงมารออยู่ที่นี่และอยากจะทายาสำหรับท่านด้วย ”
นางเพิ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่า หนานหว่านเยียนไม่เพียงแต่เปล่งประกายในจวนกั๋วกงซึ่งได้ชนะหมากรุกกับอ๋องเจ็ดเท่านั้น หากยังแต่งกลอนได้เก่งกว่าหนานชิงชิงอีกด้วย
หนานชิงชิงนี่ช่างไม่มีความสามารถจริง ๆ ถึงฆ่าตัวหนานหว่านเยียนคนเดียวก็ไม่ได้!
นี่ก็ช่างมันไป มิน่าคิดเลยว่าเช้าวันนี้นางถึงได้ข่าวว่ากู้โม่หานได้นอนหลับทั้งคืนในเรือนของหนานหว่านเยียนเมื่อคืนนี้!
แม้ว่านางทราบดีว่าหนานหว่านเยียนอยู่กับหยีเฟยเป็นเวลานาน และไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้ แต่นางก็ยังอิจฉาตาร้อนอย่างสุดซึ้ง
สีหน้าของกู้โม่หานมืดลง และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย “บาดแผลของข้าไม่เป็นไร”
ทำไมพ่อบ้านกาวปากไวจัง ถึงกับบอกหยุนอี่ว์โหรสเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขาด้วย
แต่หวางหมัวมัวกลับมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวด้วยความโล่งใจ และช่วยพูดให้นางด้วยว่า “ท่านอ๋อง พระชายารองหยุนเป็นห่วงท่านจริงๆ”
เจ้าเล่ห์แสร้งตัว แร-เงียบซะงั้น
หนานหว่านเยียนไม่สนใจที่จะฟังคำพูดของดอกบัวสีขาวแล้ว จึงกำลังจะเดินจากไป
ขณะนี้ หวางหมัวมัวส่งเสียงขึ้นมาหยุดนางทันที “พระชายา โปรดอยู่ต่อเลยเพคะ”
นางยื่นขนมให้หนานหว่านเยียนดู และพูดอย่างมีความหมายอื่นว่า “ช่วงนี้บ่าวปวดฟัน แต่ก็อยากกินขนมด้วย จึงซื้อทั้งหมดนี้มาและขอให้พระชายาช่วยดูหน่อยเพคะ ว่าจะใช้ได้ไหมเพคะ”
แต่ที่จริง ทั้งหมดนี้เตรียมไว้สำหรับหยีเฟย นางก็ไม่รู้ว่าได้หรือไม่ แต่หยุนอี่ว์โหรวอยู่นี่ นางก็ไม่สามารถถามโดยตรงได้ ดังนั้นจึงได้แต่ถามแบบลับๆ
หนานหว่านเยียนมองไปที่ขนม เข้าใจทันทีว่าหวางหมัวมัวหมายความว่าอะไร และพูดอย่างใจเย็น ๆว่า
“ถ้าปวดฟัน ตอนนี้ก็อย่ากินขนมมากเกินไป เปลี่ยนเป็นอาหารเหลวจืด ๆจะดีกว่า แต่ถ้าอยากกินมากจริงๆ เตรียมขนมอบนุ่มหน่อยก็ใช้ได้อยู่”
“ดีเพคะ บ่าวจะไปเตรียมสักประเดี๋ยวเพคะ” หวางหมัวมัวรับพร้อมยิ้ม และชื่นชมหนานหว่านเยียนมากยิ่งขึ้นแล้ว
หยุนอี่ว์โหรวเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้ แต่กลับรู้สึกว่ายิ่งไม่สบายใจด้วย
นางไม่รู้ว่ามีหนานหว่านเยียนกับหวางหมัวมัวพูดมีความหมายแฝง แต่นางแค่รู้สึกว่าหวางหมัวมัวดูเหมือนจะเข้าใกล้กับหนานหว่านเยียนให้มากขึ้นแล้ว
นี่เป็นความหวังสุดท้ายของนาง นางไม่สามารถนั่งงอมืองอเท้ารอตายอีกต่อไปแล้ว
นางเดินเข้าไปหาหนานหว่านเยียนอย่างหน้าซื่อใจคด และพูดอย่างจริงใจว่า
“พระชายา โหรวเอ๋อร์ได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้ท่านต้องเหน็ดเหนื่อยเพื่อเสด็จแม่ทั้งคืน โหรวเอ๋อร์ขอเชิญพระชายาไปทานอาหารที่ลานเรือน และหวังว่าพระชายาจะให้เกียรติมาด้วย…”