ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 446 อุ้มนาง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 446 อุ้มนาง

“ถึงอย่างไร พระชายาก็เคยช่วยชีวิตโหรวเอ๋อร์มาก่อน และโหรวเอ๋อร์ก็ควรจะที่จะตอบแทนบุญเจ้า แม้ว่าเสด็จแม่ตอนนี้จะยังไม่ได้ตื่น แต่ท่านทำให้อาการของเสด็จแม่ก็คงที่แล้ว และโหรวเอ๋อร์และท่านอ๋องควรขอบคุณพระชายาสำหรับพระเจ้าที่ช่วยชีวิตเราทั้งสองจริงๆ หวังว่าพระชายาจะได้มาร่วมงานเลี้ยงที่เรือนจู๋หลานด้วย”

ทำไมได้คำพูดทั้งหมดนี้ฟังดูแปลกประหลาดมาก ราวกับว่านางกลับเป็นเมียน้อย ที่มารับการขอบคุณจากเมียหลวง…

แม้ว่านางจะไม่ได้สนใจว่าหยุนอี่ว์โหรวจะเป็นใครสำหรับกู้โม่หาน แต่นางก็ไม่ยอมที่จะได้ยินคำพูดที่ร้ายแรงแสบหูเลย

หนานหว่านเยียนเยาะเย้ยขึ้นมาทันที เสียงของนางเหมือนดาบคม เย็นชาจนทำให้คนฟังรู้สึกสั่นกลัว

“ข้าไม่กล้ากินของที่เจ้าทำ ใครชอบกินก็ไปกินเลย อย่ามายุ่งกับข้าอีก”

พอพูดจบ นางก็สะบัดแขนเสื้อจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก

กู้โม่หานขมวดคิ้ว มองไปที่ข้างหลังของหนานหว่านเยียนที่เดินออกไปไกลออก โดยสัญชาตญาณอยากที่จะเร่งเท้าตามไป แต่ก็ได้ยินเสียงของหยุนอี่ว์โหรวเหมือนมีเสียงร้องไห้

“หวางหมัวมัว โหรวเอ๋อร์ก็ว่าแล้วพระชายาจะต้องโกรธแน่ นางมีปัญหากับโหรวเอ๋อร์มาก หนูพูดอะไรนางก็จะไม่พอใจอยู่ดี แม้แต่ที่ท่านสอนโหรวเอ๋อร์นั้น โหรวเอ๋อร์ก็พูดแล้ว แต่พระชายาก็ยังคงไม่ยอมที่จะให้อภัยโหรวเอ๋อร์ คือโหรวเอ๋อร์ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ แล้ว… ”

เมื่อหวางหมัวมัวเห็นนางร้องไห้เหมือนดอกสาลี่ต้องหยาดฝน นางก็รู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงขึ้นมาได้

“พระชายารองหยุน อย่าเสียใจ วันนี้พระชายาคงไม่ค่อยสบายนัก ไหน ๆ ท่านก็ยุ่งมาทั้งคืน จะมีเรี่ยวแรงได้อย่างไรเพคะ”

กู้โม่หานขมวดคิ้ว จู่ๆใบหน้าก็เย็นชาลงและถามด้วยเสียงทุ้มว่า “หวางหมัวมัวสอนอะไรให้เจ้า หมัวมัวต้องดูแลเสด็จแม่ และยังมีธุระอีกมากมายที่ต้องทำ เจ้ามารบกวนหมัวมัวทำไม”

หยุนอี่ว์โหรวมองเขาอย่างน้ำตาคลอเบ้า ดูเหมือนน้อยใจมาก “ท่านอ๋อง…”

หวางหมัวมัวทนไม่ไหวแล้ว จึงอธิบายให้กู้โม่หานว่า

“ท่านอ๋องใจเย็น ๆก่อน คือบ่าวก็ไม่ได้ใช้เวลามากนัก แค่บังเอิญผ่าน พระชายารองหยุนถามบ่าวด้วย พระชายารองหยุนได้ทราบดีว่าช่วงนี้เพราะนาง ทำให้ท่านและพระชายาเกิดความขัดแย้งกันอยู่ นางจึงเอาแต่โทษตัวเอง”

“เมื่อคืนนี้ นางได้ยินว่าหยีเฟยเหนียงเหนียงมีอาการร้ายแรง นางจึงสวดมนต์ในศาลาทั้งคืน ก็นั่นแหละ เข่าของนางก็คุกกลายเป็นฟกช้ำดำเขียวแล้ว เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเพื่อท่านแต่แรก และก็ยังประคับประคองร่างกายที่อ่อนแอของตัวเอง ก็ถือว่าจริงใจเต็มที่แล้วที่ได้ทำเพื่อเหนียงเหนียงขนาดนี้ ท่านก็อย่าโกรธเลย”

สวดมนต์หรือ?

กู้โม่หานมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวด้วยแววตาที่ลึกขึ้น แต่หยุนอี่ว์โหรวกลับก้มหัวลงและแสร้งทำเป็นอ่อนแอเขย่าเบา ๆ

“หม่อมฉันทำทั้งหมดนี้ก็ไม่เชิงอะไรมากเท่าไร พระชายามีฝีมือทางแพทย์เป็นเลิศ สามารถช่วยรักษาเสด็จแม่ได้ด้วยตนเอง แต่หม่อมฉันทำอะไรก็ไม่ได้ สิ่งที่หม่อมฉันทำได้ก็แค่ขอพระพุทธเจ้าให้พร”

หวางหมัวมัวเป็นคนใจดีอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นว่าหยุนอี่ว์โหรวน้อยใจขนาดนี้ จึงพูดเสริมเพื่อนางอีก

“ท่านอ๋อง ท่านก็เห็นแก่พระชายารองหยุนที่ได้ขวางดาบเพื่อท่าน อย่าให้นางลำบากใจเลย ส่วนท่านกับพระชายา…เป็นแค่การทะเลาะกันระหว่างสามีภรรยากัน ทะเลาะกันที่หัวเตียงและกลับคืนดีที่ท้ายเตียงแล้ว จะมีอุปสรรคใดที่ข้ามไม่ได้ล่ะ เพียงเกลี้ยกล่อมพระชายาหน่อยก็จะกลับคืนดีได้แน่นอน และเมื่อท่านกับพระชายามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแล้ว พระชายาก็จะไม่โกรธพระชายารองอีกต่อไป นี่แหละถึงจะมีครอบครัวแสนสุข ทุกอย่างจะได้ราบรื่นดี ”

หยุนอี่ว์โหรวจับมือของหวางหมัวมัวอย่างอ่อนโยน ส่งสัญญาณให้นางอย่าพูดอะไรอีกต่อไป “ไม่เป็นไร หวางหมัวมัว”

นางสะอึกสะอื้นและมองไปที่กู่โม่หาน “ท่านอ๋อง สำหรับโหรวเอ๋อร์ไม่เป็นไรด้วย บาดแผลจากดาบก็ใกล้จะหายดีแล้ว แค๊ก แค๊ก ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล ท่านไปดูพระชายาก่อนดีกว่า โหรวเอ๋อร์ไม่อยากให้พระชายาโกรธท่านอีกแล้ว และยุ่งกับความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับพระชายา โหรวเอ๋อร์ก็มีความรู้สึกขอโทษด้วยเช่นกัน”

นางพูดแบบนี้ก็จริง แต่นางเชื่อมั่นว่าแม้ว่าตอนนี้กู้โม่หานจะรู้สึกรำคาญนางเอง แต่ถึงอย่างไรนางก็ยอมสละชีวิตเพื่อช่วยชีวิตเขาอยู่ดี และก็มีหวางหมัวมัวอยู่ด้วย เขาก็จะไม่เพิกเฉยอย่างแน่นอน

กู้โม่หานชำเลืองมองที่หยุนอี่ว์โหรว และก็มองไปที่หนานหมัวมัวต่อ “หมัวมัว ไปดูแลเสด็จแม่ที่เรือนจิ้งฉานก่อนสิครับ”

หวางหมัวมัวพยักหน้าและก้าวถอยหลัง สายตาของนางจับจ้องไปที่ตัวกู้โม่หานและหยุนอี่ว์โหรว “เพค่ะ บ่าวขอไปก่อน”

เห็นว่ากู้โม่หานไม่ได้พูดอะไร หยุนอี่ว์โหรวก็กัดริมฝีปากด้วย กระพริบตาที่เหมือนกวางของนาง และโค้งคำนับไปทางกู้โม่หาน เล็กน้อย เข่าของนางยังอ่อนแรงอยู่

“ท่านอ๋อง แล้วโหรวเอ๋อร์ก็ไม่รบกวนท่านอีกต่อไป โหรวเอ๋อร์ขอกลับไปก่อน”

“เดี๋ยวก่อน” นางพอพูดจบ กู้โม่หานพูดขัดจังหวะนาง

หยุนอี่ว์โหรวดีใจขึ้นทันที “มีอะไรอีกหรือ ท่านอ๋อง”

กู้โม่หานหลับตาลงครึ่งหนึ่ง จ้องมองคนตรงหน้าอย่างนิ่งๆ แล้วพูดช้าๆ ว่า “ข้าส่งเจ้ากลับเรือนละกัน”

เขาก็นึกถึงวันนั้นในจวนกั๋วกงก่อนที่หนานชิงชิงจากไปคำพูดที่มีต่อหนานหว่านเยียน และคำพูดที่หนานหว่ายเยียนได้พูดกับ หนานชิงชิง บางเรื่องคงต้องถามหยุนอี่ว์โหรวโดยเขาเอง

“ท่านอ๋อง?” หยุนอี่ว์โหรวมองไปที่กู้โม่หานด้วยใบหน้าที่ปลื้มปีติ และในวินาทีถัดมา ก็ร้องไห้ด้วยความดีใจ “ท่าน ท่านพูดจริงหรือเปล่า”

“ท่านอ๋องไม่ได้ไปที่เรือนจู๋หลานกับโหรวเอ๋อร์มานานแล้ว แค๊ก ๆ โหรวเอ๋อร์นึกว่าท่านอ๋องเกลียดโหรวเอ๋อร์เสียแล้ว”

หยุนอี่ว์โหรวพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกปิดความตื่นเต้นสะใจในดวงตาของนาง โดยแสร้งทำเป็นร่างกายไม่มั่นคงและอ่อนแอมาก ราวกับว่ากำลังจะล้มเป็นลมในอ้อมแขนของเขา

“ท่านอ๋อง ขาของโหรวเอ๋อร์เจ็บมาก และแผลก็แสบร้อนไม่สบายมาก ท่านช่วยอุ้มโหรวเอ๋อร์กลับไปที่เรือนได้ไหม…”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท