ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 451 ความอยากเป็นเจ้าของของท่านอ๋อง

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 451 ความอยากเป็นเจ้าของของท่านอ๋อง

พ่อบ้านกาวถือของเล่นไว้ในมือ ยืนอยู่ข้างกู้โม่หานแบบไม่กล้าหายใจแรงเลยสักนิด

เขาเหล่ตามองกู้โม่หานอย่างหวาดระแวงไปทีหนึ่ง ก็เห็นคิ้วเรียวคมกริบของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันแน่น ในดวงตาดำค่อย ๆ ปรากฏความเยือกเย็นและอาฆาตขึ้นมา พลังอำนาจที่แผ่ออกมาทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัว

กู้โม่หานเดินเข้าห้องไปด้วยความรวดเร็ว แล้วกอดเอวหนานหว่านเยียนไว้อย่างวางอำนาจ “บังอาจ กล้ามองพระชายาแบบไม่เกรงกลัวอะไร กล้าเข้าใกล้พระชายาเช่นนี้ และทำให้ชื่อเสียงของพระชายาเสื่อมเสีย!”

ขณะนั้นเอง กู้โม่หานก็สังเกตเห็นผ้าพันแผลบนมือโม่หลีแล้ว ดวงตาก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น

หนานหว่านเยียนดีกับไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่มากขนาดนี้เลยหรือ?

เขาบาดเจ็บหนักหนานหว่านเยียนยังไม่สนใจเลย ไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่ไม่ได้ใกล้ตายสักหน่อย นางต้องลงมือเองเลยหรือ?!

พอเห็นเช่นนี้ สายตาของโม่หวิ่นหมิงก็เย็นชาลงเล็กน้อย

โม่หลีมองไปที่กู้โม่หาน ดวงตาที่ดำสนิทค่อย ๆ หรี่ลงมา

อ๋องอี้กู้โม่หาน……ในที่สุดก็ได้เห็นตัวจริงแล้ว

เป็นเหมือนกับที่ได้ยินมาเลย หน้าตาหล่อเหลาไม่มีใครเทียบได้ เยือกเย็นอย่างเทพสงคราม แรงสังหารแข็งแกร่งมาก

แต่ว่า……เขามองไปที่ฝ่ามือใหญ่ของกู้โม่หานที่โอบเอวหนานหว่านเยียนเอาไว้ ซึ่งเต็มไปด้วยความอยากเป็นเจ้าของ

การกระทำของกู้โม่หานนั้นรวดเร็วมาก จนหนานหว่านเยียนไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิด

แต่พอได้ยินคำพูดของกู้โม่หานแล้ว นางก็ตั้งสติขึ้นมาได้ทันที คิ้วดกดำขมวดขึ้นมาเล็กน้อย

“ท่านอาจารย์ก็แค่กำลังคุยเรื่องการเรียนของยัยหนูสองคนกับข้าเท่านั้น กลางวันแสก ๆ แล้วก็เปิดประตูเปิดกว้างเอาไว้ และที่สำคัญท่านน้าของข้าก็อยู่ด้วย แบบนี้มันจะไปทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอะไรกัน? ท่านอ๋องช่วยพูดจาดูความเหมาะสมด้วย!”

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคุยกันบนรถม้าเมื่อก่อนหน้านี้ไว้แล้ว ว่าสามารถแสดงละครตอนอยู่ในจวนอ๋องได้ แต่กู้โม่หานกลับแสดงเกินไปหน่อยแล้วมั้ง มามีความคิดเห็นต่อต้านผู้ชายทุกคนที่อยู่รอบตัวนาง มันควบคุมมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

ทำไมไม่เห็นเขาไปคุมกับหยุนอี่ว์โหรวแบบเคร่งครัดขนาดนี้เลย

เหอะ ผู้ชายสองมาตรฐาน

กู้โม่หานถูกหนานหว่านเยียนสั่งสอนขึ้นมารอบหนึ่ง ในใจก็ยิ่งไม่ชอบใจขึ้นมา นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นนะ จะต้องคอยอธิบายกับสามีด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแน่นอน และที่สำคัญยังจะออกห่างจากผู้ชายพวกนั้นให้มาก ๆ ด้วย แต่นางซิ กลับมารู้สึกว่าเขาทำเกินไป

ตอนนี้นางเป็นจุดสนในของคนมากแค่ไหน ตัวนางเองไม่รู้หรือ?

พ่อบ้านกาวปาดเหงื่อเย็น ๆ ไปด้วย และเดินขึ้นหน้าไป แล้วแนะนำกับกู้โม่หานขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ท่านนี้คือท่านอาจารย์ที่เพิ่งมาใหม่ ท่านอาจารย์ ชื่อว่าโม่หลีขอรับ”

โม่หลีคำนับให้กับกู้โม่หานด้วยความเคารพ “คารวะท่านอ๋องอี้”

“อาจารย์สอนหนังสือที่เพิ่งมาใหม่หรือ?” กู้โม่หานหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง อยากจะวิเคราะห์โม่หลีที่อยู่ตรงหน้าให้ชัดเจน “เปลี่ยนคนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วหลินอวี้เฟิงคนเดิมล่ะ?”

พ่อบ้านกาวรีบกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย แล้วเปิดปากพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย “อาจารย์หลินมีธุระที่บ้าน จึงขอลากลับบ้านไป บ่าวคิดว่านายน้อยทั้งสองจะขาดอาจารย์ไปไม่ได้ ก็เลยไปค้นหาอาจารย์มาชุด ในบรรดาอาจารย์พวกนั้นล้วนเพียบพร้อมทุกคน แต่ว่าอาจารย์โม่เป็นบัณฑิตที่โดดเด่นมากที่สุดขอรับ”

“ทีแรกบ่าวไม่กล้าที่จะตัดสินใจเอง และอยากจะไปปรึกษาท่าน แต่ว่าช่วงนี้ท่านงานยุ่งมากจริง ๆ บ่าวจึงไม่มีโอกาสเข้าไปพูดแทรก ก็เลยตัดสินใจเอง ตัดสินใจเลือกอาจารย์โม่ ตอนกลางวันอาจารย์โม่จะมาสอนหนังสือให้จวิ้นจู่น้อยทั้งสองที่เรือนเซียงหลิน แล้วกลางคืนไปพักกับอาจารย์ท่านอื่นและพวกหมัวมัวที่เรือนข้าง เรื่องนี้บ่าวเป็นคนตัดสินใจเอง ขอท่านอ๋องลงโทษด้วยขอรับ”

พอโม่หวิ่นหมิงเห็นว่ากู้โม่หานมีท่าทีที่ไม่ดี คิ้วที่เรียวยาวก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย และพยายามเปิดปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใจเย็นที่สุด “ที่อาจารย์โม่มาที่นี่ในวันนี้ เพราะว่ามาปรึกษาปัญหาบางอย่างกับข้า แล้วหว่านหว่านก็มาพอดี และเพิ่งพูดคุยกันไปได้ครู่เดียวเอง ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเห็นใครก็เกรงกลัวไปหมดหรอก มันทำให้ดูเหมือนท่านอ๋องไม่มีความมั่นใจเลย”

โม่หลียังคิ้วเล็กน้อย กลับไม่ได้พูดอะไร

แต่กู้โม่หานกลับเหมือนรู้สึกว่าโดนพูดแทงใจดำเลย ไฟโกรธในใจก็ยิ่งลุกโชนขึ้นมากกว่าเดิม

ไม่มีความมั่นใจอะไรกัน ข้างกายผู้หญิงของเขามีผู้ชายเต็มไปหมด แล้วเขาจะไม่สบายใจหน่อยไม่ได้หรือ?

ทีแรกแค่โม่หวิ่นหมิงคนเดียวก็ทำให้เขาอัดอั้นมากพอแล้ว ตอนนี้อยู่ดี ๆ ก็ยังมีโม่หลีไอ้หนุ่มหน้าขาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

เขาจะไม่มีทางให้โม่หลีคนนี้อยู่ต่อไปแน่นอน

“ข้าจะทำอะไร เจ้าไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอน” เขากวาดตามองโม่หวิ่นหมิงอย่างเย็นชาทีหนึ่ง แล้วค่อยหันไปมองโม่หลี

“อาจารย์สอนหนังสือที่อายุน้อยขนาดนี้ จะมีความสามารถหรือเปล่านั้นยังอีกเรื่องหนึ่ง เวลาเรียนไม่ไปอยู่ข้างกายจวิ้นจู่ แต่มาอยู่ที่อื่น ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่มีทางสอนจวิ้นจู่น้อยทั้งสองให้ดีได้ พ่อบ้านกาว คิดค่าแรงให้เขา แล้วก็ไปหาอาจารย์ที่มีคุณธรรมสูงและมีชื่อเสียงมาใหม่”

ดวงตาของโม่หลีหรี่ลงมา หนานหว่านเยียนรู้ว่ากู้โม่หานกำลังเอาเรื่องงานมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว นางกำลังจะเปิดปากพูดขึ้น ก็ได้ยินเด็กที่แฝงความโกรธเคืองสองเสียงดังลอยมาจากประตู

“อาจารย์โม่ดีขนาดนี้ ทำไมท่านต้องไล่เขาออกไปด้วย?”

“ใช่ ที่อาจารย์ไม่อยู่สอนหนังสือข้างกายเรา ก็เพราะพวกกำลังสอบอยู่ อาจารย์กำลังทดสอบความรู้หน้าที่และความเชื่อมั่นในตัวของเรา อาจารย์เก่งมากเลยนะ ท่านห้ามไล่เขาไปเด็ดขาด!”

เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเพิ่งทำงานเสร็จ ก็วิ่งมาฝั่งตรงข้าม จะมาหาโม่หวิ่นหมิง

สองพี่น้องถือบทกลอนที่เขียนเสร็จแล้ว และวิ่งมาอย่างดีอกดีใจ ก็มาได้ยินกู้โม่หานไล่โม่หลีออกพอดี

ช่วงสองวันมานี้สองพี่น้องอยู่กับโม่หลีได้ค่อนข้างดี พอได้ยินว่าอาจารย์จะไปแล้ว ก็พุ่งเข้ามาอย่างโกรธเคืองมาก

โม่หลีกับโม่หวิ่นหมิงจ้องมองเด็กน้อยสองคนมาปกป้องอยู่ด้านหน้า ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ดวงตาของโม่หลีมีแววขบขันพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง และรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

หนานหว่านเยียนย่อตัวนั่งลง จ้องมองยัยหนูทั้งสอง “พวกเจ้ามาได้ยังไงกัน งานเขียนเสร็จแล้วหรือ?”

เกี๊ยวน้อยมองไปที่กู้โม่หานทีหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อืม อืม พวกเรามาหาอาจารย์โม่เพื่อจะขอขนมหวานกินสักหน่อย!”

กู้โม่หานเห็นเกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยเดินไปตรงหน้าโม่หลี จากนั้นก็ปกป้องไว้อย่างดี

ใจเขารู้สึกถูกทิ่มแทงทีหนึ่ง เหมือนก้างปลาติดคอแล้วคายไม่ออก

เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าโม่หลีเพิ่งจะมาแค่ไม่กี่วัน ก็ทำให้ยัยหนูทั้งสองชื่นชอบขนาดนี้แล้ว

คนคนนี้ ต้องมีความเฉลียวฉลาดมากแน่

พอตอนนี้เห็นว่าลูกสาวของเขาไม่อยากให้โม่หลีจากไปมากขนาดนี้ ยังไงเขาก็ต้องสนใจสักหน่อย

เขาพยายามข่มความอัดอั้นในใจไว้ น้ำเสียงลดลงเล็กน้อย “ในเมื่อพวกเจ้าชอบ งั้นเก็บเอาไว้ก็ไม่เป็นไร”

แต่หลังจากนั้น เขาก็มองไปทางโม่หลีและโม่หวิ่นหมิงอีกครั้ง ดวงตาเย็นชาลงหลายส่วน แรงตักเตือนหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น

“อาจารย์แค่รับผิดชอบถ่ายทอดวิชาความรู้ สั่งสอนคนเป็นพื้นฐาน แต่ถ้ามีความคิดอย่างอื่น ข้าไม่มีทางให้อภัยแน่!”

นิ้วมือของโม่หวิ่นหมิงขยับเล็กน้อย ออกแรงกำพนักเก้าอี้รถเข็นขึ้นมา กลัวว่าโม่หลีจะอดไม่ไหวจนระเบิดขึ้นมา

แต่กลับคิดไม่ถึง ว่าแววตาของโม่หลียังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่เกรงกลัวกู้โม่หานเลยสักนิด แล้วก็ไม่มีแววโกรธเลยสักนิด

“ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลไปหรอกขอรับ ข้าน้อยแค่รับผิดชอบทำตามหน้าที่ของตัวเอง จะไม่มีทางทำอะไรที่เกินหน้าที่ไปแน่นอน แต่ว่าพระชายาเป็นคนดีมีศีลธรรม พวกจวิ้นจู่น้อยก็เป็นคนดีมีเมตตาเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ฉะนั้นการได้รับความชื่นชอบและเคารพนับถือจากผู้อื่นจึงเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว”

“ไม่ต้องพูดว่าความจริงใจแลกกับความจริงใจ ความรักเป็นสิ่งที่มีให้แก่กันและกันมาเสมอ ถ้าข้าน้อยไม่ดี หรือว่าไม่ดีพอ แล้วถูกใครขับไล่ ไม่เอาเงินสักแดงเดียวก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว แต่ว่าข้าน้อยเป็นคนดีพอ ทั้งพระชายาและจวิ้นจู่ต่างก็ไม่อยากให้ข้าน้อยจากไป ซึ่งก็หมายความว่าข้าน้อยยังพอมีประโยชน์อยู่ ท่านอ๋องไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมากราดเกรี้ยวกับเรื่องนี้หรอก”

เด็กน้อยทั้งสองคนดูมึน ๆ งง ๆ รีบพยักหน้าขึ้นมาติด ๆ

สมแล้วที่เป็นอาจารย์ ใช้คำสุภาษิตติดต่อกันไปตั้งหลายประโยคเลย

พวกเด็ก ๆ ฟังความหมายที่แอบแฝงไว้ไม่ออก แต่ว่าครู่เดียวโม่หวิ่นหมิงก็ฟังออกแล้ว

โม่หลีกำลังตักเตือนกู้โม่หานอยู่ว่า ถ้าอนาคตรั้งคนไว้ไม่อยู่ ก็เป็นเพราะตัวเขาเองทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับภรรยาและลูก……

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท