ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 452 สอนพ่อเฮงซวย ๆ ให้เป็นคนดี
หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าในคำพูดของโม่หลีแฝงความหมายอื่นไว้ แต่กลับไม่ได้คิดมาถึงตัวเอง แค่รู้สึกว่าเขาช่างใจกล้ามาก พวกอาจารย์และหมัวมัวเมื่อก่อนหน้านี้ ใคร ๆ ก็เอากู้โม่หานเป็นหลักกันทั้งนั้น
แค่กู้โม่หานใบหน้าบึ้งตึง พวกเขาก็ตกใจกันหมดแล้ว แต่โม่หลีกลับมาแข็งข้อกับเขา
สายตาของกู้โม่หานเย็นชาลงไปหลายส่วน จ้องเขม็งไปที่โม่หลีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
น้ำเสียงที่โม่หลีพูดหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนอาจารย์ที่สอนหนังสือธรรมดาทั่วไปเลย
โม่หลีหันไปพูดกับพวกแม่ลูกหนานหว่านเยียนขึ้นว่า “จวิ้นจู่น้อยทั้งสอง เอางานมาส่งให้ข้าเถอะ เดี๋ยวข้าจะตรวจให้เจ้านายน้อยทั้งสองเอง”
เด็กน้อยรีบเอาหนังสือในมือส่งให้กับโม่หลีไป โม่หลียกมือขึ้นมาคำนับให้ทุกท่าน แล้วก็ถอยออกไปเลย
ตลอดการกระทำนี้ โม่หลีแสดงออกได้อย่างกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมาก ท่วงท่าเหมาะสม ดูเป็นผู้มีปัญญามาก แล้วก็แอบแฝงความรู้สึกทิ่มแทงคนไว้เล็กน้อย
กู้โม่หานจดจ้องโม่หลีที่จากไปด้วยสายตาเย็นชา ดวงตาเรียวคมลึกดูมืดมน
เขาไม่พูดอะไรเลย กวาดตามองโม่หวิ่นหมิงที่ไม่พูดอะไรทีหนึ่ง จากนั้นก็พยายามพาหนานหว่านเยียนและยัยหนูทั้งสองออกไปจากห้องนี้
หนานหว่านเยียนถูกบังคับพาตัวออกมา แม้แต่โอกาสจะขัดขืนก็ยังไม่มี ทำได้แค่รีบล่ำลาโม่หวิ่นหมิงอย่างรีบร้อน
พ่อบ้านกาวติดตามมาอยู่ด้านหลัง เหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมา
ครู่เดียวท่าทีของโม่หวิ่นหมิงก็เคร่งขรึมขึ้นมา เขาก้มหน้าลงมองขาทั้งคู่ที่ยังไม่หายดี สายตาก็เยือกเย็นขึ้นมาหลายเท่า
เขาค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นมา แล้วทำท่าทางกายภาพบำบัดที่หนานหว่านเยียนให้เขาทำต่อไป
เขาใกล้จะไปจากที่นี่แล้ว เขาจะต้องหายดีให้เร็วที่สุด……
พอกลับมาถึงห้องของหนานหว่านเยียน กู้โม่หานก็พาพวกเขาเข้าไปในห้อง เด็กน้อยทั้งสองรีบจ้องมองมาที่เขา
เขาพยายามข่มความไม่พอใจในใจเอาไว้ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนขึ้นว่า “พรุ่งนี้ข้าอยากจะพาพวกเจ้าออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อย ดอกเหมยตรงชานเมืองบานอยู่พอดี พวกเจ้าจะได้ชื่นชมดอกเหมยไปด้วย แล้วก็ได้กินขนมไปด้วย คิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”
พานางกับพวกลูก ๆ ออกไปเที่ยวเล่นหรือ?
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองไปที่กู้โม่หานอย่างไม่เข้าใจ
ไม่มีทางที่ใครจะมาดีกับใครง่าย ๆ จะต้องมีเป้าหมายแอบแฝงแน่
นางเปิดปากพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ไม่ต้องหรอก”
คิ้วเรียวของกู้โม่หานกระตุกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางสองพี่น้อง “เจ้าไม่ไป ไม่ได้แปลว่ายัยหนูสองคนจะไม่อยากไปด้วย”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยมองสบตากันทีหนึ่ง แล้วก็ส่ายหน้ากันขึ้นมา “พวกเราเองก็ไม่ไปเช่นกัน ยังมีหนังสือที่ยังไม่ได้เรียนอีก”
อยากจะมาเอาในพวกนางหรือ พวกนางไม่มีทางตกหลุมพรางหรอก!
เจ้าคนชั่วถ้าไม่ดีกับท่านแม่สักวัน พวกนางก็จะไม่มีทางสนิทสนมกับเขาหรอก
ดวงตาคมของกู้โม่หานครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นไป สีหน้าเคร่งขรึมลง
พ่อบ้านกาวที่ยืนอยู่ด้านหลังกู้โม่หาน เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ก็รีบให้คนไปเอาของเล่นมาทันที แล้วยื่นไปตรงหน้ายัยหนูทั้งสอง
“นายน้อยทั้งสอง ถึงแม้ว่าต้องเรียนหนังสือ แต่ก็ต้องหาเวลาพักผ่อนบ้าง นี่คือตุ๊กตาม้าไม้แกะสลักที่ท่านอ๋องหาช่างแกะสลักมีชื่อมาแกะให้โดยเฉพาะ ตุ๊กตาม้าแบบนี้ไม่เหมือนใครในซีเหย่แน่นอน ท่านอ๋องใช้เรี่ยวแรงไปมากโข ถึงจะสั่งทำออกมาได้”
“ในเวลาว่างนั้น ยังไงก็ต้องเล่นให้ผ่อนคลายสักหน่อย ถ้าท่านทั้งสองคนไม่อยากออกไปเที่ยวเล่น งั้นก็เล่นตุ๊กตาม้าไม้นี่ก็ได้”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยจ้องมองไปที่ม้าโยกด้านหลังพ่อบ้านกาว ก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วกะพริบตาขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
เด็กจะไม่ชอบของเล่นได้ยังไง แต่พอนึกถึงความห่วงใยที่กู้โม่หานมีให้หยุนอี่ว์โหรวเมื่อก่อนหน้านี้ แถมคืนนี้ยังวางอำนาจและแข็งกร้าวใส่โม่หลีอีก แล้วก็แสร้งเบือนหน้าไปอย่างไม่ใส่ใจ
หนานหว่านเยียนถือว่ามองออกแล้ว คืนนี้กู้โม่หานจะมาเอาใจพวกลูกสาวของนางนี่เอง
แต่ว่าเขาคงจะคำนวณมาผิดแล้ว
พอกู้โม่หานเห็นสองพี่น้องมีท่าทีแบบนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเจ้าไม่ชอบหรือ?”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยจ้องมองไปที่ตุ๊กตาม้าไม้เล็กน้อย แล้วก็แกล้งทำเป็นเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจ
“ก็รู้สึกเฉย ๆ ถ้าอาจารย์โม่เป็นคนทำเอง จะต้องทำได้ดีกว่านี้แน่นอน”
ใครใช้ให้เขามาดุดันกับอาจารย์โม่ในค่ำคืนนี้ นางจะตั้งใจกระทบกระเทือนพ่อชั่วที่ชอบคิดเองเออเองคนนี้สักหน่อย!
ซาลาเปาน้อยเข้าใจความคิดของเกี๊ยวน้อยขึ้นมาทันที แล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“อาจารย์โม่สามารถทำให้ตุ๊กตาม้าไม้ตัวนี้มีชีวิตขึ้นมาได้ มันสนุกมากกว่าเจ้าตัวนี้เยอะเลย”
ทำให้ตุ๊กตาม้าไม้มีชีวิตขึ้นมาได้หรือ?
ล้อเล่นอะไรอยู่
กู้โม่หานคลี่ยิ้มขึ้นมาอย่างดูถูก ท่าทางดูเยาะเย้ย “เรื่องที่ไม่มีความเป็นไปได้ พวกเจ้าต้องถูกเขาหลอกแล้วแน่ ๆ”
บนใบหน้าเขาไม่แสดงออกอะไร แต่ในใจกลับยิ่งมีอคติต่อโม่หลีมากยิ่งขึ้น
นี่โม่หลีวางยาอะไรใส่ยัยหนูทั้งสองนะ ถึงได้ทำให้พวกนางชื่นชมเขามากขนาดนี้
พ่อบ้านกาวที่อยู่ข้าง ๆ เอาตุ๊กตาม้าไม้ไปไว้ที่มุมห้องอย่างเงียบ ๆ แล้วถอนออกไปอย่างเงียบ ๆ และปิดประตูลงให้ด้วย
ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของทั้งครอบครัวสี่คน เขาหลบความแหลมคมไปก่อนดีกว่า
หนานหว่านเยียนเองก็แปลกใจไปชั่วขณะ
แต่พอนึกถึงคำพูดที่โม่หวิ่นหมิงพูดเมื่อกี้ ว่าโม่หลีรู้เรื่องเกี่ยวกับเครื่องกล คนที่สามารถทำให้ท่านน้ายอมรับได้เช่นนี้ คาดว่าน่าจะพอมีความสามารถอยู่แน่นอน
เกี๊ยวน้อยจ้องมองท่าทางที่ไม่เชื่อของกู้โม่หาน ก็เบ้ปากเล็ก ๆ ขึ้นแล้วเปิดปากพูดต่อไปว่า
“ท่านทำไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ด้วย อาจารย์โม่ไม่เพียงสามารถทำให้ตุ๊กตาม้าไม้มีชีวิตได้เท่านั้น ยังสามารถทำให้ของเล็ก ๆ ในห้องข้าขยับเขยื้อนได้ด้วย”
“เขาเก่งมากเลยนะ ขนมหวานของบ้านเกิดเขาก็อร่อยมากเหมือนกัน ถ้าท่านแม่ได้ลองชิมดูแล้ว จะต้องชื่นชอบอย่างไม่มีเงื่อนไขแน่! ท่านแม่ พออาจารย์ตรวจงานเสร็จ ถ้าข้าได้ของกินอร่อยมา จะต้องเอามาให้ท่านแม่ลองชิมดูแน่”
ซาลาเปาน้อยจ้องมองใบหน้าที่ค่อย ๆ แล้วก็ดึงแขนเสื้อของเกี๊ยวน้อยเบา ๆ
ถึงแม้ว่าพ่อเฮงซวยจะไม่ดีต่อท่านแม่ แต่ว่าพวกนางทำแบบนี้ มันจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
เกี๊ยวน้อยกลับไม่รู้สึกว่าเกินไป พ่อเฮงซวยโง่จะตายไป ไม่พูดจาให้รุนแรงหน่อย เขาก็ไม่มีทางลนลานนะซิ
และที่สำคัญนางก็พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าพ่อชั่วยังไม่ดีกับท่านแม่อีก งั้นก็สมน้ำหน้าเขาแล้วที่ตามจีบท่านแม่ไม่ติด!
หนานหว่านเยียนไม่รู้ความคิดของเกี๊ยวน้อย ยังคิดว่าเขาตั้งใจพูดเรื่องพวกนี้เพื่อจะให้กู้โม่หานโกรธเท่านั้น จึงยิ้มแล้วขยี้หัวนางเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ อาจารย์ของพวกเจ้าดีที่สุดเลย”
กู้โม่หานรู้สึกหึงหวงอย่างหนักขึ้นมาทันที แล้วก็ดึงข้อมือของหนานหว่านเยียนมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
“อะไรคือทำให้ตุ๊กตาม้ามีชีวิตขึ้นมาแล้วข้าทำไม่ได้ คนสอนหนังสือคนหนึ่ง ทำไมถึงทำเรื่องพวกนั้นได้ พวกนางแยกแยะความจริงเท็จไม่ออก หรือว่าแม้แต่เจ้าเองก็แยกแยะไม่ออกด้วยหรือ?”
พอเกี๊ยวน้อยเห็นว่ากู้โม่หานรู้สึกหึงหวงขึ้นมาแล้ว พริบตาเดียวในดวงตาก็มีประกายกะพริบขึ้นมา แล้วตั้งใจพูดขึ้นว่า
“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีของอะไรน่าแปลก ในเมื่อ ยังไงข้าก็เชื่อว่าอาจารย์โม่มีความสามารถแบบนี้ ท่านรอดูไปเถอะ ข้าจะให้เขาทำให้ตุ๊กตาม้าไม้มีชีวิตขึ้นมาเดี๋ยวนี้แหละ!”
ซาลาเปาน้อยกระซิบเตือนที่ข้างหูเกี๊ยวน้อยขึ้นว่า “ท่านพี่ คือ มีของแปลกอะไรก็ได้ต่างหาก”
เกี๊ยวน้อยก็เลยแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย แล้วจูงมือซาลาเปาน้อยเดินไปทางห้องของโม่หลี “ไป พวกเราไปหาอาจารย์กันเถอะ”
หนานหว่านเยียนจ้องมองลูกสาวที่ตัวเล็กเท่านี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา
ลูกสาวดุเขาเพราะผู้ชายแปลกหน้าคนอื่น แถมยังโต้เถียงกับเขา แต่หนานหว่านเยียนกลับหัวเราะออกมาได้
ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของกู้โม่หานเกิดแววโกรธเคืองขึ้นมาทันที จากนั้นก็ดึงหนานหว่านเยียนเข้ามาในอก แล้วกดตัวไว้กับกำแพง
“หนาน หว่าน เยียน……”