ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ – บทที่ 453 ข้ามีอะไรจะพูดกับเจ้า

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 453 ข้ามีอะไรจะพูดกับเจ้า

หนานหว่านเยียนใจหายวาบไปทันที รอยยิ้มบนใบหน้าที่สวยงามหายวับไปหมด ขมวดคิ้วขึ้นและร้อนรนเล็กน้อยอยากจะผลักเขาออก “ท่านจะทำอะไร ปล่อยมือนะ!”

กู้โม่หานไม่ปล่อย ในดวงตาดำสนิทเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”

พูดอะไรงั้นหรือ พูดว่าตอนนี้เขาไม่ชอบใจมาก พูดว่าเขาไม่ชอบให้พวกนางแม่ลูกไปดีกับผู้ชายอื่นขนาดนี้ อย่างน้อยก็ห้ามดีกับคนอื่นมากกว่าดีกับเขา หรือจะพูดว่าที่จริงเขาชอบหนานหว่านเยียน ดังนั้นจึงไม่ชอบให้ข้างกายนางมีคนอื่นอยู่…….

เขาจะพูดออกไปได้ยังไง เขาจะกล้าพูดได้ยังไง?!

หนานหว่านเยียนจะเชื่อหรือเปล่ายังเป็นอีกเรื่อง แต่จะขำเขาแน่นอน

กู้โม่หานจิตใจว้าวุ่น ในสมองยุ่งเหยิงไปหมด ความโกรธกับความหึงหวงตีกันเป็นก้อน โมโหจนสมองแทบจะไม่มีสติแล้ว แถมยังมีความไม่สบายอยู่ด้วย

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขายังมีความหวังว่าจะสามารถรั้งสามแม่ลูกไว้ได้ แต่ว่าตอนนี้ โดยเฉพาะพอเสด็จแม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ายิ่งอยู่หนานหว่านเยียนกับยัยหนูสองคนก็ยิ่งห่างไกลจากเขาไปเรื่อย ๆ

ไกลจน เขาเกือบจะเอื้อมไม่ถึงแล้ว

“ท่านมีอะไรก็ว่ามา จะมากดตัวข้าไว้ทำไม?” หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วหวนนึกถึงท่าทางบุ่มบ่ามในคืนที่เมาเหล้าของกู้โม่หาน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

ด้านหลังของนางติดกับกำแพงที่เยือกเย็น บวกกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของกู้โม่หาน ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงพุ่งเข้ามาสู่หัวใจ

ที่จริง นางรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจว่าช่วงนี้กู้โม่หานเป็นอะไร มักจะปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ชัดเจน บางครั้งก็บีบคั้นคนทุกอย่าง บางครั้งก็เย็นชาเป็นอย่างมาก แถมบางครั้งยังลงไม้ลงมือกับนางอย่างไม่สงบนิ่ง……

นอกจากเรื่องลงไม้ลงมือพวกนี้แล้ว นางก็นึกถึงพวกผู้ป่วยจิตเภท ในระยะแรกก็จะเกิดอาการจิตเภทเช่นนี้เหมือนกัน แล้วก็มองไปที่กู้โม่หานอย่างร้อนใจเล็กน้อย “กู้โม่หาน ท่านไม่ได้ไม่สบายตรงไหนใช่ไหม หรือว่า ให้ข้าช่วยตรวจดูให้ท่านหน่อยได้ไหม?”

ถ้ากู้โม่หานมีปัญหาทางจิตเภท งั้นลูกสาวนางก็แย่แล้ว พวกโรคทางจิตเวชนั้นเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมนะ

กู้โม่หานราวกับเป็นงูที่ถูกบีบอยู่ตรงหัวใจ สีหน้าดูย่ำแย่มากขึ้นมาทันที “หนานหว่านเยียน ข้าไม่ได้ป่วย”

เขาก็แค่รู้สึกควบคุมตัวยากหน่อยก็เท่านั้น ไหนจะเรื่องของเสด็จแม่ เรื่องของจวนเฉิงเซี่ยง เรื่องของนาง และเรื่องของยัยหนูทั้งสอง ทำให้เขากลุ้มใจเป็นอย่างมาก และความกลุ้มแบบนี้ก็มีมาช่วงหนึ่งแล้ว

ความรู้สึกยิ่งถูกกดดัน เขาก็ยิ่งรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เรื่องราวมันเกินการควบคุมไปแล้ว

หนานหว่านเยียนรู้สึกมึนงงเล็กน้อย จากนั้นก็หงุดหงิดขึ้นมา “ท่านไม่ป่วยก็ไม่ป่วยซิ จะมาดุทำไม ต่อไปถ้าท่านป่วยข้าก็ไม่รักษาให้ท่านหรอก ปล่อยมือ ถ้ายังไม่ปล่อยมืออีกข้าจะ อื้อ อื้อ……”

คำพูดของนางยังพูดไม่ทันจบ อยู่ ๆ ริมฝีปากก็รู้สึกถึงความอ่อนนุ่ม ชายหนุ่มจูบปากนางไว้อย่างหนักหน่วง

เขากอดรัดเอวนางไว้แน่น หลับตาจูบนางไป

อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่านี่คือเรื่องที่ถูกต้อง

เรื่องมันควรจะเป็นแบบนี้แหละ กักตัวนางไว้ข้างกายเขา แบบนี้แหละถูกต้องแล้ว

หนานหว่านเยียนเบิกตากว้างทั้งคู่ จ้องมองชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า เขาได้คืบจะเอาศอก บุกรุกเข้าไปยึดครอง และจูบอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ

คนชั่วช้า!

ครั้งนี้เขาไม่ได้เมาสักหน่อย แต่กลับกล้ามาจูบนาง!

หนานหว่านเยียนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก และทุบตีเขาไปไม่หยุด

เขาไม่เพียงไม่คลายออก กลับยิ่งจูบอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าใกล้จะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว แล้วมือก็ถูกเขาควบคุมเอาไว้ สุดท้ายจึงกัดเขาไปอย่างแรงทีหนึ่ง

กู้โม่หานรู้สึกเจ็บ ก็ปล่อยตัวนางออกโดยอัตโนมัติ หนานหว่านเยียนฉวยโอกาสผลักตัวกู้โม่หานออก แล้วหมุนตัวหนีไป

แต่อยู่ ๆ เรี่ยวแรงที่เยอะมากกว่าปกติ กลับมาดึงรั้งตัวนางกลับไป

หนานหว่านเยียนร้องเสียงต่ำออกมาคำหนึ่ง โดนบังคับให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขา เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคิ้วเรียวยาวของกู้โม่หานขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตาดำราวหมึกเก็บซ่อนความโกรธเอาไว้ ข้างริมฝีปากเขายังรอยเลือดนิดหน่อย ราวกับเป็นปีศาจที่เย้ายวนคนให้หลงใหล

“กัดข้าแล้วคิดจะหนีหรือ หนานหว่านเยียน เดี๋ยวนี้เจ้าใจกล้ามากเลยนะ”

มือของหนานหว่านเยียนถูกเขาจับจนรู้สึกเจ็บ นางพยายามแกะข้อมือตัวเองที่ถูกกู้โม่หานจับเอาไว้ออก

“ท่านเพิ่งรู้หรือว่าข้าใจกล้า? ถ้าไม่ใช่เพราะท่านยังมีประโยชน์กับข้า ข้าจะตีหัวหมาของท่านให้แตกไปตั้งแต่ตอนนี้เลย!”

“งั้นเจ้าก็ลองดูซิ ดูซิว่าจะหนีออกไปจากกำมือข้าได้จริง ๆ หรือเปล่า”

ดวงตาของกู้โม่หานค่อย ๆ หรี่ลง ในดวงตาคมสวมแฝงกลิ่นอายความอันตรายเอาไว้ ราวกับดอกไม้พิษที่เบ่งบานแต่ก็เต็มไปด้วยพิษร้าย แค่เข้าไปใกล้นิดหนึ่ง ก็หนีไม่รอดแล้ว

หนานหว่านเยียนเห็นแล้วในใจก็กระตุกขึ้นมาทีหนึ่งอย่างบอกไม่ถูก

วินาทีต่อมา กู้โม่หานก็ก้มหน้าลงมาที่ซอกคอของหนานหว่านเยียน แล้วอ้าปากกัดลงไป

“โอ๊ย เจ็บ……”

ความรู้สึกแบบนี้ทั้งเจ็บทั้งคัน หนานหว่านเยียนเจ็บจนร้องออกมา ใบหน้าที่งดงามบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย

“กู้โม่หาน ท่านมันคนโรคจิต! ท่านมากัดข้าทำไม!”

แต่มือกลับถูกเขาจับเอาไว้ ไปหยิบของอะไรไม่ได้ ผู้ชายชั่วคนนี้เหมือนจะรู้ว่าพอควบคุมมือนางไว้แล้ว นางก็จะไปหยิบอาวุธไม่ได้แล้ว

พอนางด่าจบ กู้โม่หานถึงปล่อยตัวนางออก จ้องมองร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้บนคอนาง เขาเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่โหดร้ายแฝงความหยอกล้อเอาไว้เล็กน้อย

เขาปล่อยตัวหนานหว่านเยียนออก แล้วเช็ดคราบเลือดตรงมุมปากออก ทั้งตัวเต็มไปด้วยความโกรธเต็มเปี่ยมและความดื้อดึง

“เจ้ากัดข้า ข้าก็ทำคืนซิ……”

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

Status: Ongoing
หนานหว่านเยียน อัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ข้ามภพมาเป็นพระชายาอัปลักษณ์ผู้ถูกทอดทิ้งแห่งจวนอ๋องอี้ แต่ด้วยมันสมองของอัจฉริยะ และความแข็งแกร่งฉบับสาวยุคใหม่ เธอจะพลิกเกมกลับมาแก้แค้นไอ้พวกเศษสวะให้สิ้นซาก!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท