ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 454 กู้โม่หาน ท่านมันคนบ้า
หนานหว่านเยียนเจ็บจนสูดหายใจเย็น ๆ เข้าทีหนึ่ง แล้วลูบคอตัวเองเล็กน้อย กัดฟันและถลึงตาใส่เขา “คนบ้า! ท่านคิดว่าข้ากลัวท่านหรือ!”
พูดแล้ว นางก็ล้วงกระทะก้นแบนออกมา แล้วฟาดไปทางหน้ากู้โม่หานเลย
กู้โม่หานยื่นมือไปจับข้อมือหนานหว่านเยียนเอาไว้ แล้วกักขังนางไว้ในอกตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็เอาเรียวปากชิดเข้าไปใกล้ตรงข้างหูหนานหว่านเยียน
“เลิกตีได้แล้ว เมื่อกี้ด้านนอกมีคนมา ข้าก็เลยทำให้คนสอดแนมนั่นดู ไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบเจ้า”
“คนสอดแนมหรือ?”
หนานหว่านเยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง มือก็แข็งทื่อไป แล้วมองไปข้างนอก แต่ก็ไม่เห็นใคร “ทำไมข้าถึงไม่เห็นล่ะ?”
“พอเห็นข้ากัดเจ้า ก็ไปแล้ว” กู้โม่หานค่อย ๆ ปล่อยตัวหนานหว่านเยียนออก แล้วจัดชุดคลุมสีดำของตัวเองเล็กน้อย ในดวงตาที่มองไปที่หนานหว่านเยียน มีความดูถูกเล็กน้อย “ถ้าไม่มีคนสอดแนมพวกนั้น เจ้านึกว่า ทำไมข้าต้องทำเรื่องพวกนี้กับเจ้าด้วย?”
คำพูดนั้นพูดมาแบบนี้ แต่ว่าใจของกู้โม่หานเต้นเร็วแค่ไหน มีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้
ที่นี่มีคนสอดแนมที่ไหน เพียงแต่เขาตั้งใจสร้างเรื่องขึ้นมาแบบนี้ต่างหาก
ไม่งั้น หนานหว่านเยียนจะต้องไม่มีทางหยุดแน่ ไม่แน่ความสัมพันธ์ที่มีกับเขาอาจจะยิ่งแย่ลงไปอีกก็ได้
“ท่านนี่จริง ๆ เลย เป็นฝ่ายได้เปรียบไปแล้วยังมาทำตัวน่าสงสารอีก” หนานหว่านเยียนเก็บกระทะก้นแบนไปอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นวดคอตัวเองเล็กน้อย แล้วเจ็บจนมุมปากกระตุกขึ้นมา และรู้สึกเบื่อหน่ายต่อคนสอดแนมพวกนั้นเป็นอย่างมากเลย “งั้นท่านรู้หรือเปล่าว่าคนสอดแนมพวกนั้นเป็นคนของใครกัน?”
ถึงแม้ว่านางเองก็เข้าใจดี ตั้งแต่เกิดเรื่องกับเสิ่นอี่ว์ไป ในจวนอ๋องนี้จะต้องมีสายลับอยู่แน่นอน
แต่ว่า นางกลับไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ว่าเมื่อกี้ด้านนอกมีคนสอดแนมอยู่ มักจะรู้สึกว่ากู้โม่หานกำลังแกล้งให้นางตกใจอยู่
สายตาของกู้โม่หานเหล่มองไปที่คอที่มีรอยแดงของหนานหว่านเยียนอย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย
เมื่อกี้เหมือนเขาจะใช้แรงมากเกินไปหน่อย……
“ข้าส่งคนไปสืบแล้ว แต่ว่าคนพวกนั้นซ่อนตัวได้ลึกซึ้งมาก จนตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวที่ชัดเจนเลย”
“แต่ว่าที่นี่เป็นจวนของข้า ข้าจะไม่มีทางยอมให้พวกเขามีโอกาสแน่ ตอนนี้ที่ไม่พูดออกไปตามตรงนั้น เพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น เพราะว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นเหลี่ยมจัดมาก จะต้องปล่อยเชือกเบ็ดออกไปให้ยาว ๆ เพื่อตกปลาตัวใหญ่”
ถึงแม้เหตุผลที่ว่ามีคนสอดแนมอยู่จะเป็นเรื่องโกหก แต่คำพูดประโยคนี้ ก็เป็นคำพูดที่มาใจจริงของเขาจริง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหอหวู่หยิง หรือคนที่ทำร้ายเสิ่นอี่ว์ เขาก็จะลากตัวออกมาให้ทุกคน แล้วลงโทษพวกเขาตามโทษที่สมควรได้รับ
ถึงแม้……จะเป็นหยุนอี่ว์โหรว เขาก็ไม่มีทางปล่อยไปแน่
หนานหว่านเยียนมองไปที่กู้โม่หานที่มีท่าทีเย็นชา
คราบเลือดตรงมุมปากเขาสะดุดตามาก แต่สายตาสะอาดแวววาว มองไม่เห็นพิรุธอะไร
นางไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเขาเจตนา ก็เลยไม่บีบบังคับคนแล้ว แต่ขมวดคิ้วเตือนขึ้นว่า “ข้าจะเชื่อที่ท่านพูดก่อนก็แล้วกัน”
“แต่ถ้ามีครั้งต่อไปอีก ท่าจะต้องให้สัญญาณกับข้าก่อน ห้ามจูบปากข้า ยิ่งห้ามหลงเหลือ……หลงเหลือร่องรอยใด ๆ ทั้งนั้น อย่างมากก็แตะหน้าข้าได้ทีหนึ่ง นอกนั้นห้ามทุกอย่าง!”
ถ้าไม่พูดให้ชัดเจน ต่อไปเกิดมีคนมาสอดแนมมากขึ้น งั้นนางก็ต้องถูกกู้โม่หานลิ้มลองไปจนหมดตัวนะซิ?
เรื่องแบบนี้นางไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้นแน่!
“แตะหน้าแค่ครั้งเดียวหรือ?” กู้โม่หานขมวดคิ้วมองไปที่หนานหว่านเยียน สายตาเย็นชาลงเล็กน้อย “แบบนั้นถือว่าแสดงละครไม่ได้หรอกนะ”
พูดจบ เขาก็ใช้ความเร็วราวสายฟ้าแลบ ตั้งใจแตะริมฝีปากของหนานหว่านเยียน มุมปากคลี่ยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างได้ใจ
“ข้ารู้สึกว่าแบบนี้ก็ไม่เลว แล้วก็จะไม่มีใครดูออกด้วยว่าเป็นเรื่องโกหก”
ความเร็วของกู้โม่หานเร็วเกินไปแล้ว สมองของหนานหว่านเยียนว่างเปล่าไปชั่วขณะ
พอนางสัมผัสถึงความอุ่นของเรียวปากบางของชายหนุ่มแตะผ่านไปนั้น ก็โมโหขึ้นมาทันที “กู้โม่หาน!”
มือที่ง้างขึ้นมาของหนานหว่านเยียนกำลังจะตบลงไปนั้น ก็ได้ยินเสียงร้อนใจของพ่อบ้านกาวดังลอยมาจากสวน
“ท่านอ๋อง พระชายา เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาแล้ว ไทเฮาเหนียงเหนียงป่วยหลักไม่ฟื้น สำนักหมอหลวงทั้งสำนักมาตรวจดูแล้วก็หาวิธีการรักษาไม่ได้ หลี่หมัวมัวจึงส่งคนมา ให้มาเรียกตัวพระชายาเข้าวังเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
อะไรนะ?!
ไทเฮาป่วยหนักงั้นหรือ?
สีหน้าของกู้โม่หานกับหนานหว่านเยียนเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มหายไปจนหมด
ทั้ง ๆ ที่ตอนเข้าวังไปเมื่อหลายวันก่อน หนานหว่านเยียนเพิ่งจะตรวจชีพจรให้ไทเฮาไป
หญิงชราอย่างนางยังแข็งแรงดีมาก และที่สำคัญเพราะว่ากินผูหย่าชาจีนแปรรูปอยู่เป็นประจำ ร่างกายจึงแข็งแรงมากกว่าคนวัยเดียวเยอะ
แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ถึงป่วยหนักได้ล่ะ?
จะต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน!
หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานมองสบตากันทีหนึ่ง ในดวงตาแอบมีความคิดที่ชัดเจนขึ้นมา และท่าทีเยือกเย็น
กู้โม่หานพูดเสียงเย็นขึ้นว่า “ข้าจะไปด้วย พ่อบ้าน เตรียมรถเข้าวัง!”
ท่าทีของเขาดูลึกลับซับซ้อน ทำให้คาดเดาไม่ออก
หนานหว่านเยียนเองก็ไม่ได้ขัดขวาง ทั้งสองคนรีบเดินไปทางประตูจวนอ๋อง
เรื่องเกิดขึ้นมากะทันหัน แล้วก็เกิดกับไทเฮาด้วย พวกเขาสองคนต่างก็จิตใจหวั่นไหว และคิดไปในทางเดียวกันอย่างไม่ได้นัดหมาย……
ถ้ามีคนทำร้ายไทเฮาจริง ๆ ก็ต้องเป็นเพราะว่าไทเฮาปกป้องพวกเขา ถ้าสามารถขจัดไทเฮาออกไปได้ งั้นคนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังของกู้โม่หาน ตัวใหญ่ก็จะขายไปคนหนึ่ง
พอพวกเขาไปแล้ว พ่อบ้านกาวก็ท่าทีเคร่งขรึมลงเล็กน้อย จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าจวนอ๋องไป
หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานขี่ม้าไปด้วยกัน ม้าวิ่งไปท่ามกลางความมืด นำพาชุดสีดำกลับชุดสีแดงเลือดหมูไป วิ่งทะยานไปทางพระราชวัง
ค่ำคืนนี้ ไม่ได้สงบเยือกเย็นอย่างกับภาพที่เห็น
หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานเข้าไปแบบไร้อุปสรรคตลอดทาง ไม่นานก็มาถึงตำหนักหลวนเฟิ่งของไทเฮา
ทั้งสองคนเพิ่งเข้าไปในตำหนัก ก็เห็นหมอหลวงจางเป็นผู้นำหมอหลวงอีกหลายคน มายืนอยู่ตรงนั้นแล้วส่ายหน้าและถอนหายใจไป
ไทเฮานอนอยู่บนเตียง สีหน้าขาวซีด หายใจลำบากจนใบหน้าบิดเบี้ยว ทั้งตัวดูเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก
ในใจหนานหว่านเยียนรู้สึกปวดใจขึ้นมา เดินเข้าไป แล้วตรวจชีพจรให้ไทเฮาดู “เสด็จย่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
กู้โม่หานขมวดคิ้วไว้ แล้วรีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว กำปั้นกำเข้าหากันทันที
พอหลี่หมัวมัวได้ยินว่าหนานหว่านเยียนมาถึงแล้ว ก็รีบพูดขึ้นด้วยท่าทีร้อนรนว่า “ทูลพระชายา คืนนี้ไทเฮาเหนียงเหนียงเสวยไปตามปกติ แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่สบายตัวกับสะอิดสะเอียนขึ้นมา แล้วอยากจะนอนพักผ่อน”
“ทีแรกบ่าวนึกว่าไทเฮาเหนียงเหนียงอาหารไม่ย่อย พอดูแกปรนนิบัตินางเข้านอนแล้วก็ออกไป แต่ใครจะไปรู้ว่าจนกระทั่งถึงเมื่อกี้ ไทเฮาเหนียงเหนียงก็ยังไม่เรียกใช้บ่าว ในใจบ่าวเป็นกังวล ก็เลยเข้ามาดู แล้วเหนียงเหนียงก็เป็นแบบนี้ไปซะแล้ว ทีแรกยังอาเจียนไม่หยุด บอกกับบ่าวว่าชาไปทั้งตัว แต่ว่าไม่นาน สีหน้าก็ค่อย ๆ ดูย่ำแย่ไปเรื่อย ๆ”
หมอหลวงจางร้อนใจแล้วไม่รู้จะทำยังไงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นหนานหว่านเยียนมาแล้ว ก็เหมือนกับมองเห็นความหวัง ก้อนหินในใจยังไงก็พอวางลงไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
เขามองไปที่กู้โม่หาน แล้วรีบพูดเสริมขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าหลี่หมัวมัวจะบอกกล่าวให้พวกข้าน้อยเป็นอันดับแรก แต่พอพวกข้าน้อยมาถึง แล้วตรวจชีพจรให้เหนียงเหนียงดูแล้ว และเร่งให้ไทเฮาอาเจียนออกมา แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีผลอะไร”
“แม้แต่อาหารที่ไทเฮาเสวยไป ข้าน้อยก็ตรวจสอบดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติเลย พออยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็เลยต้องเชิญพระชายามาดูสักหน่อย”
กู้โม่หานฟังไป บนใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ่งเยือกเย็นลง หนานหว่านเยียนไม่พูดอะไรเลย ชีพจรของไทเฮาเต้นอ่อนและช้า และที่สำคัญผิวของไทเฮาก็มีสภาพเย็นเยือกและห่อตัว
หนานหว่านเยียนเปิดเปลือกตานางออก แล้วตรวจดูการตอบสนองของม่านตา ม่านตาทั้งสองข้างเกิดการขยายตัวขึ้นมาอย่างมาก
ร่างกายรู้สึกชา อาเจียน ชีพจรเต้นอ่อนและช้า ที่สำคัญผิวหนังเย็นเยือกและห่อตัว ม่านตาขยาย ทุกอย่างมันไปสัมพันธ์กับการถูกพิษวูโถ่ว(อะโคนิทัม)เลย
ใจของนางหนักหน่วงขึ้นมา น้ำเสียงราวกับเป็นมีดที่คมกริบ “เข็มเงินสามารถตรวจสอบสารพิษอย่างพวกสารหนูออกได้ แต่ตรวจสอบพวกพิษวูโถ่วไม่ออก”
“เสด็จย่าไทเฮา ถูกคนวางยาหรือ……”